logo-heading

เกมกระชับมิตรกับทีมชาติ สหรัฐอเมริกา ในคืนนี้จะเป็นนัดสั่งลาของ เวย์น รูนี่ย์ อย่างเป็นทางการสำหรับการรับใช้ทีมชาติ อังกฤษ

สำหรับ เวย์น รูนี่ย์ นี่ถือเป็นนักฟุตบอลที่อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของทีมชาติ อังกฤษ หลังได้โอกาสรับใช้ชาติมายาวนาน 14 ปีหรือตั้งแต่ปี 2003-2017 พร้อมกับสร้างสถิติสำคัญไว้มากมาย ดังนั้นเพื่อเป็นการสั่งลาชายคนนี้ในสีเสื้อ 'สิงโตคำราม' เราจะไปย้อนดูความทรงจำดีๆ ของเขากับการรับใช้ชาติกัน

ติดธง อังกฤษ ครั้งแรกและประตูแรก

13 กุมภาพันธ์ 2003 เวย์น รูนี่ย์ กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติ อังกฤษ ด้วยวัยแค่ 17 ปีกับอีก 111 วันเท่านั้นในเกมอุ่นเครื่องที่เจอกับ ออสเตรเลีย ซึ่งตอนนั้น 'สิงโตคำราม' อยู่ภายใต้การคุมทีมของ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน ก่อนจะมาเปิดซิงยิงตุงแรกให้ชาติเกิดได้ในช่วงเดือนกันยายนปีเดียวันในเกม ยูโร 2004 รอบคัดเลือก ที่ชนะ มาซิโดเนีย 2-1 พร้อมจารึกสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในวัย 17 ปีกับอีก 317 วัน

ทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิด

ยูโร 2004 ที่ โปรตุเกส อังกฤษ ถือว่าเจองานหินสุดๆ เพราะต้องอยู่กลุ่มเดียวกับทาง ฝรั่งเศส และก็เหมือนจะกลายเป็นม้านอกสายตาทันดี หลังประเดิมและแพ้ไป 1-2 แต่ อังกฤษ ก็กลับมา Hot ในอีก 2 เกมที่เอกับ โครเอเชีย และ สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการชนะไป 3-0และ 4-2 ตามลำกดับ ซึ่ง 7 ประตูที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการทำ 4 ประตูของ เวย์น รูนี่ย์ แต่ก็ดันมาซวยโดยได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงครึ่งชั่วโมงนัดเจอเจ้าภาพ โปรตุเกส รอบรองชนะเลิศ มิอย่างงั้น อังกฤษ อาจจะไปไกลกว่านี้ก็ได้

ก้าวขึ้นชั้นดาวซัลโวตลอดกาลของ อังกฤษ

ในการแข่งขัน ยูโร 2016 รอบคัดเลือก เป็นช่วงที่หลายๆ คนจับตามองกันอย่างมากว่า เวย์น รูนี่์ย์ จะก้าวขึ้นไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติ อังกฤษ และมันก็เกิดขึ้นในวันที่เจอกับ สวิตเซอร์แลนด์ จากการซัดจุดโทาช่วงท้ายเกมพา อังกฤษ ชนะไป 2-0 แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ รูนี่ย์ ก้าวขึ้นชั้นดาวซัลโวสูงสุดคนใหม่ของทีมชาติที่ 50 ประตูแทนที่ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่ทำไว้ 49 ประตู

ลูกโหม่งที่พา อังกฤษ ไป ฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล

การคัดเลือกหาชาติจากยุโรปไปลุย ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศ บราซิล ถือว่าลุ้นกันสนุกทีเดียว เพราะตอนนั้น อังกฤษ มีคะแนนนำหน้า ยูเครน อยู่ 1 แต้ม และใน 2 เกมสุดท้ายถือเป็นงานหินของพวกเขาสุดๆ เพราะต้องดวลกับ มอนเตเนโกร ที่ช่วงนั้นร้ายไม่เบาจริงๆ และปิดท้ายด้วย โปแลนด์ ขณะที่ ยูเครน นั้นเจอกับ โปแลนด์ และส่งท้ายด้วยการเจอหมูอย่าง ซาน มาริโน่ ซึ่งผลปรากฏว่า รูนี่ย์ มีชื่อบนสกอร์บอร์ดทั้ง 2 เกม แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือการโหม่งจ่อๆ ในเกมที่ชนะ โปแลนด์ 2-0 โดยที่ไม่ต้องลุ้นผลคู่ ยูเครน เลย

ปลอกแขนกัปตันทีม

รูนี่ย์ ได้เป็นกัปตันทีมชาติ อังกฤษ 23 ครั้งในช่วงเวลา 8 ปีก่อนมันจะสืบทอดต่อไปถึง แฮร์รี่ เคน โดยครั้งแรกที่เจ้าตัวได้รับบทบาทนั้นมันยังไม่เป็นทางการหลังได้เกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องที่เจอกับ บราซิล ที่ประเทศ กาตาร์ ก่อนจะมาได้รับบทบาทดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม 2012 เกม ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก ที่ เจอกับ ซาน มาริโน่

ประตูสุดท้ายในนามทีมชาติ

หลังจากก้าวข้ามผ่านสถิติของ 'ปู่บ็อบ' ในการเป็นเจ้าของดาวซัลโวสูงสุดคนใหม่ของทีมชาติ อังกฤษ จากนั้นไม่นาน รูนี่ย์ ก็ได้หยุดสถิตินั้นลงโดยจารึกไว้แค่ 53 ประตูเท่านั้น หลังจากประตูสุดท้ายของเขาได้เกิดขึ้นในศึก ยูโร 2016 ที่ยิงจุดโทษให้ อังกฤษ ขึ้นนำ 1-0 ในรอบน็อคเอาท์ ก่อนจะโดนพลิก 2-1 และตกรอบไปซะงั้น

วันประกาศอำลาทัพ 'ทรี ไลอ้อนส์'

พอเข้าสู่ยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เวย์น รูนี่ย์ ก็เริ่มมีบทบาทน้อยลงเรื่อยๆ กับทีมชาติ อังกฤษ จนมันมาถึงวันที่ต้องจากไปจริงๆ โดยเกมสุดท้ายที่พี่แกได้ลงเล่นคือนัดที่ 119 ที่เอาชนะ สกอตแลนด์ ไป 3-0 ที่ เวมบลี่ย์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2016 และทำได้ 1 แอสซิสต์ ก่อนจะมาประกาศรีไทร์เลิกเล่นทีมชาติไปในวันที่ 23 สิงหาคม 2017 หยุดสถิติทั้งหมดไว้ที่ 119 นัด และยิงไป 53 ประตู
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline