logo-heading

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึกบิ๊กแมตซ์ของศึกยูโร 2020 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ก็แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเกมที่ เยอรมัน ที่พลาดท่าพ่าย ฝรั่งเศส มาในเกมแรกได้เล่นในบ้านที่เมืองมิวนิค เจอกับ โปรตุเกส ที่รัว 3 เม็ดช่วงท้ายเกมเอาชนะ ฮังการี ไปได้ในเกมแรก ซึ่งเกมนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่มันส์ใช้ได้เลย เพราะปูพรมยิงถล่มกันถึง 6 ลูก และสุดท้ายก็เป็น "อินทรีเหล็ก" ที่เอาชนะ โปรตุเกส ไปได้ 4-2 ประตู เกมนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้างไปดูกันเลย

  เริ่มต้นที่การจัดทีม ทั้ง 2 ฝั่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังจากนัดแรกเลยแม้แต่รายเดียว เจ้าถิ่น เยอรมัน ยังคงมาแบบฟอลส์ไนน์ให้ แซร์จ นาบรี้ เล่นเป็นกองหน้า กองกลางก็วาง อิลคาย กุนโดกัน กับ โทนี่ โครส ขนาบข้างด้วยฟลูแบ็กที่นัดนี้เผ็ดจี๊ดจ๊าดสุดๆ อย่าง โยชัว คิมมิช และ โรบิน โกเซนส์ ขณะที่ทางฝั่ง โปรตุเกส ก็แน่นอนว่านำทัพมาโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีม ตามมาด้วย แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ดิโอโก้ โชต้า และ บรูโน่ แฟร์นันเดส แนวรับก็มี รูเบน ดิอาส กับตัวเก๋าสายโหดอย่าง เปเป้ ป.ประมุข ยืนประคองเกม  เริ่มต้นเกมมา ก็ถือว่าตามคาดนะเพราะ เยอรมัน นัดแรกพลาดแพ้ไม่มีแต้มมา แถมเกมนี้ได้เล่นในบ้านก็ต้องเป็นฝ่ายครองบอลเปิดเกมรุกบุเข้าใส่ และใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที ก็สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายของทัพ "ฝอยทอง" ได้แล้ว จากจังหวะที่ มัทธีอัส กินเตอร์ เปิดเข้าเขตโทษมาแล้วบอลหลุดมาถึง โรบิน โกเซนส์ กระโดดยิงเข้าไป แต่สุดท้ายต้องเฮเก้อซะะงั้นเพราะถูก VAR จับล้ำหน้าไปซะก่อน แม้จะเฮเก้อแต่ "อินทรีเหล็ก" ก็ไม่ย่อท้อนาทีที่ 10 ไค ฮาแวร์ตซ์ แนวรุกจาก เชลซี ได้โอกาสยิงบอลตรงกรอบแต่ยังโดน รุย ปาตริซิโอ ปัดทิ้งออกไปได้ เท่านั้นไม่พอไม่กี่นาทีถัดมา โยชัว คิมมิช ก็โหม่งตั้งให้รุ่นพี่ในทีม บาเยิร์น มิวนิค อย่าง โธมัส มุลเลอร์ ได้วอลเลย์ แต่บอลก็เบาหยองเข้าซอง ปาตริซิโอ ไปแบบสบายๆ และแล้วนาทีถัดมาเท่านั้น ก็เข้าคอนเซ็ปต์อีหรอบเดิม เมื่อคุณมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ในโลกฟุตบอล คุณก็มักจะต้องโดนลงโทษ โอกาสจะแจ้งครั้งแรกของ โปรตุเกส ในเกมนี้พวกเขาสามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ทันที จากการดักจังหวะสวนกลับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา โชว์ทักษะวางบอลยาวตัดแนวรับไปให้ ดิโอโก้ โชต้า หลุดไปในเขตโทษ ก่อนจะปาดออกขวามาให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จิ้มเข้าไปง่ายๆ กลายเป็น โปรตุเกส ขึ้นนำก่อนซะอย่างงั้น  หลังจากโดนนำ โปรตุเกส ซึ่งรูปเกมไม่ได้ดีกว่าอยู่แล้ว ก็ไปเน้นตั้งรับ แต่ก็ป้อแป้ๆ พอสมควรโดยเฉพาะทางฝั่งแบ็กขวา เนลสัน เซเมโด้ นี่รั่วจัดเลย และแล้วในที่สุดก็มาโดนจนได้ นาทีที่ 35 โรบิน โกเซ่นส์ ปาดเข้ามาในกรอบ 6 หลา ซึ่งมี ไค ฮาแวร์ตซ์ รอซัดอยู่หน้าปากประตู แต่ รูเบน ดิอาส ก็รีบแหย่เท้าเข้าไปสกัดเข้าประตูตัวเอง กลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ของ เยอรมัน ซึ่งจริงๆ ก็โทษ ดิอาส ไม่ได้หรอกนะครับ เพราะถ้าไม่สกัดก็คงไม่เหลืออยู่ดี พอตีเสมอได้ โปรตุเกส ก็ใจแป้วต่างจาก เยอรมัน ที่ยิ่งคึกและก็รอไม่นานแค่ 3 นาที หลังจากตีเสมอทัพ "อินทรีเหล็ก" ก็แซงขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่บอลชุลมุนในเขตโทษ สุดท้ายกลายเป็น โยชัว คิมมิช ที่ปาดจากเส้นหลังทางฝั่งขวามาหน้าประตู ราฟาแอล เกร์เรโร่ แบ็กของ โปรตุเกส พยายามจะมาสกัดแต่ก็กลายเป็นเข้าประตูตัวเองอีกแล้ว โดนแซงเป็น 2-1 ประตู ช่วงท้ายครึ่งแรกแทนที่จะเป็น "ฝอยทอง" ที่ต้องการประตูตีเสมอ กลับเป็น เยอรมัน ที่คึกสุดๆ เกือบได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากทั้ง โรบิน โกเซ่นส์ และ แซร์จ นาบรี้ แต่ รุย ปาตริซิโอ ก็เซฟไว้ได้ทำให้จบ 45 นาที แม้รูปเกมเจ้าถิ่น เยอรมัน จะดีกว่าพอตัว แต่สกอร์ก็ยังสู้สีแค่ 2-1 อะไรก็เกิดขึ้นได้ในครึ่งหลัง ทว่าไอ้ที่วิเคราะห์วิเคราะห์แก้กงแก้เกมอะไรกันไว้ในช่วงพักครึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ทันได้ใช้สักเท่าไหร่เลย เพราะเริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 5 นาที อินทรีเหล็ก ก็กางปีกหนีห่าง โปรตุเกส ออกไปเป็น 3-1 ซะแล้ว จากจังหวะที่ โรบิน โกเซนส์ เปิดบอลจากทางด้านซ้ายย้ายเข้าเขตโทษให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ซัดเข้าไปง่ายๆ เท่านั้นไม่พอ โปรตุเกส ที่ยังเค้นฟอร์มเก่งเหมือนเดิมไม่ได้ เพิ่มเติมคือโดนดอกที่ 4 เข้าไปอีก ในนาทีที่ 60 จากจังหวะประสานงานของ 2 ฟลูแบ็กทัพ "อินทรีเหล็ก" ที่เกมนี้เล่นดีไร้ที่ติจริงๆ คิมมิช โยนจากขวามาให้ โกเซ่นส์ ทางซ้ายที่เสาสองโขกจ่อๆ ไม่มีเหลือ ออกนำสบายๆ เป็น 4-1 ประตู พอนำห่างขนาดนี้ โยอาคิม เลิฟ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมัน ก็ดูเหมือนจะสั่งให้ลูกทีมผ่อนเกมลง แล้วก็ถอด มัตซ์ ฮุมเมิ่ลส์ กับ โรบิน โอเซ่นส์ ที่เกมนี้เล่นโคตรดีออกไปพัก แต่พอเปลี่ยนได้ทันไรนาทีที่ 67 โปรตุเกส ก็ไล่มาเป็น 4-2 ประตูจนได้ จากจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขยันไม่ยอมให้บอลออกหลังกระโดดตวัดบอลมาหน้าประตูให้ ดิโอโก้ โชต้า ชาร์จจ่อๆ เข้าไปไล่มาเป็น 4-2 แล้วเหลือเวลาอีก 20 กว่านาที ปลุกความหวังให้แฟนๆ โปรตุเกส อีกครั้ง ซึ่งพอโดนจี้มาเหลือ 2 ลูก ก็เห็นได้ชัดว่า เยอรมัน ยิ่งเน้นรับรัดกุมรอดักบอลโต้กลับ แต่ก็เกือบโดนไล่มาเป็น 4-3 ในนาทีที่ 79 เหมือนกันจากจังหวะเตะมุม โปรตุเกส เล่นสั้นแล้ว เรนาโต้ ซานเชส ตัดสินใจซัดไกลบอลพุ่งแรงแต่เข้าไปชนกับเสาเต็มๆ ถ้าได้ลูกนี้มาอีก 10 นาทีที่เหลือ เยอรมัน กดดันแน่ แต่พอไม่ได้ โปรตุเกส ก็เหมือนจะถอดใจ ส่วน เยอรมัน ก็ประคองตัว สุดท้ายจบ 90 นาที เยอรมัน ก็เป็นฝ่ายเอาชนะ โปรตุเกส ไปได้ 4-2 ประตู ผลออกมาแบบนี้ในกรุ๊ปออฟเดธนี่น่าสนใจมาก เพราะจ่าฝูงตอนนี้ ฝรั่งเศส ที่พลาดท่าทำได้แค่เสมอกับ ฮังการี 1-1 เพิ่งจะมี 4 คะแนน ส่วน เยอรมัน กับ โปรตุเกส มี 3 คะแนน เท่ากัน ขณะที่บ๊วยของกลุ่มซึ่งสู้สุดใจได้ดีทั้ง 2 นัดมี 1 คะแนน ก็ยังมีลุ้นเข้ารอบอยู่เช่นกัน โดยโปรแกรมการแข่งขันนัดสุดท้ายของ กรุ๊ปออฟเดธนี้ โปรตุเกส จะเจอกับ ฝรั่งเศส ส่วน เยอรมัน จะดวลกับ ฮังการี มารอดูว่าจะมีพลิกล็อคอะไรรึป่าวในกลุ่มนี้

แต่บอกเลยว่านี่คือกลุ่มที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ที่สุดของศึก ยูโร ครั้งนี้แล้ว ใครจะได้เข้ารอบกันบ้าง เข้ากี่ทีม อีกไม่กี่วันเราจะได้รู้กัน 

ชิน ชินพัฒน์ 

 
logoline