logo-heading

การแข่งขันฟุตบอลฤดูกาล 2018-19 ในลีกยุโรปใกล้จะปิดฉากลงเต็มที ตอนนี้ทีมใดได้ลุ้นโควต้าใดมันก็ค่อนข้างเห็นภาพชัดเจนแล้ว

เช่นเดียวกับตัวนักเตะใครโชว์ฟอร์มได้ดีหรือไม่ดีมันก็เห็นภาพที่ชัดเหมือนกัน ล่าสุดทางสื่อต่างประเทศก็ได้จัดเป็นลิสต์ 11 ผู้เล่นในแต่ละตำแหน่งโดยทำการคัดเลือกว่าใครกันบ้างที่คู่ควรกับการมีชื่อติด 'ทีมยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2018-19' โดยใช้เกณฑ์การวัดเป็นสถิติต่างๆ ตามตำแหน่งของนักเตะ

ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2018-19 ระบบ 4-2-3-1

The Best XI in World Football this season ผู้รักษาประตู : ยาน โอบลัค (แอตเลติโก มาดริด) กองหลัง : โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิค), เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล), เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า), จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า) กองกลาง : แฟร์นานดินโญ่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), แบร์นาโด้ ซิลวา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) แนวรุก : คีเลียน เอ็มบัปเป้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ยูเวนตุส) เริ่มที่ผู้รักษาประตู ยาน โอบลัค เขาเก็บได้ 133 คลีนชีทกับ 144 เกมที่เล่นให้ แอตเลติโก มาดริด และปีนี้ก็เก็บไปถึง 16 คลีนชีท และเสียแค่ 19 ประตูเท่านั้นนับเป็นสถิติที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ใน 5 ลีกดัง ถัดมาที่กองหลังถึงแม้ บาเยิร์น มิวนิค จะมีฟอร์มที่หลุดๆ ไปบ้าง แต่ในตำแหน่งแบ็กขวาไม่มีใครดีไปกว่า โจชัว คิมมิช กับการยิง 2 ประตูและทำ 12 แอสซิสต์ แถมยังมีเปอร์เซนต์การผ่านบอลสำเร็จอยู่ที่ 90.5 % แถมยังแทคเคิ่ลปะทะศัตรูด้วยค่าเฉลี่ย 1.3 ครั้งต่อเกม สกัดบอล 1.3 ครั้งต่อเกมคือค่าเฉลี่ยเช่นกัน ส่วนแบ็กซ้ายก็ตกเป็นของ จอร์ดี้ อัลบา สถิติเขาเยี่ยมพอๆ กับ คิมมิช เลย หลังยิง 2 ประตูและทำ 10 แอสซิสต์ ในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลสำคัญอยู่ที่ 1.5 ครั้งต่อเกมด้วย ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กตกเป็นของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กับส่วนสำคัญที่พา ลิเวอร์พูล เสียแค่ 18 ประตูเท่านั้นใน พรีเมียร์ลีก มีเปอร์เซนต์การผ่านบอลสำเร็จ 89.2 % เอาชนะลูกกลางอากาศเฉลี่ย 4.5 ครั้งต่อเกม แทคเคิ่ลกับสกัดบอลเฉลี่ย 1.1 ครั้งต่อนัด ส่วนอีกคนที่ติดมาก็คือ เคราร์ด ปิเก้ ถึงแม้จะอายุ 32 แล้วแต่ก็ยังแข็งโป๊ก เอาชนะลูกกลางอากาศ 3.3 ครั้งต่อเกมโดยค่าเฉลี่ย ไหนจะมีเปอร์เซนต์การผ่านบอลอยู่ที่ 91 % นอกจากนี้ยังช่วยให้ บาร์เซโลน่า เก็บได้ 16 คลีนชีทและยิงเองได้ถึง 7 ประตูอีกด้วย คู่กลางแดนมิดฟิลด์ค่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่ง แฟร์านดินโญ่ กับ แบร์นาโด้ ซิลวา เข้าประกวด โดยรายแรกมีส่วนอย่างมากที่ช่วยให้เกมตรงกลางของ 'เรือใบสีฟ้า' ปึ้กมากขึ้นแถมยังประสานกับเกมรับได้ดี มีค่าเฉลี่ยเอาชนะลูกกลางอากาศ 2.7 ครั้งต่อเกม, เบียดปะทะชนะ 1.7 ครั้งต่อเกม และสกัดบอลเฉลี่ย 1.7 ครั้งต่อเกม ส่วนอีกรายคือ แบร์นาโด้ ซิลวา แข้งสารพัดประโยชน์จะเล่นเป็นปีกก็ได้หรือจะเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางก็ได้ ผลงานปีนี้พี่แกกดไป 12 ประตูและทำไปอีก 8 แอสซิสต์ นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลช็อตสำคัญอีก 1.6 ครั้งต่อเกมด้วย ทางฝั่งแนวรุกเริ่มที่ คีเลียน เอ็มบัปเป้ โดยสังหารไปมากถึง 39 ประตูทำอีก 11 แอสซิสต์ นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยการยิง 3.5 ครึ่งต่อเกม ผ่านบอลช็อตสำคัญ 1.6 ครั้งต่อเกม และเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ 2.6 ครั้งต่อเกม ขณะที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ก็ซัดไปกระจุยถึง 19 ประตูบวกกับทำอีก 12 แอสซิสต์ มีค่าเฉลี่ยการจ่ายบอลช็อตสำคัญ 2.5 ครั้งต่อเกม แต่ที่พีคสุดคือมีค่าเฉลี่ยเลี้ยงบอลผ่านศัตรู 3 ครั้งต่อเกม แน่นอนว่าคนที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งซัดไปทลายถึง 43 ประตูบวกกับทำอีก 17 แอสซิสต์ให้ บาร์เซโลน่า ปีนี้ รับบททั้งกองหน้าและตัวทำเกมในร่างเดียว เมสซี่ มีค่าเฉลี่ยยิง 5.3 ครั้งต่อเกม เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้เฉลี่ย 4 ครั้งต่อเกม รวมไปถึงสถิติผ่านบอลช็อตสำคัญที่ 3.1 ครั้งต่อนัด ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถึงแม้จะอายุ 34 แล้วแต่สถิติาการพังประตูไม่ได้ลดน้อยลงเล่น ปัจจุบันพี่แกซัดไปแล้ว 29 ประตูบวกกับทำอีก 10 แอสซิสต์ ละนี่ก็คือคนที่มีค่าเฉลี่ยการยิงมากที่สุดในปีนี้ที่ 5.9 ครั้งต่อเกม
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline