จากการแบะท่าเริ่มแสดงอาการอยากย้ายออกจาก สเปอร์ส ของ แฮร์รี่ เคน ทำให้ประธานสโมสร แดเนี่ยล เลวี่ ปรี๊ดแตกฟิวส์ขาดสุดๆ พร้อมกับประกาศลั่นว่า 'ทีมไหนอยากได้ แฮร์รี่ เคน' ก็จัดมาเลยเต็มๆ 200 ล้านปอนด์
จากจำนวนเงินดังกล่าวมันก็มีอยู่ไม่กี่ทีมที่สามารถจ่ายได้ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังมีข่าวหนักมากกับเจ้าของฉายา 'เดอะ เฮอร์ริเคน' มันอาจจะฟังดูเว่อร์วังเกินไปใช่ไหม ? แต่จริงๆ มันก็พอมีเหตุผลอยู่บ้างที่ 'ปีศาจแดง' ควรยอมทุ่มเงินกับการซื้อขายครั้งนี้
สถิติการพังประตู
แน่นอนว่าเมื่อคุณเป็นกองหน้าถ้าอยากให้คนอื่นสนใจในตัวคุณหลักๆ เลยคุณต้องมีสถิติการพังประตูที่ยอดเยี่ยมไว้ก่อน และ แฮร์รี่ เคน ก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้วตลอดช่วง 6 ซีซั่นที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว โดยสถิติการพังประตูของเขามีค่าเฉลี่ยรวมแตะหลัก 30 ประตูต่อฤดูกาลกันเลยทีเดียว ได้ลุ้นรางวัลดาวซัลโวทุกปี ดังนั้นการที่คุณจะตามล่าความสำเร็จคุณจำเป็นต้องมีกองหน้าที่ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำแบบนี้ และสามารถหวังผลได้อย่างมากเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษที่ไม่ใช่แค่การยิงเท่านั้น
ผลงานการพังประตูของ แฮร์รี่ เคน
2014-15 : 51 เกม 31 ประตู
2015-16 : 50 เกม 28 ประตู
2016-17 : 38 เกม 35 ประตู
2017-18 : 48 เกม 41 ประตู
2018-19 : 40 เกม 24 ประตู
2019-20 : 25 เกม 17 ประตู (ยังไม่จบซีซั่น)
ไม่ต้องปรับตัว
เราจะเห็นปัญหาเวลาซื้อนักเตะจากลีกอื่นๆ มาร่วมทีม หลักๆ เลยก็คือเรื่องของการปรับตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิถีชีวิตกับที่อยู่อาศัยใหม่, แนวทางการเล่นกับทีมใหม่ ตลอดจนสไตล์การเล่นของลีกนั้นๆ แต่ถ้าเกิดคุณตัดสินใจกระชาก แฮร์รี่ เคน มาเสริมความแข็งแกร่งคุณจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เลย เพราะพี่แกอยู่โลดแล่นผจญภัยบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก มาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าต้องซึมซับวิถีชีวิตและรู้แนวทางการเล่นของหลายๆ ทีมใน พรีเมียร์ลีก เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแท็คติกหรือวิถีรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
ความเป็นผู้นำ
กลไกแห่งความสำเร็จส่วนหนึ่งก็คือการมีผู้เล่นที่มีความเป็นผู้นำสูงอยู่ในทีมที่สามารถโน้มน้าวและกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้ดีในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังขาดสิ่งนี้อยู่ จริงอยู่ที่ ปอล ป็อกบา มีคุณสมบัตินี้อยู่ แต่กลับมีข่าวลือย้ายทีมหนาหูมากมาย ส่วน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เพิ่งย้ายมาใหม่อาจยังต้องใช้เวลาอีกหน่อยถึงจะเป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ ได้ในฐานะกัปตันทีม แต่ในขณะที่ แฮร์รี่ เคน ถึงแม้พี่แกจะไม่ได้เป็นคนที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายโดยธรรมชาติ
แต่เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำจริงๆ และก็มีอิทธิพลกับทีมมากๆ ปัจจุบันเขาคือกัปตันทีมของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ทีมชาติอังกฤษ และไม่ว่าจะเป็น แกเร็ธ เซาธ์เกต, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ หรือ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยถึงเรื่องนี้ในตัว แฮร์รี่ เคน เลยสักคน ดังนั้นมันจะเป็นประโยชน์มากๆ ถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตัวเขามาร่วมทีมเพราะทั้ง 'ปีศาจแดง' และ 'ไก่เดือยทอง' ก็มีผู้เล่นที่ติด ทีมชาติอังกฤษ หลายคน ดังนั้นทุกคนค่อนข้างจะรู้ดีถึงศักยภาพในด้านภาวะความเป็นผู้นำของผู้ชายคนนี้
การลงเล่นเกมใหญ่ๆ
อีกประเด็นสำคัญที่จะพาคุณก้าวไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จได้ก็คือการตัดแต้มและโค่นทีมใหญ่ด้วยกันเอง และ แฮร์รี่ เคน ก็จัดว่าเป็นนักเตะอีกคนที่โชว์ฟอร์มได้ดีและมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดอยู่บ่อยๆ ยามลงเล่นในเกมใหญ่ๆ โดยเฉพาะยามลงเล่นในศึก ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ พี่แกกดไปถึง 10 ประตูจากการเจอกับ อาร์เซน่อล ตลอด 10 เกมหลังสุดในลีก และยิงได้ 4 ประตู ทำ 2 แอสซิสต์จาก 10 เกมลีกหลังสุดที่เจอกับ เชลซี
นอกนั้นการเจอ ลิเวอร์พูล 10 เกมหลังสุดในลีก ยิงได้ 6 ประตู ทำได้ 2 แอสซิสต์, เจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 9 เกมหลังสุดในลีก ยิงได้ 2 ประตู ทำไปอีก 2 แอสซิสต์ และกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 11 เกมหลังสุด ยิงได้ 2 ประตูและทำไป 1 แอสซิสต์ เท่านั้นยังไม่พอในเวทียุโรป แฮร์รี่ เคน ก็มีสถิติการพังประตูที่ดีด้วยแม้กระทั่งการเจอกับทีมใหญ่ๆ ด้วยกันเอง
อายุการใช้งานและจุดพีคของอาชีพ
ถ้าจะให้คุ้มกับเม็ดเงิน 200 ล้านปอนด์แน่นอนว่ามันต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในหลายๆ ด้าน จากที่เราเล่ามาตั้งแต่ต้น โอเค แฮร์รี่ มีสถิติการพังประตูที่ยอดเยี่ยมมาตลอด มีภาวะความเป็นผู้นำ เล่นดีในเกมใหญ่ๆ ส่วนอีกเรื่องที่ต้องไตร่ตรองก็คือเรื่องอายุการใช้งาน ปัจจุบัน แฮร์รี่ เคน อายุ 26 ปีแล้ว ถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด จะซื้อตัวมาร่วมทีมจริงๆ มันต้องมันต้องเกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้เท่านั้น เพราะพี่แกกำลังจะก้าวเข้าสู่จุดพีคของอาชีพในช่วง 27-30 ปีซึ่งว่ากันว่าเป็นช่วงที่ผลงานจะเด็ดดวงกว่าปกติ ถ้าเกิดปล่อยรอไปอีก 1-2 ปีแน่นอว่าไม่คุ้มแน่กับจำนวนค่าตัวดังกล่าว
