logo-heading
9 เมษายน 2018 เหตุการณ์ในแวดวงลูกหนังที่สำคัญที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องการสั่งลาสโมสร แอตเลติโก มาดริด ของอีกหนึ่งตำนานอย่าง “เอล นินโญ่” เฟร์นานโด ตอร์เรส เพราะนี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่จะเห็นเขาปรากฏกายที่สังเวียน ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ มาจนถึงในวันนี้เจ้าตัวประกาศอำลาสังเวียนฟาดแข้งเรียบร้อยแล้ว โดยค้าแข้งกับ ซางัน โทสุ เป็นสโมสรสุดท้าย วันนี้ขอบสนามจะพาไปย้อนรอยความทรงจำของตำนานลูกหม้อ แอตเลติโก มาดริด รายนี้ ตอร์เรส อยู่กับ แอตฯ มาดริด มาตั้งแต่อายุราว 10 ขวบต้นๆ และก็ใช้เวลาไม่นานหลังจากนั้นในการแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ ตลอดจนการเข้าไปครองดวงใจของเหล่าสาวก “ตราหมี” ตลอดระยะเวลา 15 ปีกับการรับใช้สโมสรได้เกิดความทรงจำมากมายทั้งในช่วงก่อนย้ายออกไปและตอนกลับเข้ามาอีกครั้ง 1. เปิดตัวกับ แอตฯ มาดริด ชุดใหญ่ และเปิดซิงภายในสัปดาห์แรก 27 พฤษภาคม 2001 นั่นคือย่างก้าวแรกของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ได้เปิดตัวกับ แอตฯ มาดริด ชุดใหญ่ในเกมกับ เลกาเนส ก่อนที่อีก 1 สัปดาห์เขาจะเปิดซิงประตูแรกในสีเสื้อทีมชุดใหญ่ได้ในเกมที่เจอกับ อัลบาเซเต้ แต่ถึงกระนั้นสโมสรต้องพลาดตั๋วเลื่อนชั้นสู่เวที ลา ลีกา ไปแบบฉิวเฉียด 2. ฉุด แอตฯ มาดริด คืนสู่สังเวียน ลา ลีกา ฤดูกาล 2001-02 อาจไม่ใช่ปีที่ ตอร์เรส โชว์ฟอร์มได้ดีสักเท่าไหร่ เพราะเขาซัดไปแค่ 6 ประตูเท่านั้นจาก 36 เกม แต่อย่างน้อยก็ได้โอกาสลงสนามมากขึ้น และก็มีส่วนพา แอตฯ มาดริด เลื่อนชั้นกลับสู่เวที ลา ลีกา 3. สกอร์แรกในเวที ลาลีกา โดยที่ไม่ต้องรอนาน หลัง “ตราหมี” ได้ตั๋วกลับไปผจญภัยใน ลา ลีกา ตอร์เรส ก็มีคิวไปรับใช้ทีมชาติ สเปน ในศึก ยูโร รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี พร้อมพาชาติเกิดเถลิงบัลลังก์แชมป์ และพ่วงตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ จากนั้น ตอร์เรส ต้องเจอกับบททดสอบที่ยากกว่านั่นคือการเล่นใน ลา ลีกา ว่าจะไหวแค่ไหน ? แต่ด้วยประสบการณ์ที่เริ่มสั่งสมมา ตอร์เรส เลเวลอัพขึ้นเยอะกว่าที่หลายๆ คนคาดคิด ก่อนมานับ 1 จนได้ในเกมที่เจ๊า เซบีย่า 1-1 ซึ่งไอ้หนูแก้มแด้งคนนี้เปิดซิงได้แแล้ว 4. ถูกนำไปเทียบชั้นตำนานอย่าง ราอูล กอนซาเลซ และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น การประชันหน้ากับ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ถ้าเป็นตอนนี้ต้องบอกเลยว่าเป็น “ขนมกรุบ” ดีๆ นี่เอง แต่ถ้าเป็นยุคนั้นถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ ลา ลีกา ปี 2000 อย่างไรก็ตาม 12 มกราคม 2003 ตอร์เรส ซัด 2 ตุงพาต้นสังกัดเข้าวินเหนือ “ซูเปอร์เดปอร์” 3-1 แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือโชว์ของ ตอร์เรส ทั้งเรื่องการพักบอล, การแต่งบอลเข้าจังหวะ การกระชากบอลผ่านคู่ต่อสู้ ตลอดจนความเฉียบคม ทำให้วันนั้นสื่อหลายสำนักใน สเปน ต่างยกย่องเขาว่าเป็น ราอูล กอนซาเลซ และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น 5. ทีมใหญ่เริ่มรุมตอม หลังสิ้นสุดฤดูกาล 2002-03 ตอร์เรส ซัดไป 13 ประตูจาก 29 เกมให้ แอตฯ มาดริด และพาทีมจบอันดับ 11 อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์และเทคนิคอันเหลือร้ายที่มีอยู่ในตัว มันได้ไปเตะตาเหล่าบรรดาทีมบิ๊กเนมจนอยากจะลักพาตัวมาร่วมก๊วนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส ซึ่งหนึ่งในทีมที่แสดงออกชัดเจนที่สุดเลยคือ เชลซี ทันทีที่ “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์ แต่ถึงกระนั้นทาง แอตฯ มาดริด ก็ยืนกรานว่ายังไงก็ไม่ขาย ถึงแม้จะได้ข้อเสนอเป็นเงินจำนวน 28 ล้านปอนด์ก็ตาม 6. กัปตันในวัยทีน ตอร์เรส มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดขึ้นในทุกๆ ปี โดยในฤดูกาลต่อมาเขาได้รับโอกาสสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมในวัยแค่ 19 ปีเท่านั้น ซึ่งในชุดนั้นมี ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือ แอตฯ มาดริด อยู่ในทีมด้วย ส่วนผลงานในปีนั้นเขายิงได้ 20 ประตูในเวที ลา ลีกา พร้อมกับเป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 3 ในฤดูกาลนั้น เป็นรองแค่ โรนัลโด้ โล้นทองคำ และ ชูลิโอ บาปติสต้า 7. เจาะตาข่าย เรอัล มาดริด ครั้งแรกในศึกผ่าเมือง มาดริด ดาร์บี้ เมื่อมีสถานะเป็นแข้งของ แอตเลติโก มาดริด แน่นอนในทุกๆ ปีคุณต้องโม่แข่งกับอริร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นทีมทีมยิ่งใหญ่กว่า และนับตั้งแต่ที่ “ตราหมี” เลื่อนชั้นกลับมาโลดแล่นใน ลา ลีกา ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ตอร์เรส ยังไม่เคยมีชื่อทำประตูได้ในศึก มาดริด ดาร์บี้ เลย อย่างไรก็ตามสุดท้ายวันนั้นมันก็มาถึงเมื่อเพื่อนร่วมทีมครอสบอลมาให้จากริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ตอร์เรส จับบอล 1 จังหวะก่อนยิงตามน้ำด้วยขวา บอลกลิ้งเลียดถากเสาผ่านมือ อิเกร์ กาซิยาส เข้าไป ซึ่งเกมวันนั้นสกอร์จบที่ 1-1 ณ สังเวียน บิเซนเต้ กัลเดร่อน 8. สั่งลาก่อนโยกไปผจญภัยกับ ลิเวอร์พูล 2 กรกฏาคม 2007 มีรายงานว่า ตอร์เรส ได้สละวันหยุดพักร้อนของตัวเองเพื่อเดินทางกลับไปยังกรุง มาดริด เพื่อเจรจากับ แอตฯ มาดริด เพื่อขอย้ายไป ลิเวอร์พูล จากนั้นวันต่อมาเจ้าตัวได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่สนามซ้อม เมลวู้ด ของ ลิเวอร์พูล ก่อนที่วันต่อมา 4 กรกฏาคม ตัวนักเตะได้ออกมาแถลงการณ์อำลาสโมสร เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอล เพื่อย้ายไปค้าแข้งให้ ลิเวอร์พูล 9. กลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากผ่านการรับใช้ ลิเวอร์พูล, เชลซี และ เอซี มิลาน ชีวิตช่วงหลังของ “เอล นินโญ่” ก็ดูไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ก็เลยเลือกลับมาชุบตัวที่บ้านเกิดกับสโมสรแรกเริ่มอย่าง แอตฯ มาดริด เมื่อปี 2015 ท่ามกลางการต้อนรับจากแฟนบอลอันเป็นที่รัก 10. ไปทำธุระที่ ซานติาโก้ เบร์นาเบว การกลับมาคราวนี้ ตอร์เรส ก็มีอายุที่มากขึ้นและไม่ได้เก่งกาจเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นเรื่องการพังประตูอาจจะหวังไม่ได้มากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามในเกม โกปา เดล เรย์ เลก 2 ที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เจ้าของฉายา “เอล นินโญ่” ทำประตูได้ในเกมนั้น พร้อมพา แอตฯ มาดริด เขี่ย เรอัล มาดริด จอดป้ายไว้ที่รอบ 16 ทีมด้วยสกอร์รวมชนะ 4-2 11. ประตูที่สวยสดงดงามที่สุดนับตั้งแต่กลับมาคำรบ 2 เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นกองหน้าหน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบคือการทำพังประตูให้ได้นั่นเอง ช่วงเดือน กุมภพันธ์ 2017 ประตูที่สวยสดงดงามที่สุดของ ตอร์เรส นับตั้งแต่กลับคืนสู่บ้านหลังเก่านั้นได้เกิดขึ้นในเกมที่พบกับ เซลต้า บีโก้ โดยเป็นจังหวะยืนอยู่ในระยะ 18 หลาห่างจากประตู ตอร์เรส หันหลังให้ประตูและแต่งบอลให้เด้งพื้น 1 จังหวะ ก่อนจะตัดสินใจยิงงัดข้ามหัวตัวเอง บอลพุ่งย้อยลอยเสียบหน้าต่างทางเสา 2 เล่นทำเอาผู้รักษาประตูคู่แข่งได้แต่ยืนมอง 12. เกมสุดท้ายที่ บิเซนเต้ กัลเดร่อน เกมสั่งลาสนาม บิเซนเต้ กลเดร่อน ก่อนจะย้ายไปใช้สนามแห่งใหม่ ตอร์เรส ทำให้งานในวันนั้นไม่กร่อยเลย เพราะเขาทำประตูได้ในวันนั้นถึง 2 ลูกในนาทีที่ 8 และ 11 ก่อนจบเกมเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่สามารถเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ได้ 3-1 13. แชมป์ ยูโรป้าลีก ถึงแม้ เฟร์นานโด ตอร์เรส จะไม่มีส่วนร่วมใดๆ กับการพา แอตเลติโก มาดริด เถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก จากการถลุง โอลิมปิก มาร์กเซย ไป 3-0 แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ลงสนามเหยียบพื้นสนามรับเสียงเฮจากแฟนๆ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และก็ได้ชูถ้วยโทรฟฟี่ใบนี้ก่อนจะอำลาสนาม
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline