logo-heading

เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางสัปดาห์ เป็นอันว่าระฆัง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้กลับมาสั่นสะเทือนอีกครั้ง และ ไฮไลท์สำคัญ ก็คงหนีไม่พ้นคู่ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่จะได้กลับมาเปิดถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ภายหลังจากเสมอกันมานัดแรกที่แอนฟิลด์ 0-0

ต้องเรียนกันตามตรงว่านัดนี้ "กดดันทั้งคู่" พลาดแค่ครั้งเดียวอาจหมายถึงการตกรอบด้วยซ้ำ แต่หากพิจารณาให้ดีๆ "หงส์แดง" อาจจะดูหวิวๆมากกว่า เพราะสถิติเกมเยือนพวกเขาไม่ชนะใครมาแล้ว 3 นัด ยิ่งเป็นเวที "ยูซีแอล" ลิเวอร์พูล แพ้เกมนอกบ้านมาแล้ว 4 นัดรวด

ถึงกระนั้น ฟุตบอลลูกกลมๆมีลมอยู่ข้างใน มันไม่เคยมีการบัญญัติไว้ว่า สถิติห่วยๆจะชนะใครไม่เป็น เพราะฉะนั้น ลิเวอร์พูล ก็มีหนทางผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่แพ้กับ บาเยิร์น และ 4 หนทางนี้ พวกเขาต้องทำให้ได้ หากไม่อยากให้รถแห่ต้องคว่ำกลางทาง

1. กองหลังต้องเนี๊ยบ ! จากเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด ที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-2 จริงอยู่ที่ลูกแรก "หงส์แดง" ไม่ควรเสีย เนื่องจาก อลิสซอน เบ็คเกอร์ โดนกดไหล่อยู่ในกรอบเขตโทษ 6 หลา แต่ผู้ตัดสินไม่เห็น ถึงกระนั้นยังมีข้อผิดพลาดอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะการเสียประตูที่ 2 ในช่วงทดเจ็บ เนื่องด้วยเป็นการประกบตัวผิดพลาด ฉะนั้นการบุกไปเยือน อัลลิอันซ์ อารีน่า รังเหย้าของ บาเยิร์น มิวนิค .. ลิเวอร์พูล จะทำผิดพลาดแบบง่ายๆไม่ได้ จะให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซ็นเตอร์แบ็กตัวเก่ง แบกรับภาระคนเดียวคงไม่ไหว แผงแบ็คโฟร์ที่เหลือ รวมถึงเหล่าบรรดามิดฟิลด์ คงจะต้องงัดฟอร์มเกมรับมาเล่นให้เนี๊ยบที่สุด เพราะ "เสือใต้" ชั่วโมงนี้ กำลังร้อนแรงแบบสุดๆ มีแกนนำตัวเอ้ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, โธมัส มุลเลอร์ หรือ ฮาเมส โรดริเกซ โดย 2 นัดที่ผ่านมา ซัดคู่แข่งรวมไปถึง 11 ประตู พร้อมทำแต้มแซงหน้า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงเรียบร้อย เหมือนเป็นการส่งสารไปถึง ลิเวอร์พูล ว่า ถ้างานนี้กองหลังรั่ว มีโอกาสโดนถลุงเหมือนกัน 2. เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ต้องฟิตให้ทัน พ่วงมาจากข้อแรก ซึ่งนับเป็นข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" เพราะในเกมที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-2 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามช่วงท้ายเกม พร้อมกับมีรายงานว่าเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ และ ต้องรอเช็คฟิตกันชนิดต้องลุ้นแบบหนักใจ เพราะถ้าหากคิดในแง่ร้าย เทรนท์ อาร์โนลด์ ฟิตไม่ทัน จริงๆ มันอาจจำเป็นต้องใช้ เจมส์ มิลเนอร์ หรือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ออกมาเล่นแบ็คขวาจำเป็น ซึ่งภาพจำที่แฟนบอล "หงส์แดง" คงจำกันได้ว่า "มิลลี่" กับ "เฮนโด้" เติมเกมไม่สะแด่วเท่า อาร์โนลด์ และ การครอสบอล ก็ไม่ค่อยเข้าเป้าเท่าไหร่ อย่าว่าอย่างนุ้นอย่างนี้เลยครับ การต้องบุกมาเยือน บาเยิร์น คงจะต้องเล่นเกมรับให้รัดกุมเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้าหาก มิลเนอร์ หรือ เฮนเดอร์สัน มาเล่นแบ็กขวา ต้องดวลกับ แซร์จ นาบรี้ ปีกซ้ายตัวจี๊ด เรื่องความเร็วเป็นรองแบบสุดกู่ ถ้าจะหาคู่แข่งแบบสมน้ำสมเนื้อ คงต้องลุ้นให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หายเจ็บกลับมาฟิตให้ทันแล้วล่ะครับ 3. ซาลาห์ ต้องเรียกฟอร์มเทพ นับตั้งแต่ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เซ็นสัญญาย้ายจาก อาแอส โรม่า มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา คงต้องบอกว่าชั่วโมงนี้ น่าจะเป็นเวลาที่ โม ซาลาห์ ความมั่นใจหายไปมากที่สุดแล้วล่ะครับ เพราะถึงแม้เขายังสร้างความหวือหวา มีส่วนร่วมกับการทำประตูให้ "หงส์แดง" แต่ทว่าดาวเตะทีมชาติอียิปต์ ไม่ซัลโวคู่แข่งมาแล้ว 5 นัด ทุกรายการ หากย้อนกลับไปดูผลงานเมื่อซีซั่นก่อน เวลาที่ ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตู แทบจะใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ดไว้ได้เลย มีทั้งลูกยิงเล่นทาง ซัดเต็มข้อ หรือ ชิบบอลแบบเหนือชั้นก็มี แต่กระนั้นอย่าง 2 เกมนัดล่าสุด ที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 0-0 และ ชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-2 .. ซาลาห์ มีจังหวะยิงแบบลักษณะเดียวกัน คือหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง ทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา แต่สุดท้ายแล้วก็ช้าไปหนึ่งจังหวะ โดนแซะก่อนจะง้างเท้า ต่อให้ช่วงนี้ มาเน่ จะยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ และ ได้ตัว โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กลับมาเป็นกำลังหลักช่วยทีมอีกครั้ง แต่การจะเอาผ่าน บาเยิร์น ไปให้ได้ มันมีเท่านั้นไม่พอ และ ซาลาห์ ก็ต้องเป็นคนๆนั้นที่เพิ่มเข้ามา เพราะการจะฆ่า "เสือใต้" อาวุธแค่หยิบมือคงไม่พอ ต้องรอดูแล้วล่ะครับว่าเท้าซ้ายของ ซาลาห์ จะเป็นอาวุธเด็ดช่วย "หงส์แดง" ได้หรือไม่ 4. จู่โจมด้วยเคาน์เตอร์-แอทแท็ค อย่างที่ใครหลายคนทราบว่าแท็คติคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือใหญ่ ลิเวอร์พูล ชื่นชอบเหลือเกิน เวลาเจอทีมที่บุกเข้าใส่พวกเขา เพราะมันจะเปิดช่องว่างในแผงหลัง ให้กับบรรดาแนวรุก "หงส์แดง" ใช้สปีดแบบโต้กลับ เพื่อเล่นงานคู่แข่งในการทำประตู แน่นอนว่าแผนแบบนี้ "เสือใต้" ก็คงมองเห็น และ รู้ดีว่าพวกเขาควรจะรับมืออย่างไร ปิดช่องตรงไหน เพื่อไม่ให้ ลิเวอร์พูล ใช้วิชา เคาน์เตอร์-แอทแท็ค ถ้าหากทีมต้องเสียบอล ฉะนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับ "หงส์แดง" แล้วล่ะครับ ว่าถ้าตัดบอลกลับมาได้ จะโฉบฉวยโอกาสอย่างไร เพราะในแมตช์ที่ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาแบบนี้ โอกาสครั้งเดียว อาจเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า ลิเวอร์พูล จะเนี๊ยบขนาดไหนเท่านั้นเอง
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline