logo-heading

เริ่มต้นที่การจัดตัว แน่นอนว่าเกม เอฟเอ คัพ บอลถ้วยแบบนี้แทบทุกทีมก็จะโรเตชั่นหมุนเวียนเปลี่ยนตัวให้พวกสำรองหรือดาวรุ่งลงสนาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เช่นกัน แต่ครับแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่ได้เปลี่ยนเยอะขนาดนั้นนะ โรเตชั่นนิดเดียว พลางจะบอกเป็นนัยๆ ว่าถ้วยนี้พี่ก็เอานะค้าบบบ

  ผู้รักษาประตู พัก ดาบิด เด เคอา ที่ช่วงหลังฟอร์มไม่นิ่ง แล้วให้โอกาส ดีน เฮนเดอร์สัน ได้ลงมาเฝ้าเสา แบ็กซ้ายก็ให้ อเล็กซ์ เตลลิส ลงทำหน้าที่ก่อน ลุค ชอว์ กองกลางวาง เนมานย่า มาติช กับ เฟร็ด เป็นตัวตัดเกม แล้วก็มี ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค เป็นเพลย์เมกเกอร์ ปล่อยให้ บรูโน่ แฟร์นันเดส ได้พักบ้าง ตัวรุกข้างหน้า 3 ตัวก็ถือว่าหน้าเดิมอยู่ มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวู้ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ขณะที่ เวสต์แฮม ของ เดวิด มอยส์ อดีตกุนซือ "ปีศาจแดง" เกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งาน มหาเทพ เจสซี่ ลินการ์ด เพราะยืมมาแล้วต้องเจอกับต้นสังกัดที่แท้จริง รวมถึงเคยเล่นถ้วยนี้มาแล้วด้วยทำให้ติดคัพไท แต่ตัวอื่นๆ ดูจากการจัดทีมแล้ว มอยส์ เองก็ เอานะ เหมือนกัน เพราะพักไปไม่กี่ตัว ชัดๆ ก็แค่ มิคาอิล อันโตนิโอ นอกนั้นก็เป็นพวกตัวจริงแทบทั้งหมด แถมได้ โทมัส ซูเช็ค รอดจากโทษแบนกลับมาอีกด้วย เริ่มเกมการแข่งขัน เจ้าถิ่น ผีแดง ดูท่าจะแรงฤทธิ์กว่าเมื่อเป็นฝ่ายครองบอลอยู่แทบจะฝั่งเดียวเลย แต่ก็ยังหาจังหวะยิงแบบจะแจ้งยาก เกมรับ ขุนค้อน ถือว่าดีใช้ได้ แต่แล้วก็ต้องเสีย อันเจโล่ อ็อกบอนน่า แนวรับคนสำคัญในช่วงต้นเกมจากอาการบาดเจ็บ แล้วส่ง อิสซ่า ดิย็อป ลงมาเล่นแทน อย่างไรก็ตามรูปเกมมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปอะไรมากมาย ก็ยังเป็น แมนฯ ยู ที่ครองบอลบุกเข้าใส่ แต่ไม่ได้จบแบบสวยๆ  ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ที่เกมนี้ได้รับโอกาสให้เป็นเพลย์เมกเกอร์ แทนที่จะฉายแสง ปล่อยของ ก็ดันไม่มีน้ำยามีค่าแค่ส่งบอลคืนหลังไปมา แถมยังวิ่งทับตำแหน่งกับเพื่อนอีกอยู่บ่อยๆ ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไอนี่ก็พ่อเลี้ยง ไม่รู้มันจะเลี้ยงอะไรนักหนาเห็นกองหลังฝั่งตรงข้ามยืนในเขตโทษ 4 คน มึงก็ยังจะเลี้ยง หลอกผ่านไปได้ 2 มันก็ติดตัวที่ 3 อยู่ดี มึงคิดว่า ไรอัน กิ๊กส์ ยุคปี 99 เข้าสิงมึงอยู่หรือไงไม่ทราบ เลี้ยงจัง ประโยชน์ไม่มี ขณะที่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล คงไม่ต้องพูด ห่วยเหมือนเดิม ซึ่งพอเกมรุกผีแดงตีบตันแบบนี้ มันก็เลยทำให้ครึ่งแรกจบลงไปแบบจืดชืด 0-0 โดยที่ แมนฯ ยู ครองบอลและหาโอกาสยิงได้มากกว่า ที่น่าเป็นประตูที่สุดคือลูกโขกของ ลินเดเลิฟ ที่ไปติดเซฟ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ แล้วเด้งไปชนเสา นอกนั้นไม่มีลุ้นอะไรเลย เกมครึ่งหลังก็ยังเป็น แมน ยู ที่ดูดีกว่า ทว่าโอกาสยิงแบบหวังผลก็ยังหาแทบไม่ได้ เรียกง่ายๆ ว่า ดีแต่ป้อ ล่อไม่เป็น จน โซลชา ต้องแก้เกมหน่อยส่ง บรูโน่ แฟร์นันเดส กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงมาแทน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค กับ เนมานย่า มาติช ในนาทีที่ 74 ซึ่งพอลงมารูปเกมที่ดีกว่าอยู่แล้วก็ดีขึ้นไปอีก แต่จังหวะจบมันก็ยังเก้ๆ กังๆ อยู่ดี จนสุดท้ายจบ 90 นาที ไม่มีปัญญายิง ขุนค้อน ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที ซึ่งพอเข้าสู่ช่วงต่อเวลา เริ่มมาปุ๊ป โซลชา ก็โชว์กึ๋นถอดแบ็กออก 2 ข้างเลย ทั้ง เตลลิส และ อารอน วาน-บิสซาก้า โดนเปลี่ยนออก แล้วส่ง ลุค ชอว์ กับ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ลงมา ซึ่งจะว่าไปมันก็ทำให้เกมที่เหนือกว่าอยู่แล้ว มันเหนือกว่าขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเกมรุกทางฝั่งซ้ายที่คราวนี้พอได้ ชอว์ มาดูท่าจะเข้าขากันมากกว่าเดิม และแล้วผ่านพ้นช่วงต่อเวลาพิเศษมาได้แค่ 7 นาที แมนฯ ยู ก็ขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่บอลขลุกขลิก แล้วมันไปเข้าทาง แรชฟอร์ด ปาดกลับเข้ามาตรงกลางให้ แม็คโทมิเนย์ ตัวสำรองวิ่งมาซัดเข้าไปหน้าตาเฉย ส่งให้ ผีแดง ขึ้นนำได้สำเร็จเป็น 1-0 และสุดท้ายมันก็เป็นประตูชัย เพราะไม่มีใครยิงได้เพิ่ม ซึ่งชัยชนะเกมนี้ส่งผลให้ ปีศาจแดง ผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึก เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ สมใจแฟนผี แม้ว่าจะนอนดึก เล่นได้น่าเบื่อ แต่สุดท้ายก็เข้ารอบ และ โซลชา ก็ยังมีลุ้นทำ ทริปเปิ้ล แชมป์ อยู่นะจ๊ะ  

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline