logo-heading

“บางครั้งคุณสามารถเป็นแชมป์ได้ แต่สโมสรก็ตัดสินใจไล่คุณออกอยู่ดี เพราะพวกเขามีเหตุผลที่จะทำ” นี่คือท่อนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ที่ อันโตนิโอ คอนเต้ พูดเอาไว้ก่อนเกมที่เขาพา เชลซี ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลนี้

อนาคตของ อันโตนิโอ คอนเต้ กลายเป็นประเด็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่ถูกพูดถึงแทบทุกวันว่า ‘จะได้อยู่กุมบังเหียน เชลซี ต่อไปหรือไม่ในซีซั่นหน้า ?’ จากผลงานอันย่ำแย่และไม่คงเส้นคงวาในปีนี้ ทั้งชวดพื้นที่ท็อปโฟร์และป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก เอาไว้ไม่ได้ การคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ อาจจะทำให้อนาคตของ คอนเต้ สดใสขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่มันก็ไม่สามารถกลบความผิดพลาดทั้งหลายที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นการได้แชมป์ เอฟเอ คัพ และต้องโดนไล่ออกสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเรามาย้อนดูช่วงเวลาที่น่าจดจำของ อันโตนิโอ คอนเต้ กันว่าตลอด 2 ฤดูกาลกับ เชลซี เขาได้ทำอะไรเอาไว้บ้างจนเป็นที่น่าจดจำ คนนอกสายตา 4 เมษายน 2016 อันโตนิโอ คอนเต้ ได้เซ็นสัญญา 3 ปีเข้ามาคุมทีม เชลซี พร้อมกับเป็นตัวเต็งอันดับ 4-5 ที่จะสามารถพาทีมเป็นแชมป์ได้ โดยเต็งหนึ่งเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเต็ง 2 เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ใช้เงินเสริมทัพมากมาย แต่ท้ายที่สุด เชลซี ของ คอนเต้ ดันเป็นแชมป์ นำเทรนด์ระบบหลัง 3 คอนเต้ เริ่มงานกับ เชลซี ด้วยผลงานที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง และต้องเหน็ดเหนื่อยกับทุกเกมแม้กระทั่งการเจอทีมเล็ก จนกระทั่งมาสะบักสะบอมจากการแพ้ ลิเวอร์พูล คาบ้านต่อด้วยการบุกไปโดน อาร์เซน่อล ยำเละถึง 3-0 จนใครต่อใครคิดว่า เชลซี คงหมดลุ้นแชมป์แน่ๆ คอนเต้ เมาหมัดอยู่ 1 สัปดาห์เต็มๆ ก่อนจะยลโฉม เชลซี ขึ้นมาใหม่ด้วยการสับจากระบบเดิม 4-2-3-1 มาเป็น 3-4-3 หรือระบบกองหลัง 3 คนอย่างที่ถนัดตอนใช้กับ ยูเวนตุส และทีมชาติ อิตาลี และนี่ก็คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของเขา ก่อนที่ระบบนี้จะนิยมใช้กันมากมายในปัจจุบัน เปิดสงครามกับ โชเซ่ มูรินโญ่ หลายคนอาจทราบดีเรื่องความบาดหมางระหว่าง อันโตนิโอ คอนเต้ และ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่บางคนอาจยังไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง 23 ตุลาคม 2016 ณ สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผลปรากฏว่าเป็น เชลซี ที่จัดการถลุงคู่แข่งยับถึง 4-0 แต่ไฮไลท์สำคัญอยู๋ที่การรีแอ็คชั่นที่เว่อวังของ คอนเต้ หลังทีมยิงประตูได้ จนตัวของ มูรินโญ่ หัวเสียสุดๆ จนถึงขั้นเปิดปากแขวะใส่ตอนให้สัมภาษณ์หลังเกม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างทั้งคู่ สถิติชนะ 13 เกมรวด จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบ 3-4-3 ของ คอนเต้ เชลซี ได้สร้างสถิติใหม่ใน พรีเมียร์ลีก ด้วยการเก็บชัยชนะได้ 13 เกมติดต่อกันในปี 2016 ก่อนจะบุกไปแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-2 ในเกมแรกนับตั้งแต่เข้าสู่ศักราชปี 2017 อย่างไรก็ตามสถิติดังกล่าวโดนทำลายแล้วโดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นนี้ที่ทำไว้ 18 เกมติดต่อกัน ฉลองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016-17 เมื่อผ่านไปเกินกว่าครึ่งทางการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก มีแค่ เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เท่านั้นที่ต้องห้ำหั่นกัน แต่ผลสุดท้าย เชลซี ก็รักษาความคงเส้นคงวาได้มากกว่า และคว้าแชมป์มาครองได้ในเกมที่บุกไปชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-0 จากประตูชัยของ มิชี่ บัตชัวยี่ ก่อนจะมาชูถ้วยแชมป์อย่างเป็นทางการในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่เปิดรัง เดอะ บริดจ์ ยำใหญ่ ซันเดอร์แลนด์ 5-1 นั่นคือแชมป์แรกของ อันโตนิโอ คอนเต้ ชวดดับเบิ้ลแชมป์ หลังได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว คอนเต้ หวังต่อยอดความสำเร็จแบบสวยๆ ในปีนั้นด้วยการล่าแชมป์ เอฟเอ คัพ อีก 1 ถ้วย พวกเขาก้าวเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ และต้องทำศึกในแบบฉบับ ลอนดอน ดาร์บี้ ที่ต้องดวลกับ อาร์เซน่อล ที่ฟอร์มตกต่ำมากจนไม่ได้ตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ขึ้นชื่อว่าเกมนัดชิงอะไรก็เกิดขึ้นได้ อาร์เซน่อล นำไวตั้งแต่ต้นเกมแค่ 4 นาทีแรกจาก อเล็กซิส ซานเชซ ส่วน เชลซี พยายามอยู่นานกว่าจะมาได้ประตูตีเสมอก็ต้องรอถึงนาที 76 จาก ดีเอโก้ คอสต้า ซึ่งโมเมนตั้มทำท่าว่าจะกลับมาเป็นของ เชลซี แต่ไม่เลย เพราะจากนั้นแค่ 3 นาที อารอน แรมซี่ย์ ก็มายิงประตูดับฝัน เชลซี พา อาร์เซน่อล เป็นแชมป์จนได้ ความสัมพันธ์กับ ดีเอโก้ คอสต้า ดีเอโก้ คอสต้า ยิงได้ถึง 22 ประตูในฤดูกาลที่ เชลซี เป็นแชมป์ แต่จู่ๆ ในช่วงพักเบรกทีมชาติ เจ้าตัวได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า อันโตนิโอ คอนเต้ ได้ส่งข้อความมาเขา และบอกเขาไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมฤดูกาลหน้า “อันโตนิโอ คอนเต้ บอกผ่านข้อความว่าผมไม่เป็นที่ต้องการของ เชลซี ในฤดูกาลหน้าแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขามันแย่มากในฤดูกาลนี้ มันน่าละอาย” “ผมเลยส่งข้อความกลับไปถามถึงการตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งคำตอบที่ได้คือผมต้องหาทีมใหม่เล่นในฤดูกาลหน้า" หลายๆ คนเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวอาจไม่ใช่ความจริงอย่างทีเห็นเพราะ คอสต้า ก็โชว์ฟอร์มได้ดีกับ เชลซี เสมอ แม้จะมีช่วงที่บาดเจ็บและหายไปบ้างก็ตาม แต่ท้ายที่สุดมันมีการยืนยันออกมาว่านี่คือเรื่องจริง ทั้ง คอนเต้ และ คอสต้า มีปัญหากันจริงๆในเรื่องความสัมพันธ์ และคนที่ต้องไปก็คือ คอสต้า เขาย้ายทีมกลับ แอตเลติโกมาดริด ในช่วงต้นปี 2018 พลาดช็อตเดียวชีวิตเปลี่ยน ฤดูกาล 2017-18 เป็นปีที่ เชลซี ผลงานไม่ค่อยแน่นอนเท่าที่ควร การป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ก็ถูกตัดโอกาสไปตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล ดังนั้นความสำเร็จที่จะมาชดเชยและทดแทนได้นั้นก็อยู๋ที่ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คอนเต้ พา เชลซี ผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้ในฐานะรองแชมป์ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ต้องมาเจอด่านยักษ์อย่าง บาร์เซโลน่า ที่ฟอร์มกำลังโหดสุดๆ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ คอนเต้ วางแท็คติกมาอย่างสมบูรณ์สามารถรับมือกับเกมรุกอันเพอร์เฟคของ บาร์ซ่า ได้หมดจด และก็ได้ประตูขึ้นนำจาก วิลเลี่ยน ทำให้ เชลซี มีโอกาสกุมความได้เปรียบมากๆ หากดูจากการวางหมากของ คอนเต้ ในเกมนั้น แต่การเจอกับ บาร์เซโลน่า หากอยากชนะคุณต้องเล่นให้สมบูรณ์แบบที่สุด เชลซี เกือบทำแบบนั้นได้ แต่มันมีช็อตพลาดแค่จังหวะเดียวเท่านั้นจากการจ่ายบอลเปลี่ยนแกนของ อันเดรียส คริสเตียนเซ่น ส่งผลให้ถูกลงโทษทันทีจากน้ำมือของ ลิโอเนล เมสซี่ พร้อมพา บาร์เซโลน่า เก็บอเวย์โกล์ได้ เกมนัด 2 ที่ คัมป์ นู คอนเต้ สั่งการให้นักเตะเดินหน้าบุกแลกสถานเดียว และ เชลซี สู้ได้ดีในเกมนั้น แต่ท้ายที่สุดเรื่องของความเฉียบคมพวกเขายังเป็นรอง บาร์เซโลน่า หลายขุม ก่อนแพ้ไปแบบยับเยิน 3-0 ชวดพื้นที่ท็อปโฟร์ ด้วยผลงานที่ไร้ความคงเส้นคงวา เชลซี ก็เลยต้องมาลุ้นจบท็อปโฟร์เป็นเป้าหมายถัดไป แต่อาจจะยากหน่อยเพราะมีแต้มห่างพอสมควร อย่างไรก็ตามในช่วงที่ ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เริ่มสะดุดช่วงโค้งสุดท้าย เชลซี กลับมามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้พวกเขากลับมามีความหวังอีกครั้ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตกม้าตายอีกตามเดิมจากการเสมอ ฮัดเดอร์ฟิลด์ และแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด บวกกับ ลิเวอร์พูล ได้จัดการยำใหญ่ ไบร์ทตัน ในนัดสุดท้าย เชลซี ก็เลยไปได้แค่ ยูโรปา ลีก เท่านั้นในปีหน้า มีแชมป์ติดมือทุกปี จากความผิดหวังทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นที่มาของอนาคตที่ไม่แน่นอนของ คอนเต้ และก็ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้อยู๋ทำงานต่อไปหรือไม่ แต่เขาก็ยังหวังจะมีแชมป์ติดไม้ติดมือในซีซั่นนี้ ดังนั้นแชมป์ เอฟเอ คัพ คือความหวังสุดท้าย และพวกเขาก็ทำได้ตามที่ตั้งใจจากการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 จากจุดโทษประตูชัยของ เอแด็น อาซาร์ ดังนั้นที่เหลือจากนี้ก็อยู่ที่สโมสรแล้วล่ะว่าจะตัดสินอนาคตเขาอย่างไร  

-HaMuDosSantos-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline