logo-heading

หลังจากที่ทุกท่านได้ทราบแล้วว่า เอฟเอ คัพ รองชิงชนะเลิศ ซีซั่นนี้ เป็นคู่ไหน เมื่อ วัตฟอร์ด ได้สร้างเรื่องราวปาฏิหาริย์

พลิกนรกกลับมาจากตามหลัง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 0-2 มาตีเสมอ 2-2 ก่อนผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา 90 ก่อนจะพลิกกลับเอาชนะช่วงต่อเวลาพิเศษได้อย่างสุดมัน 3-2 ผ่านเข้าไปชิงถ้วยกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องราวปาฏิหาริย์การคัมแบ็ก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในวงการลูกหนัง ของ เอฟเอ คัพ เพราะก่อนหน้านี้มีการพลิกนรกเกิดขึ้นมากมาย แต่ 5 เกมที่จะกล่าวต่อจากนี้ คือแมตช์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์รายการที่เก่าแก่ที่สุดแห่งวงการลูกหนังแดน "ผู้ดี"

5.เร็กซ์แฮม 2-1 อาร์เซน่อล : เอฟเอ คัพ 1992 รอบ 3

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผลการแข่งขันที่ยิงกันถล่มทลาย แต่นับเป็นหนึ่งในการคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เอฟเอ คัพ และ เป็นหนึ่งในการพลิกล็อคถล่มทลายบนเวทีรายการนี้ เช่นเดียวกัน เพราะขณะนั้น อาร์เซน่อล คือแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ขณะที่ เร็กซ์แฮม ช่างต๊อกต๋อย อยู่ใน ดิวิชั่น 4 แห่งลีกแดน "ผู้ดี" อย่างที่บอกว่า อาร์เซน่อล เหนือกว่าทุกกระบวนท่า ทั้งระดับดิวิชั่น, จำนวนแชมป์ และ ดีกรีของนักเตะ ซึ่ง "ไอ้ปืนใหญ่" ได้ประตูขึ้นนำไป 1-0 ตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก จาก อลัน สมิธ ตำนานกองหน้า และ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรยากเย็น พร้อมปิดเกมด้วยสกอร์นี้ แต่เกมยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะปาฏิหาริย์ ได้เกิดขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เมื่อทีมอย่าง เร็กซ์แฮม ได้ขีดเขียนเรื่องราวประวัติศาสตร์ด้วยการยิงพลิกแซงนำ 2-1 ในนาที 82 และ 84 เขี่ย อาร์เซน่อล ตกรอบแบบที่พวกเขายังไม่เชื่อสายตา เกมวันนั้นแฟนบอล เร็กซ์แฮม เก็บอาการกันไว้ไม่อยู่ วิ่งกรูกันลงมาเต็มสนามไปหมด เพราะสามารถคัมแบ็กเอาชนะแชมป์ลีกอย่าง อาร์เซน่อล ไปได้

4. ทรานเมียร์ โรเวอร์ส 4-3 เซาธ์แฮมป์ตัน : เอฟเอ คัพ 2001 รอบ 5 (นัดรีเพลย์)

เซาธ์แฮมป์ตัน ในยุคปี 2000 นับว่ามีแฟนบอลบ้านเรา ตามเชียร์กันเยอะพอสมควร เพราะมีตำนานที่ยังค้าแข้งอยู่ นั่นคือ แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ซึ่งการต้องเจอกับ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ที่อยู่ ดิวิชั่น 1 ขณะนั้น ไม่ได้ทำให้ "นักบุญแดนใต้" รู้สึกหวั่นกลัว ตรงกันข้าม พวกเขาคงมองถึงการเข้ารอบด้วยซ้ำ ขณะนั้น เซาธ์แฮมป์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล บุกไปนำ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้น แบบยับเยิน 3-0 โอกาสเข้ารอบใสๆแล้ว แต่ว่าก็เกิดการคัมแบ็กขึ้น เมื่อ พอล ไรด์เอาท์ อดีตแข้ง "นักบุญแดนใต้" กลับมาย้อนเล่นงานทีมเก่า ด้วยการซัดแฮตทริค ในช่วง 30 นาทีสุดท้าย และ สจ๊วร์ต บาร์โลว์ มายิงให้ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส พลิกนรกมาแซงชนะ 4-3 เฉยเลย

3. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-3 ลิเวอร์พูล (ชนะจุดโทษ) : เอฟเอ คัพ 2006 รอบชิงชนะเลิศ

นับตั้งแต่ที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 พวกเขาก็ได้รับสถาปนากลายเป็นทีมเจ้าพ่อคัมแบ็ก ตัวจริงเสียงจริง เพราะเวลาตามหลังคู่แข่ง ก็มักกลับมาได้เสมอ อย่างสิ่งที่้เกิดขึ้น ในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 2006 ที่พวกเขาเจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เกมนั้น สาวก "เดอะ ค็อป" ต้องนั่งหงอยตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เพราะตามหลัง "ขุนค้อน" 0-2 แต่การเป็นเจ้าพ่อคัมแบ็ก พวกเขาก็ไล่มา 1-2 และ ตีเสมอสำเร็จ 2-2 ก็โดนนำออกไปอีกเป็น 2-3 ทำท่าว่า ลิเวอร์พูล จะต้องจบซีซั่นด้วยมือเปล่า เพราะครบ 90 นาที ก็ยิงไม่ได้ แต่ว่า "หงส์แดง" มีชายที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อยู่ในสนาม เขาวาดขากดเต็มแรง จากนอกกรอบระยะ 30 หลา บอลพุ่งเสียบเสา เป็นประตูตีเสมอ 3-3 อย่างเหลือเชื่อ จากนั้น ต่อเวลาพิเศษ และ ไม่มีใครทำอะไรเพิ่้มเติมได้ สุดท้ายต้องไปฎีกาดวลจุดโทษ โดยเป็น ลิเวอร์พูล ที่แม่นเป้ามากกว่า ยิงเข้า 3 คน จาก 4 คน ขณะที่ เวสต์แฮม ซัดเข้าแค่ 1 คน เท่านั้น ทำให้ "หงส์แดง" คว้าแชมป์ไปครอง

2. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 3-4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอฟเอ คัพ 2004 รอบ 4 (นัดรีเพลย์)

ต้องยอมรับโดยดีว่า ในช่วงปี 2004 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมระดับกลางๆของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ บางทีต้องลุ้นหนีตกชั้นด้วยซ้ำ ไม่เหมือนกับเวลานี้ ที่พวกเขากลายเป็นยักษ์ใหญ่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปเรียบร้อย และ สถาปนาตัวเองขึ้นมามีลุ้นแชมป์ทุกซีซั่น ซึ่งแมตช์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในพงศาวดาร เอฟเอ คัพ ก็คือเกมที่ "เรือใบสีฟ้า" ต้องไปเจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดรีเพลย์ เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่มีแววรอดหลงเหลืออยู่เลย เพราะตามหลัง "ไก่เดือยทอง" ตั้งแต่ครึ่งแรก 0-3 อีกทั้ง โจอี้ บาร์ตัน มิดฟิดล์เลือดร้อนของ แมนฯ ซิตี้ ก็โดนใบแดงไปอีก สถานการณ์อันเลวร้าย ตามหลัง 3 ลูก กับเหลือผู้เล่นน้อยกว่า ยิงได้สักลูกหนึ่งก็เก่งแล้ว แต่ขอโทษ !! แมนฯ ซิตี้ สร้างนิยายหนึ่งในการคัมแบ็กที่โหดที่สุดของ เอฟเอ คัพ เมื่อพวกเขากดรวดเดียว 4 ลูกรวด โดยเฉพาะประตูชัย เกิดขึ้นในนาที 90 จาก จอน แม็คเคน กองหน้าของ "เรือใบสีฟ้า"

1. เชลซี 2-4 แบรดฟอร์ด : เอฟเอ คัพ 2015 รอบ 4

เชื่อว่าภาพจำยังคงชัดเจนในหัวสมองของแฟนบอล เชลซี เพราะคงไม่มีใครกล้าคิดว่าทัพ "สิงห์บลูส์" ที่ขณะนั้นคุมทีมโดย โชเซ่ มูรินโญ่ และ กำลังนำเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะต้องมาตกรอบด้วยน้ำมือของ แบรดฟอร์ด ซึ่งเป็นทีมระดับ ลีก วัน .. เรียกว่า เชลซี รอเชือดหมู ไม่น่ามีอะไรให้กังวลใจ แถมยังเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ และ รูปเกมมันก็เหมือนจะเป็นไปแบบนั้น เพราะ เชลซี นำไปก่อน 2-0 แบบชิลล์ จากฝีเท้าของ แกรี่ เคฮิลล์ กับ รามิเรส แต่วงการฟุตบอล ไม่มีอะไรคาดเดา และ มักจะมีปาฏฺิหาริย์อยู่เสมอ เพราะหลังจากนั้น กลายเป็น แบรดฟอร์ด รัวทีเดียว 4 ประตู พลิกนรกกลับมาตบทีมแชมป์ลีกอย่าง เชลซี คาถิ่น ไปหน้าตาเฉย 4-2 แถมได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม นับเป็นการหนึ่งในการคัมแบ็กที่ติดหน้าประวัติศาสตร์ของ เอฟเอ คัพ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline