logo-heading

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่างก็เป็นความฝันของทุกคน ไม่ว่าใครต่างก็อยากมีส่วนร่วมกับรายการนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวนักเตะและกุนซือ

วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ การจัดอันดับ 10 ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จะมีใครติดโผมาบ้างนั้นไปดูกัน แต่ขอย้ำก่อนว่านี่เป็นการอ้างอิงจากสื่อต่างประเทศทั้งนั้น

10.ออตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์

คุม : โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, บาเยิร์น มิวนิค ผลงานใน UCL : ชนะ 48 เสมอ 27 แพ้ 20 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 51% แชมป์ : ปี 1997 (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ปี 2001 (บาเยิร์น มิวนิค) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เจ้าของฉายา "ท่านนายพล" แห่ง สวิตเซอร์แลนด์ ได้ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์นายใหญ่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อช่วงปี 1991 เขาสร้างทีมขึ้นมาโดยใช้ผู้เล่นดาวรุ่งเป็นส่วนใหญ่ สำหรับ ออตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเสกแชมป์ บุนเดสลีกา ได้ 2 ปีติด (ปี 1995 และ 1996) เช่นเดียวกับแชมป์ เดเอฟเบ ซูเปอร์คัพ ก่อนที่ปี 1997 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายในฐานะนายใหญ่ทัพ "เสือเหลือง" ฮิตซ์เฟลด์ สามารถพา ดอร์ทมุนด์ เถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้สำเร็จ ก่อนที่อีก 1 ปีต่อมาเจ้าตัวจะปรากฏตัวในฐานะศัตรู หลังตัดสินใจย้ายไปบัญชาทัพ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 1998 และแกก็พา "เสือใต้" ผจญภัยไปไกลในเวทียุโรปทุกปี โดยในปี 1999 พวกเขาต้องอกหักในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนปี 2000 ต้องผิดหวังในรอบรองชนะเลิศ แต่ปี 2001 ด้วยความอัดอั้นใจที่สะสมมาก็ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค เป็นแชมป์จนได้ และตัวของ ออตมาร์ ฮิตเฟลด์ ก็นับว่าเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในยุคนั้นที่สามารถคว้าแชมป์ UCL ได้กับ 2 สโมสร >>> จัดอันดับ 10 กุนซือ! ที่ดีที่สุดในโลก by แฟนบอล

9.ราฟาเอล เบนิเตซ

คุม : ลิเวอร์พูล, อินเตอร์ มิลาน, เชลซี, นาโปลี, เรอัล มาดริด ผลงานใน UCL : ชนะ 54 เสมอ 20 แพ้ 21 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 57% แชมป์ : ปี 2005 (ลิเวอร์พูล) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงแม้จะมีประสบการณ์คุมทีมกับหลายสโมสร แต่ถ้านับในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันมีเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นที่น่าจดจำสำหรับชายที่ชื่อ ราฟาเอล เบนิเตซ นั่นคือปี 2005 กับค่ำคืนที่ อิสตันบูล ตอนแรกมันเหมือนชะตาฟ้าลิขิตจะขีดเขียนให้ เอซี มิลาน เป็นแชมป์ เพราะจบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ของ ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องเป็นฝ่ายตามหลังแบบขาดลอย 0-3 แต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ใจร้ายขนาดนั้น และปาฏิหาริย์ก็ได้เกิดขึ้นจริง เพราะ "หงส์แดง" กลับมาสู้ยิบตาในครึ่งหลัง มีเท่าไหร่ใส่หมดจนพลิกกลับมาตีเสมอ 3-3 ได้สำเร็จ ก่อนจะชี้ชะตาแชมป์ยิงจุดโทษแม่นกว่าเอาชนะไป 3-2 และนั่นคือฤดูกาลแรกของ ราฟาเอล เบนิเตซ กับ ลิเวอร์พูล และนั่นคืถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกของเขา ว่ากันว่าคำพูดปลุกใจของ “เอล บอส” ในห้องแต่งตัวตอนพักครึ่งเป็นจุดประกายสำคัญที่ให้ขุนพล “หงส์แดง” ลุกขึ้นสู้จนไปถึงฝัน

8.บิเซนเต้ เดล บอสเก้

คุม : เรอัล มาดริด ผลงานใน UCL : ชนะ 32 เสมอ 12 แพ้ 14 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 57% แชมป์ : ปี 2000, 2002 (เรอัล มาดริด) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนจะสร้างชื่อให้กับ ทีมชาติสเปน ในยุคทองที่กอบโกยโทรฟี่ใหญ่ๆ อย่าง ฟุตบอลโลก ปี 2010 และ ยูโร 2012 ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ จะอยู่ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว กับ เรอัล มาดริด แกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะไล่มาจนเป็นโค้ชชุดสำรอง, เป็นผู้ช่วยมือขวา ก่อนจะได้ก้าวขึ้นมารับบทเฮดโค้ชแบบเต็มตัวในปี 1999 และด้วยความที่ลุงแกคลุกคลีอยู่กับพลพรรค "ราชันชุดขาว" มานานมันทำให้รูุ้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างดี เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และก็กอบโกยแชมป์ได้มากมายตลอดช่วงเวลา 3 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จในสังเวียนยุโรป เพราะ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เรอัล มาดริด ได้ตั้ง 2 สมัยทั้งในปี 2000 และ 2002 

7.จุ๊ปป์ ไฮย์เกส

คุม : เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค ผลงานใน UCL : ชนะ 41 เสมอ 16 แพ้ 20 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 70% แชมป์ : ปี 1998 (เรอัล มาดริด), ปี 2013 (บาเยิร์น มิวนิค) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จุ๊ปป์ ไฮย์เกส มีสถิติการคุมทีมที่ดีมากๆ ยามลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะมี Win Rate ที่สูงถึง 70% เลยทีเดียว ปู่แกเองก็ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือมากประสบการณ์และก็ผ่านการคุมทีมดังๆ มามาก โดยในฤดูกาล 1997-98 จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ย้ายจาก เตเนริเฟ่ มาคุม เรอัล มาดริด และปีแรกของเขาก็สามารถเสกแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกในรอบ 32 ปีได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ตกงาน เพราะพาทีมจบอันดับ 4 ใน ลา ลีกา ส่วนอีกหนึ่งความยิ่งใหย่ของ "ปู่จุ๊ปป์" ในถ้วย UCL ก็คือช่วงบั้นปลายอาชีพกับ บาเยิร์น มิวนิค แกพาลูกทีมตีตั๋วถึงรอบชิงชนะเลิศได้ 2 ปีติดนั่นคือปี 2012 ที่โดน เชลซี บุกมาเชือดถึงบ้าน และปี 2013 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนที่แกจะวางมือ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส พา บาเยิร์น ไปถึงฝันด้วยการเถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ อย่างยิ่งใหญ่

6.เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

คุม : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลงานใน UCL : ชนะ 105 เสมอ 50 แพ้ 39 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 54% แชมป์ : ปี 1999, 2008 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แมตช์ที่น่าจดจำที่สุดแมตช์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็คือปี 1999 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ณ สังเวียน คัมป์ นู ของ บาร์เซโลน่า โดยไฮไลท์สำคัญของเกมมันอยู่ตอนนาที 90 ของเกม ที่แฟนๆ "เสือใต้" เตรียมตัวรอเฮกับความสำเร็จในค่ำคืนนั้น แต่สุดท้ายกลายเป็นสาวก "เร้ด เดวิลส์" ที่หัวเราะทีหลังดังกล่าว พวกเขาได้กรี๊ดลั่นจนสนามแตก เพราะนาที 90+1 และ 90+3 เทดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล กุนนาร์ โซลชา 2 ตัวสำรองเป็นฮีโร่พา "ปีศาจแดง" เข้าป้ายไปเป็นแชมป์แบบดราม่าสุดๆ ส่วนอีกหนึ่งความสำเร็จของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในถ้วย UCL ก็คือการเจอกับ เชลซี ทีมจากบ้านเดียวกันในรอบชิงชนะเลิศที่ มอสโก ปี /2008 และก็เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้แบบหวุดหวิดในช่วงการดวลจุดโทษ แต่จริงๆ "ป๋าเฟอร์กี้" ยังมีโอกาสได้ลุ้นความสำเร็จกับถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 ครั้งก่อนจะวางมือไป แต่สุดท้ายก็ต้องอกหักไปทั้งหมดในนัดชิงดำปี 2009 และ 2011 ด้วยน้ำมือของ บาร์เซโลน่า

5.หลุยส์ ฟาน กัล

คุม : อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลงานใน UCL : ชนะ 57 เสมอ 16 แพ้ 22 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 60% แชมป์ : ปี 1995 (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ผ่านการคุมทีมดังๆ มามากมายทั้งกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ถ้าจะพูดถึงปีที่น่าจดจำที่สุดในเวทียุโรปของ หลุยส์ ฟาน กัล ก็น่าจะเป็นสมัยยังคุม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ช่วงยุค 90 โน่นเลย เพราะลุงแกสามารถพาลูกทีมที่เต็มไปด้วยเหล่าแข้งพลังหนุ่มทะยานไปไกลได้ถึงรอบชิงชนะเลิศได้ตั้ง 2 ครั้ง และก็สามารถเสกแชมป์ได้ 1 สมัยด้วยกันนั่นก็คือปี 1995 ที่ล้ม เอซี มิลาน ลงได้ จากนั้นปรัชญาของ หลุยส์ ฟาน กัล ก็เป็นที่ต้องการของทีมดังๆ และก็ได้สร้างความสำเร็จให้กับ บาร์เซโลน่า รวมไปถึงที่ บาเยิร์น มิวนิค

4.โชเซ่ มูรินโญ่

คุม : ปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ผลงานใน UCL : ชนะ 80 เสมอ 36 แพ้ 25 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 56.75% แชมป์ : ปี 2004 (ปอร์โต้), ปี 2010 (อินเตอร์ มิลาน) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฉายา "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ของ โชเซ่ มูรินโญ่ มีจุดเริ่มต้นมาจากสมัยคุม เอฟซี ปอร์โต้ และก็กอบโกยความสำเร็จได้มากมายในประเทศ รวมไปถึงในสังเวียนยุโรปกับถ้วย ยูฟ่า คัพ ปี 2003 และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2004 ในฐานะทีมม้ามืดของทัวร์นาเมนต์ และนั่นก็เป็นประตูที่พา โชเซ่ มูรินโญ่ ก้าวสู่เวที 5 ลีกดังยุโรปโดยมาเริ่มนับ 1 ใหม่กับ เชลซี โดยในเส้นทางกุนซือของนายใหญ่ชาวโปรตุกีสคนนี้ปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงเป็นฤดูกาล 2009-10 ที่พา อินเตอร์ มิลาน ครองเบอร์ 1 เป็นทีมที่เก่งที่สุดใน อิตาลี และในเวทียุโรป โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เป็นคนถีบ บาร์เซโลน่า ยุคที่น่ากลัวที่สุดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปโดยกการใช้แผนรถบัสอันลือลั่น ต่อเนื่องจนถึงรอบชิงชนะเลิศกับการล้ม บาเยิร์น มิวนิค ที่ว่ากันว่าตอนนั้นก็ฟอร์มพีคสุดๆ เหมือนกัน ปีนั้น อินเตอร์ มิลาน ของ น้ามู ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่แกร่งที่สุดในโลกจากการเถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์

3.คาร์โล อันเชล็อตติ

คุม : ปาร์ม่า, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, เชลซี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, นาโปลี ผลงานใน UCL : ชนะ 91 เสมอ 38 แพ้ 36 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 15.75% แชมป์ : ปี 2003, 2007 (เอซี มิลาน), ปี 2014 (เรอัล มาดริด) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในประวัติศาสตร์โลกลูกหนังเราแทบไม่เห็นผู้จัดการทีมคนไหนที่สามารถซิวแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ถึง 3 สมัยเลย มันหาได้น้อยมากจริงๆ แต่หนึ่งคนที่คุณจะต้องรู้จักแน่ๆ คือ คาร์โล อันเชล็อตติ เขามีประสบการณ์มากมายกับหลายทีมดังไม่ว่าจะอยู่ไหนก็มีแชมป์ประดับไว้ในโปรไฟล์เสมอๆ  และนี่ก็คือผู้ที่พา เรอัล มาดริด ทำสถิติคว้า "ลา เดซิม่า" หรือ แชมป์ยุโรป สมัยที่ 10 นั่นเองในปี 2014 แต่ถ้าเกิดย้อนกลับไปในช่วงยุค 2000 ชายที่ชื่อ "คาร์เล็ตโต้" ก็จัดว่าเป็นกุนซือที่ประวัติดีเหลือเกินยามลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะในช่วงฤดูกาล 2002-03 ถึง 2006-07 อันเชล็อตติ สามารถพา เอซี มิลาน ไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศถึง 3 ครั้ง และเป็นแชมป์ 2 ครั้งด้วยกัน นั่นคือปี 2003 ที่เอาชนะ ยูเวนตุส และปี 2007 ที่ล้างแค้น ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ ส่วนนอกนั้นจะมีรอบรองชนะเลิศ 1 ครั้งที่แพ้ บาร์เซโลน่า ปี 2006 และ ปี 2004 ที่แพ้ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในรอบ 8 ทีม

2.เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

คุม : บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลงานใน UCL : ชนะ 74 เสมอ 26 แพ้ 21 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 61% แชมป์ : ปี 2009, 2011 (บาร์เซโลน่า) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยเรื่องของฝีไม้ลายมือของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลกหรือไม่ เพราะสิ่งที่เขาสร้างมากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบัน รวมถึงตอนอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค เขาสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีมากๆ แต่ถ้าจะให้พูดถึงยุคที่พีคสุดๆ ซึ่งเป็นฤดูกาลแจ้งเกิดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็คือสมัยคุม บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2008 เขาขึ้นจากทีมสำรองมาคุมทีมในปีนั้นก่อนจะยลโฉม บาร์ซ่า กลายเป็นทีมที่น่ากลัวและอันตรายที่สุดในโลก ขนาด เรอัล มาดริด ณ ตอนนั้นก็ต้องยอมรับว่ายังห่างชั้นอยู่เยอะจริงๆ เขาสามารถล้ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในยุคที่มี 3 ทหารเสือที่น่ากลัวมากๆ อย่าง เวย์น รูนี่ย์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาร์ลอส เตเวซ ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2009 รวมถึงอีกหลายๆ ทีมที่เจอมาก่อนหน้านั้น และปีแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในฐานะกุนซือใหญ่แบบเต็มตัวเขาก็ได้ ทริปเปิ้ล แชมป์ ในทันที จากนั้นอีก 2 ปีในนัดชิงดำปี 2011 เป๊ป ก็ได้ต่อกรกับ "ป๋าเฟอร์กี้" อีกครั้งและก็ย้ำแค้นไปตามระเบียบ และยังคงอยู่ในจุดสุดยอดแบบต่อเนื่อง

1.ซีเนดีน ซีดาน

คุม : เรอัล มาดริด ผลงานใน UCL : ชนะ 26 เสมอ 8 แพ้ 6 นัด เปอน์เซนต์ชนะ : 65% แชมป์ : ปี 2016, 2017, 2018 (เรอัล มาดริด) ยลโฉม! 10 กุนซือ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ใครๆ ต่างก็ยกให้ ซีเนดีน ซีดาน มาวินเป็นอันดับ 1 สำหรับ ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะเจ้าตัวเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือใหญ่แบบเต็มตัวได้ไม่นาน และตั้งแต่ช่วงต้นปี 2016 จนถึงซัมเมอร์ปี 2018 กินเวลาราวๆ 2 ปีครึ่งก่อนอำลาทีมไปในคำรบแรก ซีเนดีน ซีดาน สามารถพา เรอัล มาดริด เถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ 3 ปีติดต่อกันนับเป็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ขนาด คาร์โล อันเชล็อตติ ยังต้องใช้เวลาถึง 11 ฤดูกาลถึงจะคว้าแชมป์ได้ตั้ง 3 สมัย ดูแล้วสถิตินี้ของ ซีดาน 3 แชมป์ในรอบ 2 ปีครึ่งน่าจะคงอยู่ไปอีกนานๆ เผลอๆ ชาตินี้ก็คงไม่มีใครทำลายได้แล้ว แต่ปัจจุบันการกลับมาใช้ชีวิตที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว รอบที่ 2 อาจจะต้องเหนื่อยๆ หน่อยเพราะ เรอัล มาดริด ชุดนี้จำเป็นจะเปลี่ยนถ่ายและสร้างทีมขึ้นมาใหม่

HaMu Dos Santos (หมู ขอบสนาม)

ที่มา : squawka ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline