ทำไมต่างกัน? เทียบ ป็อกบา ตอนอยู่ ผี กับ ตราไก่ ที่ไหนสุขใจกว่า

เรื่องราวของ ปอล ป็อกบา กลายมาประเด็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อีกครั้ง หลังออกมาวิจารณ์แท็คติกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ออกสื่อ จนโดนสั่งปลดออกจากตำแหน่งรองกัปตันทีมในที่สุด

อย่างไรก็ตามประเด็นที่มักถูกเอ่ยถึงบ่อยๆ แถมหนักไปวิจารณ์ด้วยนั่นก็คือเรื่องฟอร์มการเล่นที่ไร้ความคงเส้นคงวาสุดๆ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมไหนบทจะดีก็ดีแบบใจหาย เกมไหนจะเลวก็เลวยิ่งกว่าตัวร้ายในละคนซะอีก ผิดกับตอนเล่นให้ทีมชาติ ฝรั่งเศส ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด ซึ่งนี่แหละคือประเด็นที่ทาง 'ขอบสนาม' จะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันระหว่าง ปอล ป็อกบา ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ปอล ป็อกบา ของ ฝรั่งเศส มันต่างกันยังไง ?

บทบาทและแท็คติก

ปอล ป็อกบา คือมิดฟิลด์ตัวกลางและรับผิดชอบได้หลากหลายหน้าที่ แต่ถ้าจะให้เด่นที่สุดก็คงเป็นการขับเคลื่อนเกม, การทะลุทะลวงหรือเชื่อมความสมดุลระหว่างแดนกลางกับแนวรุก นั่นคือสิ่งที่เขาพี่แกได้ดีโดยอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายและพรสวรรค์หลายๆ ด้าน อาทิเช่น วิสัยทัศน์ที่ดีและการวางบอลอันแม่นยำ จริงๆ การเล่นให้ ฝรั่งเศส กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เรื่องของแผนและแท็คติกก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลย เพราะส่วนใหญ่ก็ใช้ระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน และ ป็อกบา ก็ทำหน้าที่เดียวกัน แถมยังแน้นคุมโซนเพื่อความรัดกุมเหมือนกันด้วย แต่สิ่งที่แตกต่างก็คงจะเป็นจังหวะการเล่นมากกว่า ฝรั่งเศส ดูมีระบบที่สมดุลและเข้าใจกันมากกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะเล่นรุกหรือรับและสวนกลับพวกเขาจะทำจังหวะกันเพียงไม่กี่ครั้งบอลก็ไปถึงหน้าประตูอีกฝั่งแล้ว ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เราจะเห็น ป็อกบา เล่นยากๆ จังหวะนรกอยู่บ่อยๆ อารมณ์เหมือน 'กูอยากโชว์' จนบางทีเกมมันเสียไปง่ายๆ ซึ่งปัญหาที่เป็นแบบนั้นก็อาจจะมาจากการขาดทีมเวิร์คดีที่

เพื่อนร่วมทีม

ฟุตบอล เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นกีฬาที่เล่นกันเป็นทีมไม่ใช่โชว์เดี่ยว ดังนั้นการที่นักเตะคนหนึ่งจะฉายแววได้ดีมันต้องมีเพื่อนร่วมทีมคอยเกื้อหนุนด้วย ยิ่ง ป็อกบา เป็นผู้เล่นที่ชอบขับเคลื่อนเกมทะลุทวงด้วย ดังนั้นการมีคนมาคอยเชื่อมเกมนั่นคือสิ่งที่จะทำให้เกมมันเล่นได้ง่ายและดูสวยงาม ถ้าจะเปรียบเทียบกันเรื่องทรัพยากรหากพูดกันตามตรง ฝรั่งเศส ดูจะมีองค์ประกอบที่ดีกว่า แดนกลางจับคู่กับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ส่วนริมเส้นก็มีตัวทีเด็ดอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ และก็มีกองหน้ากึ่งเพลย์เมคเกอร์อย่าง อองตวน กรีซมันน์ ด้วย ซึ่งแต่คนต่างเป็นนักเตะที่เคลื่อนที่กันได้ดี, มีความคล่องตัวสูง แถมยังมีพิษสงรอบด้านมากมายอีกด้วย ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บางทีอาจจะเล่น 4-3-3 บางทีอาจจะเล่น 4-2-3-1 การยืนเป็นกองกลางร่วมกับพวก มารูยาน เฟลไลนี่ และ เนมานย่า มาติช มันทำให้ ป็อกบา ต้องเป็นเป้าหมายของศัตรูโดยง่าย เพราะ เฟลไลนี่ และ มาติช ไม่ใช่ผู้เล่นที่เร็วและคล่องเท่าไหร่ ดังนั้นการทำลายเกมตรงตัวทะลุทะลวงอย่าง ป็อกบา ก็ถือเป็นการเบรกเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ดีทีเดียว ส่วนตัวริมเส้นที่จะมาช่วยประคองหรือสร้างความแตกต่างไม่ว่าจะเป็น เจสซี่ ลินการ์ด และ อเล็กซิส ซานเชซ ชั่วโมงนี้บอกเลยว่ายังไม่โอเคตามที่ต้องการ

ความอิสระ

ความอิสระในข้อนี้มันอาจจะสัมพันธ์กับข้อด้านบนนั่นก็คือเพื่อนร่วมทีม ปอล ป็อกบา หน้าที่ของเขาคือเป็นมิดฟิลด์ตัวทะลุทะลวงและเชื่อมเกม ดังนั้นการมีคู่ขาที่ดีมันสำคัญมาก อย่างที่ ฝรั่งเศส การมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มันให้อิสระกับตัวเขาอย่างเต็มที่ โดยคุณไม่ต้องหันหลังไปพะวงเลย เพราะ ก็องเต้ สรรพคุณการตัดเกมทำลายเกมของเขาคอบอลทุกคนน่าจะทราบดีว่าร้ายกาจขนาดไหน ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ถ้าพูดถึงพาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุดอย่าง เนมานย่า มาติช นักเตะคนนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวรับที่แกร่งที่สุดคนหนึ่ง แต่อย่างที่ทราบกันคือพี่แกอายุเยอะแล้ว, ไม่ค่อยคล่องตัวแถมยังช้าอีก นั่นจึงทำให้บางที ป็อกบา ต้องดึงเกมช้า เล่นจังหวะ 50-50 อยู่หลายครั้งไม่ว่าจะเป็นตอนบุกหรือสวนกลับ

บรรยากาศภายในทีม

นอกจากเรื่องผลงานในสนามอีกหนึ่งสิ่งที่คอยเป็นตัวสร้างความมั่นใจให้กับคุณก็คือบรรยากาศภายในทีม ถ้าคนเรามีความสุขไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันก็จะอยู่ที่นั่นได้นานและปราศจากเรื่องของปัญหา ถ้าสังเกตดูดีๆ ยามที่ ป็อกบา ถึงคราวต้องไปเข้าแคมป์ทีมชาติ ฝรั่งเศส ใบหน้าของพี่แกจะยิ้มแย้มป็นพิเศษ และเรามักจะเห็นสีสันความเฮฮาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายคลิปวิดีโอหยอกล้อกับเพื่อนๆ ในก๊วน เป็นต้น ขณะที่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด โมเมนต์แบบนี้มันก็มีให้เห็นอยู่บ้าง แต่พักหลังๆ เราแทบไม่ได้เห็นมุมนี้ของ ปอล ป็อกบา เลย มิหนำซ้ำวันๆ ก็มีแต่ข่าวเสียๆ หายๆ เยอะ ทั้งโดนแฟนบอลด่า, ข่าวย้ายทีมตลอดจนล่าสุดก็เรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีกับเจ้านายอย่าง มูรินโญ่ นี่แหละ

ผู้จัดการทีม

จริงอยู่ที่นักฟุตบอลต้องให้ความเคารพกับกุนซือทุกคน เพรานั่นคือหนึ่งในคุณสมบัติของมืออาชีพ ปอล ป็อกบา มีข่าวเสียๆ หายๆ เยอะเรื่องความสัมพันธ์กับ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่พี่แกก็เคยชี้ชัดให้ฟังออกสื่อว่า 'ยังไงคนเป็นโค้ชก็คือคนที่เราต้องฟัง และทำตาม' แต่สิ่งที่แตกต่างคือ 'ความสุขในการลงเล่น' ป็อกบา อาจจะให้ความเคารพในตัว มูรินโญ่ จริง แต่แน่นอนว่าบรรยากาศต่างๆ รวมไปถึงความสุขในการเล่นฟุตบอลอาจจะไม่ดีเท่าแคมป์ทีมชาติ ฝรั่งเศส ของ เดส์ช็องก์ อารมณ์มันก็เหมือนชีวิตมนุษย์เงินเดือน ต่อให้เราจะงานหนักแค่ไหน แต่ถ้าเรามีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีเจ้านายที่ดี การทำงานก็จะมีความสุขและผลที่ออกมามันก็จะดีตามไปด้วย ตรงกันข้ามกับการทำงานอีกแบบ ต่อให้จะเป็นงานที่เรารัก แถมยังได้เงินเยอะอีก แต่ถ้าทรัพยากรและบรรยากาศมันไม่ดีมันก็ไม่มีความสุข จริงไหม ? นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องก์ ก็ถือการปฏิบัติต่อนักเตะ ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์คนเราต่างก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น เช่นเดียวกับการเป็นนักฟุตบอล ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่ได้เก่งไปตลอด และไอ้ความแตกต่างที่ว่านั้น เดส์ช็องก์ ไม่เคยด่านักเตะออกสื่อซึ่งตรงข้ามกันกับ มูรินโญ่ สิ้นเชิง