ผ่านมือพี่มาแล้ว!9 แข้งตัวท็อปผู้ปลุกปั้นโดย คล็อปป์

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเฮฟวี่ เมทัล ซึ่งปัจจุบันกุมบังเหียนสโมสร ลิเวอร์พูล กำลังถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในเฮดโค้ชที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะสไตล์การทำทีม ที่เน้นเกมรุกสนุกสุดมัน ซึ่งได้สร้างชื่อมาตั้งแต่สมัยอยู่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับการคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย และกำลังพา "หงส์แดง" ลุ้นโทรฟี่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แต่นอกจากฝีมือการทำทีมแล้ว คล็อปป์ ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการปั้นนักเตะธรรมดาๆ ให้กลายเป็นแข้งระดับโลก ประดับวงการฟุตบอลไว้มากมาย ซึ่งในปัจจุบันเขาก็ยังคงทำให้เห็นเสมอมา ดังนั้นมาดูกันว่า 9 แข้งระดับท็อป ที่เคยผ่านมือของ "เดอะ นอร์มอล วัน" มาแล้ว จะมีใครบ้าง!

1. มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์

มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ ย้ายมาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ หลังไม่สามารถแจ้งเกิดกับ บาเยิร์น มิวนิค นับจากนั้นปราการหลังรายนี้ ก็เริ่มสร้างชื่อขึ้นมาเรื่อยๆกับสโมสร โดยมี เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้ดูแลอยู่ไม่ห่าง ฮุมเมิ่ลส์ นับเป็นกองหลังที่ครบเครื่อง ทั้งเก่งเรื่องลูกกลางอากาศ, การเล่นบอลด้วยเท้า หรือแม้กระทั่งการขึ้นไปทำประตู ตลอด 7 ซีซั่นกับ ดอร์ทมุนด์ เขามีส่วนร่วมกับการเป็นแชมป์ลีกถึง 2 สมัย และ เดเอฟเบ โพคาล อีก 1 สมัย รวมถึงได้แชมป์ ฟุตบอลโลก 2014 กับ เยอรมัน แต่ความต้องการของเขาคือถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จึงย้ายกลับไปอยู่ "เสือใต้" เมื่อปี 2016

2. มาริโอ เกิทเซ่

ผลผลิตจากรั้วอะคาเดมี่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ขนานแท้ เพราะเขาอยู่กับสโมสรมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ภายใต้การนำทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่เพียงเป็นนักเตะที่มีทักษะดีคนหนึ่งของโลก เขายังถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีที่สุดอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะ เกิทเซ่ มีส่วนสำคัญในการพา "เสือเหลือง" คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน 2 สมัย และ เดเอฟเบ โพคาล อีก 1 สมัย และจากการปั้นของ คล็อปป์ ทำให้ บาเยิร์น อดรนทนไม่ไหว ต้องตัดแข้งตัดขา ซื้อตัว เกิทเซ่ ไปเสริมทัพ สร้างความโกรธแค้นให้กับบรรดาแฟนบอลเป็นอย่างมาก แต่ด้วยอาการบาดเจ็บและถูกดรอปเป็นสำรอง ทำให้สุดท้ายต้องซมซานกลับมาอยู่ ดอร์ทมุนด์

3. อิลคาย กุนโดกัน

นี่คืออีกหนึ่งนักเตะที่ถูกปลุกปั้นมาโดย เจอร์เก้น คล็อปป์ ช่วงฟอร์มจุดพีคของ อิลคาย กุนโดกัน ถูกยกย่องให้เป็นมิดฟิลด์พลังไดนาโม วิ่งเท่าไหร่ไม่มีหมด นับเป็นห้องเครื่องคนสำคัญของ "เสือเหลือง" ในการคว้าแชมป์ลีกฤดูกาล 2011-12 เลยก็ว่าได้ ช่วงที่โมเดิร์นมิดฟิลด์รายนี้ กำลังพีคสุดขีด หาใครมาจับตัวยากมาก แต่กระนั้น อาการบาดเจ็บ ก็เป็นตัวพลัดพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา เมื่อต้องนอนในโรงหมอ มากกว่าลงสนาม ตลอด 2 ฤดูกาลสุดท้ายกับ ดอร์ทมุนด์ อย่างไรก็ตามเขาต่อสู้จนกลับมาลงสนามได้ และปัจจุบันมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก็ใกล้จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้แล้ว

4.ชินจิ คากาวะ

มิดฟิลด์ผู้โนเนม หน้าตาบ้านๆจากประเทศญี่ปุ่น ถูกขุนให้หล่อเหลาขึ้นมาทันตา โดย เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังซื้อตัวมาจาก เซเรโซ่ โอซาก้า เมื่อฤดูกาล 2010-11 เพียงแค่ซีซั่นแรก คากาวะ ก็ระเบิดฟอร์มให้เห็นเป็นขวัญตา ด้วยการยิงไป 12 ประตู จาก 28 นัดรวมทุกรายการ สร้างชื่อกระฉ่อนไปทั่วโลก คากาวะ เป็นนักเตะคนสำคัญของอย่างแท้จริง ที่ช่วยให้ ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน 2 สมัย จนกระทั่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซื้อตัวไปร่วมทีม ถึงแม้ผลงานจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็มีเหรียญแชมป์ พรีเมียร์ลีก ติดมือ ก่อนจะต้องอพยพย้ายกลับมาอยู่ ดอร์ทมุนด์ กับ คล็อปป์ ผู้ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงแบบทุกวันนี้

5. มาร์โก รอยส์

อาการบาดเจ็บคือตัวหายนะของ มาร์โก รอยส์ โดยแท้ ที่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะปัญหาเดี้ยงก่อนทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2014 ที่ทีมชาติเยอรมัน คว้าแชมป์มาครอง แต่กระนั้นเขาจะกลับมาเป็นแบบทุกวันนี้ไม่ได้เลย ถ้าหากขาดคำแนะนำดีๆจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ โดยมีช่วงปี 2012 ที่เขาย้ายกลับมาอยู่ "เสือเหลือง" รอยส์ ได้ขีดเขียนสร้างผลงาน จนเตะตาบรรดาบิ๊กทีมทั่วทวีปยุโรป ถึงแม้เขายังไม่สามารถก้าวไปถึงระดับท็อปของโลกได้ เนื่องจากโรคเดี้ยงที่ตามเล่นงานอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กระนั้นเมื่อดาวเตะผู้ซื่อสัตย์กลับมาเมื่อไหร่ เขาสามารถแสดงผลงานอันโดดเด่นออกมาได้ทันที

6. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

หากมองย้อนกลับไป ดอร์ทมุนด์ ใช้เงินซื้อ เลวานดี้ จากสโมสร เลช พอซนัน ด้วยเม็ดเงินเพียงแค่ 4.5 ล้านยูโร อยากจะอุทานดังๆว่า "ถูกชิ_หาย" ซึ่งนักเตะรายนี้ ก็ตัดสินใจถูกที่ย้ายมาอยู่กับ "เสือเหลือง" แทนที่จะไป แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งตอนนั้นคุมทีมโดย แซม อัลลาร์ไดซ์ เพราะ เลวานดอฟสกี้ อาจไม่โด่งดังแบบทุกวันนี้ คล็อปป์ เป็นผู้ปลุกปั้นให้ เลวานดอฟสกี้ จากกองหน้าที่ไม่มีใครรู้จัก ซีซั่นแรกก็ยิงได้แค่ 8 ประตู แต่หลังจากนั้นเมื่อระบบแท็คติคของกุนซือเฮฟวี่ เมทัล มันกลมกล่อมกับหัวหอกทีมชาติโปแลนด์ บทตำนานก็เริ่มขึ้น เมื่อเขากลายเป็นเพชรฆาต ยิงแตะหลัก 20 ตุง 3 ฤดูกาลต่อมา มีส่วนพาทีมคว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วย พร้อมกับสร้างความทรงจำ ซัด 4 ประตู ใส่ เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่น่าเสียดายที่ปีนั้น บาเยิร์น แข็งแกร่งเกินไป จึงได้แค่รองแชมป์ และ "เลวานดี้" ก็ไปลงเอยกับ "เสือใต้" อีกราย

7. ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

ก่อนที่ คล็อปป์ จะเข้ามารับงานคุมทีม ลิเวอร์พูล นั้น "คูตี้" ก็กลายมาเป็นตัวหลักของ หงส์แดง เรียบร้อย อย่างไรก็ตามมันยุติธรรมเหมือนกันที่จะพูดได้ว่า คล็อปป์ สามารถงัดศัยภาพของ คูตินโญ่ ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งการแอสซิสต์ และการกดลูกสูตรซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ นอกจาก คูตินโญ่ จะมีฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอแล้วนั้น คล็อปป์ ยังทำให้ คูตินโญ่ มีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมจนโด่งดังไกลไปทั่วโลก โดยเฉพาะการจ่ายบอลที่แม่นยำ กระทั่งผลงานไปเตะตา บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ ลา ลีกา สเปน และก็ต้องเสียนักเตะรายนี้ไปในที่สุด ด้วยค่าตัวสถิติโลกอันดับ 2 ของโลก รองจาก เนย์มาร์

8. โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

ใฝ่ฝันมานานสุดท้ายก็ได้เชยชม!! เพราะ คล็อปป์ กล่าวว่ารู้สึกดีใจเหลือเกินที่ ฟีร์มิโน่ เป็นสมาชิกของ "หงส์แดง" ในตอนเข้ามารับงานใหม่ๆ เพราะ "เดอะ นอร์มอล วัน" หลงรักในฝีเท้าของ "ฟีร์โน่" มาตั้งแต่สมัยอยู่กับ ฮอฟเฮ่นไฮม์ ในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน เดิมที ฟีร์มิโน่ เป็นนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก แต่ทว่า คล็อปป์ ได้ปลุกปั้นให้ดาวเตะชาวบราซิเลี่ยนรายนี้ กลายร่างมาเป็นหัวหอกในระบบ "ฟอลส์ ไนน์" และนั่นคือการค้นพบที่แท้จริง โดยซีซั่นนี้กดไปแล้ว 23 ประตู มากที่สุดในชีวิตค้าแข้ง ฉะนั้นไม่แปลกใจเลยว่า คล็อปป์ กำลังทำให้เขาดีวันดีคืน

9. โมฮาเหม็ด ซาลาห์

เชื่อว่าไม่มีใครกล้าคิดหรอกว่า ซาลาห์ จะฟอร์มฮอตปรอทแตกขนาดนี้ หลังย้ายจาก อาแอส โรม่า มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นคนมีประวัติไม่ดี สมัยเคยอยู่กับ เชลซี และไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ กลับมาที่อังกฤษ อีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้น บวกกับอยู่ในมือผู้ปลุกปั้นอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ จากนั้นเขาเหมือนสัตว์ประหลาดที่พร้อมทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า เมื่อล่าสุดซัดไปแล้ว 28 ประตู ในเกมลีก กลายเป็นตัวท็อปที่สาวก "เดอะ ค็อป" จะขาดไปไม่ได้ โดย ซาลาห์ กำลังถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลก ที่อนาคตอาจขึ้นไปเทียบรัศมี ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้