ภายหลังจาก เมาริซิโอ ซาร์รี่ ประกาศอำลา เชลซี ย้ายไปเปิดตัวคุมทีม ยูเวนตุส เรียบร้อยแล้ว มาจนถึงตอนนี้ "สิงห์บลูส์" ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแต่งตั้งโค้ชใหม่สักที ทั้งๆที่มีข่าวกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตำนานมิดฟิลด์ของสโมสร มาโดยตลอด
กระทั่งล่าสุด ก็มีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่าสาเหตุที่บอร์ดบริหาร ยังไม่ตัดสินใจแต่งตั้ง แลมพาร์ด เสียที ก็เพราะเป็นกังวลเรื่อง "อ่อนประสบการณ์" เพราะเพิ่งได้คุมทีมเต็มตัวแค่ซีซั่นเดียวกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ และ ต้องมาแบกน้ำหนัก ขึ้นรับภาระกับ เชลซี
ฉะนั้น หากข่าวนี้เป็นจริง นั่นก็หมายความว่า เชลซี ก็กำลังพิจารณากุนซือรายอื่นเช่นกัน เพราะความสำเร็จเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ บางที 4 โค้ชต่อไปนี้ มีโอกาสอาจได้มากุมบังเหียนในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
1. โชเซ่ มูรินโญ่
พอพูดถึงชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็นึกถึงท่อนเพลง
"ถ่านไฟเก่า ยังร้อนรอวันรื้อฟื้น" ของ พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ทันที เพราะ "เดอะ สเปเชียล วัน" ก็เปรียบเสมือนเป็นรักแรกพบของ เชลซี ต่อให้จะเลิกรากันไป ก็ไม่มีวันลืมเลือน แฟนบอล "สิงห์บลูส์" ยังคงเทิดทูน กับประวัติศาสตร์ที่เคยพาสโมสรคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอลถ้วย อีกมากมาย
จริงอยู่ที่ การจากลาของ มูรินโญ่ กับ เชลซี ทั้ง 2 ครั้ง 2 ครา ไม่ได้สวยหรู ประดุจดั่งตำนานคนหนึ่งที่ควรจะเป็น หรือ ต่อให้มีรอยบาดแผล จากการย้ายไปคุมทีมศัตรู เหมือนควงสาวอื่นมาเย้ยหยันต่อหน้า แต่เชื่อเถอะว่าสาวก "สิงห์บลูส์" ก็อยากจะเห็น น้ามู กลับมาเป็นครั้งที่ 3 เพราะกุนซือยุคสมัยนี้ ไม่มีใครจะโดดเด่นเรื่องประสบการณ์คุมทีมแห่งโลกลูกหนัง และ รู้จักเบื้องลึกเบื้องตื้นของสโมสร ไปมากกว่าชายผู้นี้อีกแล้ว
2. มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี
เชลซี เคยใช้บริการกุนซือเลือด "มะกะโรนี" มาแล้วหลายคน และ ต่างก็มีความสำเร็จมาให้เชยชม ไม่ว่าจะเป็น จานลูก้า วิอัลลี่, โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ, อันโตนิโอ คอนเต้ และ ล่าสุดก็ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ซึ่งขนาดฟอร์มกระท่อนกระแท่น ก็ยังเสกแชมป์ ยูโรปา ลีก ทิ้งทวนมาประดับไว้ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
ฉะนั้น อัลเลกรี ผู้มีประสบการณ์โชกโชนบนเวทีลูกหนัง เขาคือบุคคลที่พา เอซี มิลาน คว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2011 ส่วนการไปกุมบังเหียน ยูเวนตุส ไม่ต้องพูดถึง กวาดแชมป์ "สคูเด็ตโต้" ถึง 5 สมัย รวมถึง โคปปา อิตาเลีย ไปอีก 4 สมัย ฉะนั้นโปรไฟล์ขนาดนี้ แถมยังเป็นชาวอิตาเลี่ยน ซึ่งเป็นโค้ชสัญชาติที่มักประสบความสำเร็จกับ "สิงห์บลูส์" ฉะนั้นบอกเลยว่าการย้ายออกจาก ยูเวนตุส อาจมาลงเอยปลายทางกับ เชลซี
3. ราฟาเอล เบนิเตซ
ไม่รู้ว่าในสายตาของแฟนบอล เชลซี กุนซือที่มีชื่อว่า ราฟาเอล เบนิเตซ จะได้ไปนั่งอยู่ในใจกันบ้างหรือเปล่า เพราะการคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก อาจไม่เพียงพอ ต่อการลบล้างความบาดหมาง ที่ "เอล บอส" เคยมีประวัติไฝว้กับ "สิงห์บลูส์" มานักต่อนัก สมัยที่กุมบังเหียน ลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ตาม ในสายตาบอร์ดบริหาร เบนิเตซ คือหนึ่งในผู้เข้าข่ายที่มีโอกาสมารับงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง เพราะโค้ชร่างท้วมรายนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าปัจจุบันที่กำลังคุมทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไม่ได้มีเงินเสริมทัพมากมายเหมือนสโมสรอื่นๆ แต่ก็พยุงตัวให้รอดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สบายๆ ฉะนั้นเมื่อ เชลซี มีโอกาสถูกแบนห้ามลงทะเบียนนักเตะใหม่ในตลอด 2 รอบถัดไป บางทีตรงนี้ เบนิเตซ อาจจะมีแผนในการแก้ไข หากได้กลับมาคุมทีม เชลซี จริงๆ
4. หลุยส์ เอ็นริเก้
ภายหลังจากที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ทำหลายคนตกอกตกใจ ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติสเปน ก็เลยมีข่าวเชื่อมโยงทันทีว่าอนาคตอาจจะมารับงานคุมทีมสโมสร ซึ่งทีมที่ตกเป็นข่าว ก็ไม่พ้น เชลซี เป็นเพราะเฮดโค้ชชาวสแปนิชรายนี้ มีกระแสพัวพันมากุมบังเหียนในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อยู่ตลอด ก่อนจะตกลงปลงใจคุมทีม "กระทิงดุ"
อย่างไรก็ตาม ถ้าถามถึงโอกาสความเป็นไปได้ บอกเลยว่าไม่เท่ากับ 3 คนแรก เพราะตอนที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ประกาศลาออกจากกุนซือทีมชาติสเปน ก็เป็นเหตุผลเรื่องครอบครัว เพราะเจ้าตัวต้องกลับไปดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ไม่ได้มาทำหน้าที่ข้างสนามให้กับทัพ "กระทิงดุ" ตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ฉะนั้นอาจเป็นไปได้ว่า หลุยส์ เอ็นริเก้ อาจจะขอเว้นวรรคสักระยะหนึ่ง
