อย่าลืมกันว่าสุดสัปดาห์นี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงแข่งขันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมี เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ กันด้วย พร้อมมีถ่ายทอดสดให้กับแฟนบอลได้รับชมอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ไปดูกันว่าก่อนจะฟาดแข้งกันนั้น มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
1. แมนฯ ซิตี้ เต็งแชมป์แบบนอนมา
หลังจาก เอฟเอ คัพ ดำเนินมาถึงรอบรองชนะเลิศ มีแต่ผู้คนคิดกันว่า แมนฯ ซิตี้ คงนอนมาคว้าแชมป์อีกสมัย เพราะในบรรดาท็อปซิกซ์ พรีเมียร์ลีก ทัพ "เรือใบสีฟ้า" เป็นผู้เหลือรอดเพียง 1 เดียวที่ผ่านเข้าได้ ส่วนที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล, เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วงไปหมดแล้ว
นี่คือเป้าหมายถ้วยแชมป์ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการอย่างมาก เพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ประกาศไว้แล้วว่าอยากจะได้ 4 แชมป์ ในซีซั่นนี้ แล้วยิ่งฟอร์มที่แสดงให้เห็นในศึก พรีเมียร์ลีก ก็ไม่มีใครกล้าคิดเป็นอื่น ขนาดบ่อนพนันถูกกฎหมายของอังกฤษ เปิดราคาออกมาว่า "เรือใบสีฟ้า" เป็นแชมป์แค่ 1 ต่อ เท่านั้น และ ถ้าทำได้สำเร็จ ก็จะเป็นแชมป์รายการนี้ สมัยที่ 6 เทียบเท่ากับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
2. วูล์ฟแฮมป์ตัน แจ็คผู้ฆ่ายักษ์
การผ่านเข้ามาถึงรอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ ของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไม่ได้มาเพราะเจอกับทีมรองบ่อน หรือ โชคช่วย เพราะทัพ "หมาป่า" ต้องผ่านด่านยักษ์ใหญ่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาถึง 2 ทีม เริ่มด้วยการเปิดบ้านตบ ลิเวอร์พูล 2-1 ตั้งแต่รอบ 3 และ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อีกด้วยสกอร์ 2-1 เช่นกัน
ผู้เล่นที่น่าจับตามอง คงต้องยกให้กับ ราอูล ฆิมิเนซ ที่เพิ่งเซ็นสัญญาอยู่กับทีมแบบถาวร หลังกดไปแล้วถึง 3 ประตู และ 2 จาก 3 ตุง ก็มาจากการซัดใส่ "หงส์แดง" และ "ปีศาจแดง" ฉะนั้นคู่แข่งอย่าง วัตฟอร์ด พวกเขาไม่กลัวแน่นอน และ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน ต้องการ นั่นก็คือการผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งแรก ในรอบ 59 ปี
3. วัตฟอร์ด สมชื่อฉายา "แตนอาละวาด"
ต้องบอกว่า วัตฟอร์ด ภายใต้การคุมทีมของ ฆาบี กราเซีย มาดีเหลือเกินในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ล่าสุดก็ส่ง ฟูแล่ม กลับไปสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เรียบร้อย ด้วยการตบเบาๆ 2-0 พร้อมกับขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 8 ของตาราง มี 46 คะแนน ตามหลัง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แค่ 1 คะแนน เท่านั้น
ส่วนคู่แข่ง วัตฟอร์ด ในศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ต้องบอกว่าสูสีมาก นั่นก็คือ วูล์ฟแฮมป์ตัน พวกเขาเคยเจอกันมาแล้ว 1 ครั้ง ในซีซั่นนี้ และ เป็น "แตนอาละวาด" บุกไปเอาชนะมาได้ 2-0 ต้องรอดูว่าสุดสัปดาห์นี้ จะย้ำแค้นได้หรือไม่ ซึ่งหากทำได้ จะเป็นการผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งแรก ตั้งแต่ปี 1984
4. ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน คือเต็งบ๊วย
การผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ นับเป็นอะไรที่มันเกินคาดมากจริงๆ สำหรับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เพราะในประวัติศาสตร์สโมสร พวกเขาเคยเข้าชิงรายการนี้เพียงแค่ 1 ครั้ง เท่านั้น และ ก็เป็นได้เพียงแค่รองแชมป์ เมื่อปี 1983
สาเหตุที่พวกเขา เป็นเต็งบ๊วยจาก 4 ทีม ก็เพราะ ดันไปจับสลากเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ใครๆก็มองว่าแบเบอร์ เพราะคู่แข่งอีก 3 ทีม เกรดบอลยังไม่ถึงกัน อย่างไรก็ตาม มาถึงรอบนี้ ไบรท์ตัน คงไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด กว่าจะผ่านเข้ามาได้ ต้องต่อเวลาเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน, ดวลจุดโทษเอาชนะ มิลล์วอลล์ ทั้งที่ตามหลังไปก่อน 0-2 ฉะนั้นพวกเขาคงสู้แค่ตาย เพราะก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงรอบนี้ได้อีกเมื่อไหร่
5. VAR จะปรากฏบนจอในสนาม
โดยปรกติแล้ว เวลาที่แฟนบอลอยู่ในสนาม มักจะไม่เห็นภาพช้า เหมือนกับแฟนบอลทางบ้าน ที่จะมีหลายมุมกล้อง ให้พิจารณาว่าล้ำหน้าหรือเปล่า สมควรได้ฟาวล์ไหม และ ต่อให้จะมี VAR (วีดีโอช่วยตัดสินย้อนหลัง) แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นจังหวะนั้นๆ เพราะจะมีแค่กรรมการในสนามเท่านั้น ที่จะได้พิจารณาเหตุการณ์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ จะเป็นครั้งแรกแห่งเกาะอังกฤษ ที่ภาพ VAR จะปรากฏบนจอยักษ์ในสังเวียน ให้แฟนบอลที่สนามได้เห็นกันไปเลย จะได้ไม่ต้องมีอะไรคาใจกันอีก เรียกว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ฟุตบอลกับเทคโนโลยีแบบเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว
