logo-heading

"สำหรับผมกับทีมชาติมันได้จบลงแล้ว ผมทำเต็มสุดความสามารถ แต่การไม่ได้แชมป์มันคือเรื่องที่น่าเจ็บปวด"

ถ้อยคำที่ ลิโอเนล เมสซี่ ได้หล่นเอาไว้หลังผิดหวังจากนัดชิงชนะเลิศศึกโคปา อเมริกา 2016 จนทำให้เขาคิดที่จะหันหลังให้กับทีมชาติ และยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่เขาไม่อาจเอื้อมมือไปคว้าความสำเร็จได้เลย

แน่นอนว่าชื่อของ ลิโอเนล เมสซี่ เขาสามารถสถาปนาตัวเองให้กลายเป็นสุดยอดนักเตะเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา เพราะด้วยฝีเท้าของเขามันเฉิดฉายเจิดจรัสตั้งแต่ครั้งยังเด็ก จนกระทั่งถูกยกย่องว่าเป็นไอคอนคนหนึ่งของวงการที่ใช้ความสามารถให้ผู้คนยอมรับว่าฟุตบอลมันวัดกันที่ผลงานไม่ใช่เพียงรูปร่าง กับสีเสื้อ บาร์เซโลน่า เขาสามารถก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยกระดับทีมให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยเป็นด้วยเทคนิคส่วนตัว และลูกเล่นที่ไม่มีใครอาจลอกเลียนแบบได้ ซึ่งสิ่งที่ยืนยันทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยมคือเรื่องของความสำเร็จ อย่างที่เรารู้กันว่า เมสซี่ คือทุกอย่างของ "อาซูลกราน่า" และมันคงไม่มากเกินไปถ้าจะเปรียบเขาเป็นดั่งพระเจ้าของแฟนบอล เพราะด้วยจำนวนแชมป์ที่เขาเสกมาให้กับสโมสรมันไม่เคยมีใครเทียบเท่าแบบนี้มาก่อน กว่า 34 โทรฟี่ที่ถูกเขาลากมายังตู้โชว์ที่ คัมป์ นู มันคงหาคำอะไรมาบรรยายได้ยากลำบากพอสมควร เพื่อสดุดีให้ได้อย่างเหมาะสม และด้วยความสำเร็จเหล่านั้นที่มีเขาเป็นหัวโจ๊กไม่แปลกที่รางวัลส่วนตัวมากมายจะหลั่งไหลมาหา เมสซี่ แบบไม่เว้นวรรคโดยเฉพาะกับรางวัลบอลทองคำอย่าง "บัลลง ดอร์" อย่างที่เรารู้กัน เมสซี่ คว้ารางวัลดังกล่าวมาครองแล้วถึง 6 สมัย มากที่สุดเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในโลกใบนี้ และมันน่าจะอีกนานกว่าจะหาใครสักคนมาโค่นบัลลังก์นี้ลงไปได้ รวมไปถึงรางวัลอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น รองเท้าทองคำ, นักเตะยอดเยี่ยมจาก ยูฟ่า หรือรางวัลดาวซัลโวในรายการต่างๆ ทั้งหมดที่กล่าวมา เมสซี่ สามารถดลบันดาลมาจากสีเสื้อของ บาร์เซโลน่า แทบทั้งสิ้น แต่ทว่าถ้าลองย้อนมองไปในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งคล้ายเส้นขนานนั้นก็คือความสำเร็จในสีเสื้อของทีมชาติอาร์เจนติน่าที่ดาวเตะผู้นี้ไม่เคยเอื้อมมือไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์ได้เลย ซึ่งฟังดูอาจแปลกประหลาด แต่ใช่นั้นมันคือเรื่องจริงที่ค้างคาใจ เมสซี่ มาอย่างแสนนาน สดุดี เมสซี่ ในวันที่สลัดความเจ็บปวด พร้อมบัลลง ดอร์ สมัยที่ 7 ? เมสซี่ ติดทัพ "ฟ้า-ขาว" ครั้งแรกเมื่อปี 2005 ก่อนลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน เราแทบไม่เคยคิดรอยยิ้มที่ฉีกกว้างเพราะความสำเร็จจากเขาได้เลยสักครั้งเดียว ถ้าจะมีพอให้ได้เชิดชูหน่อยก็คือเหรียญทองโอลิมปิกเมื่อปี 2005 แต่นั้นไม่ใช่กับทีมชุดใหญ่ ทำให้เจ้าตัวยังคงต้องรอคอยโทรฟี่แชมป์อย่างใจจดใจจ่อต่อไป แต่ไม่รู้เพราะฟ้ากลั่นแกล้ง หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ทางเดินที่ไกลที่สุดของ เมสซี่ กับทีมชาติชุดใหญ่คือการได้เป็นเพียงพระรองจากการลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 4 ครั้ง จากตัวเลขนั้นแจกแจงได้ว่าเป็นในศึกโคปา อเมริกา 3 ครั้งที่เกิดขึ้นในปี 2007 ที่พ่าย บราซิล 3-0 และ 2 ครั้งต่อจากนั้นคือการพ่ายต่อ ชิลี ด้วยการดวลจุดโทษทั้งคู่  ส่วนเกมนัดชิงที่เจ็บปวดอีกครั้งคือในศึกฟุตบอลโลกปี 2014 เพราะนั้นคือการได้กรุยทางเข้าสู่นัดชิงดำครั้งแรกของตัวเขาเอง แต่ทว่าทุกอย่างก็พังพินาศเพราะก็เป็นได้เพียงแค่รองแชมป์ ภาพที่เขาเดินผ่านถ้วยแชมป์โลกพร้อมเบ้าตาที่แดงก่ำสามารถสื่อความรู้สึกได้เป็นอย่างดี จนบางทีใครหลายคนต่างมองในมุมที่คล้ายกันคือความสำเร็จของ เมสซี่ กับ อาร์เจนติน่า อาจเป็นเพียงเส้นขนานกันต่อไป สดุดี เมสซี่ ในวันที่สลัดความเจ็บปวด พร้อมบัลลง ดอร์ สมัยที่ 7 ? แต่ทว่าในเมื่อทุกอย่างมันยังคงมีหวัง แสงสว่างยังคงมีให้เห็น มีหรือที่ชายอย่างเขาจะยอมแพ้ ... ทัวร์นาเมนต์โคปา อเมริกา 2021 คือความหวังอันสูงสุดของ เมสซี่ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่านี่อาจเป็นการลงชิงชัยบอลระดับทวีปครั้งสุดท้ายของพี่ใหญ่คนนี้แล้ว ฉะนั้นไม่แปลกที่ทุกคนในทีมจะรวมพลังเพื่อกัปตันผู้นี้ทำเป้าหมายที่วางไว้ และลบล้างเสียงวิจารณ์ต่างๆ ให้จงได้ วินาทีที่ผู้ตัดสิน เอสเตบัน ออสตอยอิช บรรจงเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันในนัดชิงชนะเลิศ สิ่งที่สังเกตุเห็นคือนักเตะทุกคนของอาร์เจนติน่าสับเท้าวิ่งให้ไวที่สุดเพื่อมาสวมกอดแสดงความยินดีกับ ลิโอเนล เมสซี่ ในรูปแบบที่ไม่ได้คิดจะที่ดีใจกับตัวเอง เพราะรู้ว่าความฝันของใครบางคนได้จบลงแล้วในวินาทีนั้น ค่ำคืนที่ปลดล็อคทุกอย่างของ เมสซี่ มันช่วยลบล้างคำถามมากมายที่ค้างคาอยู่ในใจ รวมไปถึงลบฝันร้ายของวลีที่ว่า "ราชาไร้บัลลังก์กับทีมชาติ" ลงไปได้อย่างสวยงาม กลายเป็นว่าคือค่ำคืนของ เมสซี่ จริงๆ ภาพของเขาถูกโพสต์ลงในโซเชียลแบบแทบไม่เว้นวินาที ทุกการกระทำของเขาถูกบันทึก และเก็บไว้เป็นความทรงจำทั้งหมด ทั้งรูปชูโทรฟี่แชมป์, จูบถ้วยแชมป์ หรือตอนวิดีโอคอลกลับไปหาครอบครัวที่บ้าน ทุกอย่างมันคละคลุ้งไปด้วยความอบอุ่นมากเหลือเกิน และแน่นอนเมื่อ เมสซี่ คว้าแชมป์ได้สำเร็จ ไม่แปลกที่เขาจะถูกดันขึ้นมาเป็นเต็ง 1 ในการสอยรางวัลบัลลง ดอร์ ในช่วงปลายปีนี้ ถามว่าเขามีโอกาสคว้ามันมาครองได้ไหม? ตอบได้เลยว่ามี และมากด้วยกับการคว้าบอลทองคำสมัยที่ 7 สดุดี เมสซี่ ในวันที่สลัดความเจ็บปวด พร้อมบัลลง ดอร์ สมัยที่ 7 ? ขอบสนา จริงอยู่ที่ว่าผลงานโดยรวมอาจจะไม่ได้โดดเด่นแบบยืนหนึ่งเด่นแต่เพียงผู้เดียว แต่ทว่าการคว้าแชมป์โคปา อเมริกา มาครองได้มันคือการสร้างอิมแพ็คครั้งใหญ่ อีกทั้งการคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม พ่วงด้วยดาวซัลโว มันยิ่งตอกย้ำว่าโอกาสคว้าบัลลง ดอร์ มันเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เท่ากับว่าในช่วงฤดูกาลที่ผ่านผลงานกับ บาร์เซโลน่า เขากระทุ้งไปได้ 38 ตุง กับอีก 14 แอสซิสต์ ส่วนในโคปา อเมริกา คราวนี้ก็ซัดไป 4 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ ฉะนั้นนี้คือผลงานอันชอบธรรมที่จะพาเขาได้รางวัลบัลลง ดอร์ อีกครั้ง แบบหาข้อถกเถียงได้ยากพอสมควร ที่สำคัญ สตอรี่ การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของเขามันมีอิมแพกต์มากพอ ที่จะทำให้ได้รางวัลนี้ไปครองอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นอย่าได้แปลกใจว่าในรางวัลนี้จะกลับมาประกาศอีกครั้ง เขาจะได้รับการชูมือเป็นผู้ชนะ สุดท้ายแล้วเมื่อมาถึงตรงนี้ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบชายที่ชื่อ เมสซี่ หรือไม่ แต่วีรกรรมของเขามันควรค่าแก่การโค้งหัวคารวะเป็นอย่างยิ่ง และนี่คืออีกเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายาม แม้จะเจ็บช้ำเจียดตายมาหลายครั้ง แต่ก็เก็บเอามาเป็นพลังจนทำมันสำเร็จจนได้ "ปลายทางที่สุขสมหวังเสียทีสำเร็จชายที่ชื่อ ลิโอเนล เมสซี่"

- Paolinho -

logoline