ในทีแรกผมเลือกจะสวนกระแสไม่อยากดูหนังที่มันเข้ากับสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ระบาด แต่ปฏิเสธไม่ได้หลอกว่าชั่วโมงนี้ ถ้าหากติดซีรีส์จาก Netflix เราคิดว่าการหาดูหนัง 1 เรื่องจบ เป็นทางออกที่ดีสุดของตัวผมเอง สุดท้ายผมก็กลืนน้ำลายตัวเองแล้วก็หันกลับไปเช่าหนังจาก Google Play Movies & TV สนราคา 99 บาท เพื่อดู Contagion หรือในชื่อไทย สัมผัสล้างโลก
.
หลังเกิดเหตุการณ์ โควิด 19 Contagion กลายเป็นหนังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในระบบสตรีมมิ่งที่หนังลงในแพลตฟอร์ม เสียดายไม่มีในNetflix ไม่งั้นยอดคงติดท็อปเทนแน่ๆ ทั้งที่หนังเรื่องนี้ออกฉายในปี 2011 หรือเมื่อ 9ปีที่แล้ว สมัยที่ผมอยู่มหาลัยปี 3 ตอนนั้นไม่ดูเพราะ เราอยากหลีกเลี่ยงการดูหนังในแนวทางอื่นซะมากกว่าเลยมองข้ามไปก่อน
.
เนื้อหาก็คือนักธุรกิจหญิงคนหนึ่งเดินทางกลับจากประเทศฮ่องกง บทที่ กวินเน็ธ พัลโทรว์ เล่น เกิดไปเชื้อไวรัสค้างคาวชิดหนึ่ง แล้วไปจับมือกับนักธุรกิจในไนท์คลับ ซึ่งเชื้อมันก็แพร่จากการสัมผัส ก่อนจะบายปลายจากบาร์ ไปสนามบิน ทว่าอาการเริ่มออกจนสุดท้ายการติดเชื้อแพร่ไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วและเสียชีวิตใน 2 วันต่อมา ท่ามกลางความประหลาดใจของสามีบทที่แม็ตต์ เดม่อน เล่น จากนั้นคนรอบข้างเขาก็มีอาการไออย่างรุนแรง เป็นลมชัก เลือดคั่งในสมอง ก่อนจะมีการค้นพบว่าการแพร่เชื้อนั้นเกิดจากการที่มนุษย์สัมผัสกันในแต่ละวัน และลุกลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
.
โดยจำนวนผู้เสียชีวิตที่มินนีแอโพลิส ชิคาโก้ ลอนดอน ปารีส โตเกียวและฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 1 รายกลายเป็น 4 ราย 16 ราย 100 ราย 1,000 ราย โดยที่เวลานั้นยังหาสาเหตุไม่ได้ทั่วโลกวุ่นวาย หาวัคซีนแก้ไขไม่ได้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดของสหรัฐอเมริกาต้องระดมนักวิจัยมือดีมายับยั้งการระบาดครั้งนี้ แต่รัฐบาลก็ยังปิดบังสาเหตุที่แท้จริงของโรคระบาด ก่อนจะโดนนักข่าวแฉว่าปกปิดข้อเท็จจริงจนเรื่องราวไปกันใหญ่ สุดท้ายเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกตัดสินใจกลับไปยังต้นกำเนิดของสิ่งที่พวกเขากำลังจัดการอยู่ไข้สาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด
.
แม้บทหนังตัดไปตัดมาไร้ซึ้งความหวือหวา คาดเดาได้อยู่แล้วว่ามันจะไปในทิศทางใน แต่สิ่งที่ผู้กำกับ สตีเวน โซเดอเบิร์ก ใส่ใจลงไปคือเรื่องการตีประเด็นความประมาทในการใช้ชีวิตของมนุษย์ ที่ลึกๆยังมีความอ่อนแอ ทำให้หนังเต็มไปด้วยความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา มันเลยสะท้อนถึงปัญหาพื้นฐานของมนุษย์ในครอบครัว ปัญหาสังคม ปัญหาการเมือง ปัญหาเชื้อชาติ ซึ่งลึกๆแล้วเหตุการณ์แพร่เชื้อในหนัง มันทำให้เราเห็นถึงผู้ไม่หวังดีเพียบ ทั้ง ผู้ปล่อยข่าวลือทางอินเตอร์เน็ต พวกฉกฉวยผลประโยชน์ กลุ่มคนที่เห็นแก่ตัว คนที่เอาตัวรอดไร้คำว่ารู้จักเสียสละ หรือการกักตุนอาหาร ฯลฯ ดูไปดูมามีหลายแง่มุมเหมือนบ้านเราในเวลานี้จริงๆ
.
ฝากกลุ่มนักแสดงที่มาเล่นถือเป็นแม่เหล็กที่ช่วยให้หนังแข็งแรง เช่นแม็ตต์ เดม่อน ตีบทพ่อบ้านสติแตกสูญเสียเมียได้ไม่ยั้ง ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น หรือมอร์เฟียร์ซจากแมทริกซ์ที่เล่นเป็นรองผู้อำนวยการฯ เคท วินสเล็ต เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข จู้ด ลอว์ นักข่าวตัวแสบจอมแฉ, มารีออง โกติยาร์ เจ้าหน้าที่สืบสวนการระบาดขององค์การอนามัยโลก และ กวินเน็ธ พัลโทรว์ นักธุรกิจสาวคนที่รับเชื้อโลกรายแรก
.
สรุป : ดูหนังเรื่องนี้แล้วอารมณ์เดียวกับโควิด 19 ชัดๆ เหมือนมือเขียนบทและผู้กำกับทำนายผลล่วงหน้าแบบไม่ผิดคาด มันเหมือนเป็นอุทาหรณ์เตือนเราใช้ชีวิตบนความประมาท เพราะในความเป็นจริงมนุษย์เราก็ใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงกันทั้งนั้น ภัยร้ายอย่างที่แฝงมากับเชื้อโรคน่ากลัว ซูฮกให้กับเหล่าบรรดานักแสดงคุณภาพระดับแม่เหล็กที่มาช่วยทำให้หนังมีสีสันน่าติดตามทุกซีน
แจกคะแนนรีวิว 8.5/10
