logo-heading

มาร์เซโล่ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร เรอัล มาดริด และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 พฤษภาคม) พี่แกก็เพิ่งจะอายุครบ 32 ปีบริบูรณ์ไปหมาดๆ

มาร์เซโล่ ใช้ชีวิตอยู่ในรั้ว ซานติอาโก้ เบร์นาเบว มาตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันนี้ก็รับใช้ทัพ "ราชันชุดขาว" มาแล้วทั้งสิ้น 505 เกม ยิงได้ 37 ประตู กวาดแชมป์มาแล้วทุกรายการในระดับสโมสร เบ็ดเสร็จก็ราวๆ 21 โทรฟี่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามพอตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันบทบาทของ มาร์เซโล่ กลับเริ่มน้อยลง ผลงานก็เริ่มดร็อปลงไปด้วยตามอายุอานาม และวันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ "5 ความท้าทายของชายที่ชื่อ มาร์เซโล่ ในวัย 32 ปี เพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง"

กลับมายึดตัวจริงอีกครั้ง

อันดับแรกเลยสิ่งที่ มาร์เซโล่ ต้องทำคือการกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงให้ได้ในตำแหน่งแบ็กซ้าย เพราะในฤดูกาลนี้ด้วยปัญหาของฟอร์มการเล่นและปัญหาอาการบาดเจ็บมันทำให้พี่แกต้องตกเป็นตัวสำรองของ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ จนมีข่าวเรื่องอนาคตเกิดขึ้นมากมายว่าอาจจะถูก เรอัล มาดริด โละทิ้งในช่วงจบฤดูกาล แต่ถึงกระนั้นทาง มาร์เซโล่ ก็ยังยืนกรานเสียงแข็งว่ายังไงพี่แกก็จะปักหลักอยู่ผจญภัยกับพลพรรค "ราชันชุดขาว" ต่อไป ถ้าอยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่คือความท้าทายแรกที่พี่แกต้องทำให้ได้ >>> มาร์เซโล่ ทนไม่ไหวตอบโต้แฟนบอล หลังถูกกล่าวหาว่าฟอร์มห่วยทีมจึงแพ้

แข็งต่างชาติที่ลงเล่นมากที่สุด

ถ้าเกิด มาร์เซโล่ ประสบความสำเร็จกับ ชาเลนจ์ ข้อแรกไปแล้วเชื่อว่า ความท้าทาย ข้อที่ 2 นี้เป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว เพราะสถิติปัจจุบันผู้เล่นชาวต่างชาติที่ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด มากที่สุดก็คือ โรแบร์โต้ คาร์ลอส ตำนานแบ็กซ้ายตีนระเบิด ทีมชาติบราซิล ซึ่งสร้างสถิติไว้ที่ 527 เกม ส่วน มาร์เซโล่ ปัจจุบันลงสนามให้ "ราชันชุดขาว" ไป 505 เกม ดังนั้นถ้าเกิดพี่แกกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้สถิตินี้ก็ทำลายได้ไม่ยาก และมันก็คงเกิดขึ้นแน่ๆ ในฤดูกาลหน้า

เรียกความมั่นใจกับสร้างอิทธิพลในสนาม

อย่างที่ทราบกันสาเหตุที่ มาร์เซโล่ ต้องเสียตำแหน่งตัวจริงให้ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ หลักๆ ก็คือเรื่องผลงานในสนามที่ตกลงเรื่อยๆแบบเห็นได้ชัด โดยซีซั่นนี้พี่แกได้ลงเล่นแค่ 19 เกม และยิงได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น ขณะที่ฤดูกาลก่อนยิงได้ 3 ประตูจากการลงเล่น 34 เกม ส่วนฤดูกาล 2017-18 มาร์เซโล่ ยิงได้ 5 ประตูจาก 44 เกม และ 1 ปีก่อนหน้านั้นเขายิงได้ 3 ประตูจาก 47 เกม แต่ที่พีคกว่าคือสถิติการมีส่วนร่วมกับเกมบุก และการทำแอสซิสต์ เพราะในฤดูกาล 2016-17 และ 2017-18 มาร์เซโล่ ทำแอสซิสต์ได้ 13 กับ 11 ครั้งตามลำดับ แต่ในช่วง 2 ปีหลังสุดสถิติมันลดลงครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว มันก็เลยทำให้ มาร์เซโล่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังยุคนี้ค่อยๆ เลือนลางจางหายไป

โค่นสถิติกวาดโทรฟี่ของ ปาโก เจนโต้

ปาโก เฆนโต้ คือตำนานของ เรอัล มาดริด ที่เถลิงบัลลังก์แชมป์กับสโมสรมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ที่ 23 โทรฟี่ ดูแล้วสถิตินี้ทำลายได้ไม่ง่ายและก็ไม่ยากจนเกินไป อย่างน้อยขอแค่ มาร์เซโล่ ได้อยู่กับทีมต่อไปแค่นั้น ส่วนการลุ้นแชมป์ก็ต้องไปลุ้นอีกเฮือกกับรายการต่างๆ อีกทีซึ่งปัจจุบัน มาร์เซโล่ คว้าแชมป์กับ เรอัล มาดริด ไปแล้ว 21 โทรฟี่เท่ากับ เซร์คิโอ รามอส และ มาโนโล่ ซานชิส แต่จริงๆ ถ้าฤดูกาลนี้กลับมาเตะกันต่อได้ เรอัล มาดริด ก็ยังมีลุ้นแชมป์ ลา ลีกา กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ ดังนั้นมีโอกาสที่ มาร์เซโล่ จะทำสถิติเทียบเท่ากับทาง ปาโก เฆนโต ได้

กลับไปติดทีมชาติบราซิล

การรับใช้ชาติเกิดของตัวเองนับเป็นความฝันของนักฟุตบอลทุกคนอยู่แล้วเช่นเดียวกับตัวของ มาร์เซโล่ แต่หารู้ไม่ว่าพี่แกไม่ได้มีส่วนร่วมกับ ทีมชาติบราซิล มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว และในศึก โคปา อเมริกา 2019 ที่ทัพ "เซเลเซา" เถลิงบัลลังก์แชมป์ได้พี่แกก็ไม่มีชื่ออยู่ในทีมด้วย ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ อันดับแรกก็คือการเป็นตัวจริงกับต้นสังกัดเสียก่อน และเค้นฟอร์มเก่งออกมา เพื่อกลับมามีชื่อติด ทีมชาติบราซิล อีกครั้งในศึก โคปา อเมริกา ครั้งต่อไป แต่อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะ อเล็กซ์ ซานโดร จาก ยูเวนตุส และ เรนาน โลดี้ ของ แอตเลติโก มาดริด ตอนนี้พวกเขาคือตัวเลือกหลักๆ ของกุนซือใหญ่อย่าง ติเต้ แต่อะไรก็เกิดขึ้นทั้งนั้นในโลกของฟุตบอล ดังนั้นเราต้องติดตามกันต่อไป...

HaMu Dos Santos (หมู ขอบสนาม)

ที่มา : marca ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline