logo-heading

ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วโดยผู้ที่ได้ไปต่ออีก 4 ทีมในรอบตัดเชือกประกอบไปด้วย ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ บาร์เซโลน่า

ล่าสุดสื่อต่างประเทศได้มีการจัดทำ 'ทีมยอดเยี่ยมสำหรับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ' ขึ้นมา ดังนั้นวันนี้ทาง 'ขอบสนาม' จะพาทุกท่านไปดูกันว่ามีใครกันบ้างที่ติดโผเข้ามาและพร้อมชี้แจงถึงเหตุผล

ระบบ : 4-3-3

ผู้รักษาประตู : อูโก้ โยริส (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์) กองหลัง : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล), แมทธิส เดอ ลิกต์ (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล), จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า) กองกลาง : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า), เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), กองหน้า : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ซน ฮึง-มิน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล)

เหตุผล

สำหรับ อูโก้ โยริส ที่ติดมาเป็นเพราะเขาต้องเจอกับงานที่หินอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และก็เซฟจนมือแทบหักเพราะต้องพี่แกต้องรับมือกับลูกยิงของคู่แข่งถึง 30 ครั้ง และที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเลยก็คือการเซฟจุดโทษของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ถัดมาที่กองหลัง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จริงๆ ก็ไม่ได้โดดเด่นที่สุดในตำแหน่งแบ็กขวาแต่สิ่งที่เขาทำได้ดีก็คือการมีส่วนร่วมกับเกมบุกและช่วยให้ทีมทำประตูได้จากการทำ 2 แอสซิสต์ตลอด 2 นัดที่เจอ ปอร์โต้ และมีส่วนร่วมอีกมาก ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็คือ จอร์ดี้ อัลบา เขายังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้เยี่ยม เขาทำได้ 1 แอสซิสต์ใน 2 นัดที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และก็มีการเติมเกมบุกที่เร้าใจ ส่วนตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กก็เป็นคู่หูที่จับมือกันในรั้วทีมชาติ ฮอลแลนด์ นั่นคือ แมทธิส เดอ ลิกต์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ โดย เดอ ลิกต์ วัยแค่ 19 ปีนับวันยิ่งปล่อยของออกมาเรื่อยๆ ทั้งเทคนิค, ความคล่องตัวและความแข็งแกร่ง เขาคือส่วนสำคัญที่พา อาแจ็กซ์ เข้ามาถึงรอบตัดเชือกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1997 ส่วน ฟาน ไดค์ ก็ยังคงปัดกวาดการโจมตีจากศัตรูได้ดีตามมาตรฐาน พร้อมกับเป็นแกนหลักในแผงหลังบ้านที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล อุ่นใจ ถัดมาที่แดนกลางเขาให้ ลิโอเนล เมสซี่ ลงมาติดในตำแหน่งนี้ ส่วนเหตุผลก็คงไม่ต้องสาธยายเพราะนี่คือทุกอย่างของ บาร์เซโลน่า เป็นได้ทุกอย่างจริงๆ เพื่อทีม และพี่แกก็ซัดไป 2 เม็ดเบาๆ ในเกมเชือด 'ปีศาจแดง' ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เขาเป็นตัวที่สร้างอิมแพ็คให้ แมนฯ ซิตี้ จริงๆ ในเกมนัด 2 หลังจากเกมแรกได้ลงมาตอนนาที 89 ซึ่งช่วยอะไรไม่ได้เลย การมีเขาอยู่ในสนามมันช่วยสร้างความบาลานซ์ให้กับทีมทั้งการเปลี่ยนจังหวะรวมถึงการเล่นเกมบุก บอลจากเท้าของพี่แกต้องบอกเลยว่าหวังผลได้ทั้งนั้น ส่วน ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค บทบาทในเกมที่ 2 คือเป็นเพลย์เมคเกอร์และก็สนับสนุนเพื่อนได้ดี ที่สำคัญเขาคือคนที่พา อาแจ็กซ์ กลับคืนสู่เกมได้ไวด้วยการยิงตีเสมอ ยูเวนตุส 1-1 หลังจากโดนนำไปแค่ 6 นาทีเท่านั้น ท้ายที่สุดมาดูที่กองหน้า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คือคนที่มีชื่อติดมาทั้งที่ทีมตกรอบ แต่ถ้าดูจากผลงานการซัด 2 ประตูในเกมที่ 2 ก็ถือโดดเด่นและสร้างขวัญกำลังใจให้ แมนฯ ซิตี้ ได้มากมาย แถมเกือบทำแฮตทริกและเป็นฮีโร่ในช่วงทดเจ็บด้วยถ้าเกิดลูกนั้นไม่ล้ำหน้าไปเสียก่อน เช่นเดียวกับ ซน ฮึง-มิน ก็โดดเด่นอย่างต่อเนื่องในยามที่ สเปอร์ส ไม่มี แฮร์รี่ เคน เขายิงได้ 2 ประตูในเกมนัด 2 แน่นอนว่าถ้าไม่มีเขาต้นสังกัดคงไม่ได้ไปต่อแน่ๆ ส่วนคนสุดท้ายคือ ซาดิโอ มาเน่ โดดเด่นมากในเกมที่ 2 ที่ถ้ำ ดราเกา เขายิงเปิดหัวให้ทีมขึ้นนำซึ่งนั่นสำคัญมากเพราะมันช่วยให้ทีมเล่นได้ผ่อนคลายจากความกดดันได้มากขึ้น
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline