11 พฤษภาคม 2016 หรือวันนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศปล่อยตัว ธีราทร บุญมาทัน ให้ย้ายไปร่วมทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่ปรับสำคัญในเวทีไทยลีก
ดีลประวัติศาสตร์ในการย้ายทีมที่เรียกเสียงฮือฮาในวงการลูกหนังไทยยุคใหม่ เกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2016 หลังจากมีข่าวออกมาว่า
ธีราทร บุญมาทัน เตรียมจะปิดฉากชีวิตค้าแข้ง 6 ปีครึ่งในสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เนื่องจากในเวลานั้นแข้งหมายเลข 2 กำลังมาถึงทางตันกับสโมสรแล้ว เนื่องจากกวาดโทรฟี่แชมป์ในประเทศมา 20 รายการ และได้ไปเล่นฟุตบอลสโมสรเอเชียแทบทุกฤดูกาล โดยที่ "อุ้ม" ต้องการออกไปแสว่งหาความท้าท้ายใหม่ ทว่าในเวลานั้นไม่มีทีมจากต่างประเทศทั้งในเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่นสนใจนักเตะอย่างจริงจัง ก่อนจะเปิดรับข้อเสนอจากสโมสรในไทยลีกและเป็นเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่แข่งสำคัญแสดงความสนใจก่อนจะเจรจาและปิดดีลคว้านักเตะไปร่วมทีม
นับตั้งแต่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบเมืองทอง ยูไนเต็ด ในปี 2010 ทั้ง 2 สโมสรแทบไม่มีการซื้อขายนักเตะกันโดยตรง เลยนับตั้งแต่การที่กิเลนผยอง ปล่อย จักรพันธ์ แก้วพรม, อดิศักดิ์ ไกรษร, ชาคริต ระวังประโคน, อุกฤษณ์ วงศ์มีมา ไปให้บุรีรัมย์ หลังจบซีซั่น 2010 เนื่องจากทั้ง 2 สโมสรเป็นคู่ปรับสำคัญในการลุ้นไล่ล่าแชมป์ลีกและบอลถ้วยในประเทศ
การมาย้ายมาอยู่เมืองทอง ยูไนเต็ด ของ
ธีราทร บุญมาทัน โดยค่าตัวที่มีการคาดการณ์กันว่า 35 ล้านบาท ทำให้ขึ้นแท่นเป็นดาวเตะค่าตัวแพงสุดในไทยลีก ก่อนที่จะถูกทำลายสถิติโดย ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่ถูกเชียงราย ยูไนเต็ด ซื้อตัวมาจากกิเลนผยอง ด้วยค่าตัว 50 ล้านบาท
แม้ว่า
ธีราทร บุญมาทัน จะใช้ชีวิตในถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยมไม่นาน ราวๆ 18 เดือน คว้า 5 แชมป์ให้สโมสร แต่ผลงานโดยรวมก็ไปเข้าตาสโมสรจากเจลีก อย่าง วิสเซล โกเบ และ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส จนได้ไปเล่นในลีกอาชีพที่สูงกว่าเมืองไทย และกลายเป็นนักเตะประวัติศา่สตร์เป็นคนจากชาติอาเซียนที่ได้แชมป์เจลีก
ที่มา
Sanook
ติดตามข่าวสารจากขอบสนามผ่านไอดี
