ถ้าไม่เสียวไส้ ไม่ใช่ ลิเวอร์พูล จริงๆ เพราะพวกเขาต้องเจอกับเกมอันยากลำบากในการบุกไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน หลังถูกยิงขึ้นนำไปก่อน แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว สามารถกลับมาแซงเอาชนะ 3-1 ได้สำเร็จ แซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง กับการแข่งมากกว่า 1 นัด
เรียกว่านัดนี้เป็นการปลดล็อคของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้า ลิเวอร์พูล อีกด้วย แต่ทว่าอีกหลายคนก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ไปดูกันว่าทีมงานขอบสนาม จะให้คะแนนกับนักเตะ "หงส์แดง" ประมาณเท่าไหร่
อลิสซอน เบ็คเกอร์ : 6
ถ้าไม่นับประตูแรกที่เสียไป เขาก็แทบไม่ต้องเจองานหนักอีกเลย เพราะ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้แค่หวาดเสียวจากการเปิดจากริมเส้น ส่วนลูกแรกที่เสียจะไปโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะโดนยิงระยะเผ่ขนขนาดไหน
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : 6
โดน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ตะโกนด่าเข้าให้ในช่วงครึ่งแรก เพราะมีจังหวะจ่ายไปติดผู้เล่น เซาธ์แฮมป์ตัน จะเกือบจะเสียประตูที่ 2 แต่ทว่าอย่างน้อยๆก็มาก็แก้ตัวด้วยความขยัน วิ่งไปเก็บตกบอลที่ยังไม่ออก ครอสเข้ามาให้กับ นาบี เกอิต้า โขกเต็ม
โจเอล มาติป : 6
นี่มัน เอแด็น อาซาร์ หรือ โจเอล มาติป เพราะพี่แกเลี้ยงลากเลื้อยอย่างกับมิดฟิลด์ตัวรุก และ สร้างโอกาสให้กับเพื่อนได้ ซึ่งมันสำคัญตรงนี้ ถึงแม้ต้นครึ่งแรกจะออกทะเลไปหน่อย อย่างไรก็ตามครึ่งหลังก็มีช็อตสำคัญ ที่ดัก นาธาน เร้ดม่อนด์ ไว้ได้ รวมถึงลูกเปิดยาวให้ ฟีร์มิโน่ ไปแอสซิสต์ให้ เฮนเดอร์สัน ยิง เลยขอเพิ่มให้ 6 คะแนน
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 6.5
ถามว่าลูกแรก มีส่วนผิดด้วยไหม ก็มีส่วนไหม แต่ก็ไม่ใช่ ฟาน ไดค์ คนเดียว เพราะกองกลางก็ปล่อยให้กองกลาง เซาธ์แฮมป์ตัน เติมขึ้นมาถึงในกรอบเขตโทษ แบบไม่มีใครให้เสียง แต่หลังจากจังหวะนั้นแล้ว เขาก็ดักเก็บกินได้หมด ทั้งลูกกลางอากาศ หรือ ครอสจากริมเส้น
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : 6
วันนี้การครอสบอลของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ไม่ทำงาน มีจังหวะหนึ่ง ได้ชิ่งสวยๆกับ ซาดิโอ มาเน่ และ เพียงให้เปิดให้เข้าเป้า ซาลาห์ น่าจะเป็นประตูได้ไม่ยาก แต่เปิดแรงไปออกอีกฝั่ง แต่อย่างน้อยๆ จุดเริ่มต้นจากประตูแรก เขาเองก็มีส่วน
ฟาบินโญ่ : 5.5
โดนเผาเครื่องเละเทะ เรียกว่าเกมนี้ไม่ใช่ฟอร์มที่ดีของ ฟาบินโญ่ เอาเสียเลย เดี๋ยวก็โดนแตะหนี เดี๋ยวก็โดนหลอกหลังหัก ต้องให้เพื่อนกองหลังคอยรับภาระหนัก แต่ขอเพิ่มให้ 0.5 เพราะครึ่งหลังดีขึ้นมานิดนึง
จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม : 5
ถ้าจะถามว่าใครเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานมากสุด ก็คงต้องยกให้กับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม เพราะการจ่ายบอลที่ว่าชัวร์จากเท้าของเขา แต่มาเกมนี้ กลายเป็นรีบแล้วรนรานไปเอง ส่วนการทำเกมบุก ก็จ่ายไปติดตลอด สุดท้ายโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามไป
นาบี เกอิต้า : 7
ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ซึ่งเชื่อว่าตอนที่ ลิเวอร์พูล ตามหลัง 0-1 แฟนบอลทีมเยือนอาจจะหงุดหงิด เพราะ เกอิต้า มีช็อตทำพลาด และ ต่อเกมกับเพื่อนไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เกอิต้า มาแก้ตัวได้สำเร็จ ด้วยการโขกตีเสมอให้ "หงส์แดง" 1-1 จากนั้นก็เร่งฟอร์มเก่งมาได้ จนเกือบเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ด้วย
ซาดิโอ มาเน่ : 6.5
ครึ่งแรกบทบาทของ มาเน่ ค่อนข้างจะมีน้อย จะมีก็ลูกโหม่งที่ไปติดเซฟ แต่พอครึ่งหลัง ได้ถ่างมายืนริมเส้นฝั่งซ้าย ก็แผลงฤทธิ์ใส่แนวรับ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ทันที ด้วยการใช้สปีดเล่นงาน และ ช็อตสำคัญเลยคือเขาเป็นคนเข้าบล็อคลูกยิงของคู่แข่ง จนเป็นที่มาทำให้ทีมได้ลูกโต้กลับ และได้ประตูขึ้นนำ 2-1
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ : 7
เป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับเกมเยอะมาก ทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลัง แต่ด้วยความที่นักเตะ เซาธ์แฮมป์ตัน ลงไปตั้งเกมรับกันหลายคน ทำให้โอกาสของ ฟีร์มิโน่ มีไม่เยอะ พอจะยิงก็ไปติดบล็อค บางครั้งต้องมาล้วงเล่นเอง อย่างไรก็ตาม ในเกมนี้เขามีชื่อเป็นคนแอสซิสต์ ให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิงประตูปิดกล่อง 3-1
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 7.5
ใช่ครับ ยังเป็นอีกเกมที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูจะขาดความมั่นใจเหมือนเดิม เพราะในจังหวะสำคัญ เขายังไม่สามารถเลี้ยงกินตัวผ่านนักเตะ "นักบุญแดนใต้" ได้ ลูกจ่ายก็เดี๋ยวขาด เดี๋ยวเกิน แต่ขอยกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในสายตา ก็คงเป็นเพราะช็อตโมเมนท์ของเกมนี้เลยก็ว่าได้ นั่นคือจังหวะเลี้ยงจากกลางสนาม จี้เข้าไป จนซัลโวให้ "หงส์แดง" นำ 2-1 นับเป็นประตูที่ 50 ของเขากับ "หงส์แดง" จนได้
สำรอง :
เจมส์ มิลเนอร์ : 6
การเปลี่ยนเอา เจมส์ มิลเนอร์ ลงมา นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพราะลงมาแล้วก็มีส่วนร่วมกับเกมหลายๆช็อต และ การเล่นเกมรับ ก็ทำได้ดีตามคำสั่งโค้ช
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : 7
คงไม่มีใครด่า เฮนเดอร์สัน แล้วล่ะ เพราะเกมนี้ เจ้าตัวลงมาเปลี่ยนเกมจริงๆ ไม่ต้องไปยืนตัดเกมแล้ว ไปเล่นเกมรุกให้สมใจ สุดท้ายกลายเป็นมีส่วนร่วมกับ 2 ประตู เริ่มจากโหม่งให้ ซาลาห์ เลี้ยงเดี่ยวไปยิงประตู ก่อนที่ "เฮนโด้" จะวิ่งเติมขึ้นเข้ามาชาร์ตจ่อๆ ยิงให้ทีมเก็บ 3 คะแนน ได้สำเร็จ
เดยัน ลอฟเรน : 5
ลงมาก็ท้ายเกมแล้ว เพื่อมาช่วยเกมรับไม่ให้เสียประตู โดนบอลแค่ไม่กี่จังหวะเท่านั้น ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม