การประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติชุดปัจจุบัน ในการแข่งขันคิงส์ คัพ 2019 เรียกเสียงฮือฮาได้พอควร
35 คนที่ถูก"โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กุนซือทีมชาติไทย ใส่ชื่อในครั้งนี้ มีไอ้หนู 16 ปีอย่างศุภณัฏฐ์ เหมือนตา รวมอยู่ด้วย ซึ่งก็ไม่ได้พลิกโผแต่อย่างใด เนื่องจากทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชให้ความสนใจมากสักพักแล้ว
แน่นอนว่าหลายๆฝ่ายมองว่าอาจจะเร็วเกินไปสำหรับศุภณัฏฐ์ แต่เมื่อมันเป็นดุลพินิจของโค้ชทีมชาติไทย ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ และในเมื่ออายุน้อยหาญกล้าติดทีมชาติได้ แสดงว่าฝีเท้าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
อันที่จริงในอดีตวงการฟุตบอลก็มีดาวรุ่งมากมาย ที่เก่งเกินฝีเท้าจนถูกเรียกติดทีมชาติไทยมานับไม่ถ้วน ขอบสนามขอหยิบยก แข้งวัยโจ๋สายเลือดสยาม หาญกล้าติดธงทีมชาติไทย ก่อนอายุ 20 ปี
1.วรวรรณ ชิตะวณิช
เด็กหนุ่มผิวคล่ำรูปร่างเล็ก ลูกแม่ครัวสโมสรราชประชา ที่จับพลัดจับผลูมาพบกับวิทยา เลาหกุล เมื่อปี 1976 (พ.ศ.2519) หรือ 43 ปีที่แล้ว ทั้ง 2 คน มักจะตื่นเช้ามืดมาฝึกซ้อมบอลเป็นเพื่อนจนเป็นกิจวัตรประจําวัน ก่อนที่วันเวลาจะหล่อหลอม ให้ "ป้ำ" เจริญรอยตาม เฮงซัง ก้าวมาเป็นนักเตะราชประชา
เบสิคจากเท้าทั้ง 2 ข้างของ วรวรรณ ค่อนข้างแน่นปึก เนื่องจากการฝึกฝนและทำตามวิทยาอยู่เป็นประจำ ทำให้เขาช่ำชองในเรื่องการจ่ายบอลและยิงไกลที่แม่นยำหวังผลได้ ช่วงงระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ที่สามเสนวิทยาลัย ชั้นม.5 เขาลงเล่นฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยในราชประชา แม้ทีมจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ฝีเท้าของ "ป้ำ" ไปเข้าตา ดร.วิชัย แย้มบุญเรือง โค้ชทีมชาติไทยในเวลานั้น จนมีชื่อเรียกติดชุดเอ เตรียมลงแข่งขันถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ 1979 (พ.ศ.2522) ด้วยวัย 17 ปี วรวรรณ อยู่ในทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะชั้นยอด ทั้ง อำนาจ เฉลิมชวลิต, นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์, เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง, ดาวยศ ดารา,สมชาย ชวยบุญชุม ฯลฯ
อย่างไรก็ดีทัวร์นาเมนต์คิงส์ คัพ ในครั้งนั้น วรวรรณ ไม่ได้มีโอกาสลงสนาม แต่เขามีชื่ออยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ หลังพิชิตเกาหลีใต้ ในรอบชิง 1-0 ซึ่งถือเป็นแข้งทีมชาติไทย ที่จารึกชื่อว่าได้สัมผัสถ้วยพระราชทาน ที่มีอายุน้อยที่สุด
2.อภิชาติ ยนต์ไธสงค์
เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน เมื่อครั้งที่วิทยา เลาหกุล เป็นกุนซือทีมชาติไทย เขามักเรียกดาวรุ่งฝีเท้าดีจากระดับบอลนักเรียนขึ้นมาทำการฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ เพื่อให้เด็กฝีเกือกดีได้สัมผัสและเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับแข้งดังธงไตรรงค์ และคิงส์ คัพ ในปี พ.ศ.2540 (1997) เฮงซังได้หยิบเยาวชนจากตัวท็อปจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา เข้ามาเป็นขุนพลทีมชาติ ท่ามกลางความงงงวย ทำไมถึงตัดสินใจเลือก อภิชาติ ยนต์ไธสงค์ เข้ามา
โค้ชเฮง และ วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ ขนาดนามว่า "โค้ชโคตรพรสวรรค์วงการลูกหนังไทย" อายุแค่ 18 ปี แต่ฝีเท้าเก่งกว่าทีมชาติบางคนเสียคนอีก ทว่าด้วยวัยวุฒิในตอนนั้นที่เด็กมาก พร้อมกับเจอแข้งดังๆมากมาย จนเกินความกดดัน เกร็งจนไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้อย่างที่คาดหวัง เขาได้โอกาสลงเล่นในเกมพบทีมโรมาเนีย ในฐานะตัวสำรองและโดนถอดออก จนในที่สุดเขาตัดสินใจหอบเสื้อผ้าออกจากแคมป์เก็บตัวทีมชาติในเวลานั้นไปเลย
หลังจากนั้น อภิชาติ ลงเล่นให้สโมสรองค์การโทรสัพท์ ในไทยลีก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และโยกไปเล่นให้สโมสรชลบุรีสันนิบาตในระดับดิวิชั่น 1 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนจะไปร่วมหัวจมท้ายกับเพื่อนเก่าที่อัสสัมชัญ ศรีราชา โลดเล่นในโปรลีกกับทีมเมืองชล แต่บอลไทยในเวลานั้นไม่มีความเป็นมืออาชีพ จึงเลือกหันหลังไปทำงานโรงงานแทน
ถึงแม้ อรรณพ สิงห์โตทอง หัวเรือใหญ่ชลบุรี จะตามให้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อ อภิชาติ ห่างหายจากฟุตบอล จนไม่สามารถยืนระยะในลีกระดับสูงได้แล้วนั้นเอง
3.ธีรศิลป์ แดงดา
เด็กหนุ่มร่างโย่งจากแฟลตทหารอากาศย่านดอนเมือง ที่ถูกพ่อเคี่ยวเข็ญฝึกซ้อมเบสิคฟุตบอล จนในเวลาต่อมาถูกทาบทามเข้าสู่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี เดิมทีตำแหน่งของ "มุ้ย" ธีรศิลป์ ไม่ใช่ศูนย์หน้า เพราะเขาถูกจับไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกในระดับบอลนักเรียน และเขาก็เป็นรองในเรื่องฝีเท้าให้แก่ ศักรินทร์ จันทร์โยธา และวิสูตร บุญเป็ง
ทว่าสิ่งที่ "มุ้ย" เหนือกว่าคือเรื่องการใช้ชีวิตกับฟุตบอล โดยไม่ค่อยไปใส่ใจคำชื่มชมจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ชอบให้ท้ายเด็กจนเสียคนและเรื่องการใช้ชีวิตนอกสนาม เขาฝึกซ้อมฟุตบอลมีระเบียบวินัย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเป็นคนขี้อายไม่ค่อยเที่ยว มันจึงทำให้เด็กร่างโย่งยกระดับฝีเท้าตัวเองขึ้นมาได้
หลังจบม.6 ที่อัสสัมชัญ ธนบุรี "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน กุนซือทีมชาติไทยในเวลานั้นจึงลองเรียกมาฝึกซ้อม ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของประสิทธิ์ แดงดา ผู้เป็นพ่อที่มองว่าเด็กคนนี้อายุน้อยเกินไปยังไม่ถึงเวลา แน่นอนว่า "มุ้ยซัง" โดนคำครหาจากแฟนบอลและสื่อมวลชนบางรายในเวลานั้น ว่าเป็นเด็กเส้น
การซ้อมทีมชาติครั้งแรกไม่ค่อยน่าประทับใจ มุ้ย ไม่ได้การต้อนรับที่ดีจากรุ่นพี่ในนามทีมชาติเลย ไม่มีใครส่งบอลให้ ที่หนักกว่านั้นคือเขาต้องไปกินข้าวกับคนขับรถอีกตั้งหาก แต่ทว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้เก็บอุปสรรคเหล่านั้นมาคิด เพราะเขาเลือกที่จะสู้ในสนามจนรุ่นพี่ ส่งบอลให้เขา ท้ายที่สุดเขาได้รับความไว้วางใจ จนมีชื่อติดทีมชาติชุดเอเชียน คัพ 2007
ใครจะไปเชื่อละว่าไอ้หนุ่มร่างโย่งที่โดนสบประมาท เมื่อ 13 ปีที่แล้ว จะกลายมาเป็นกองหน้าคนสำคัญของทีมชาติไทย และกำลังจดจ่อกับการรับใช้ชาติเกมนัดที่ 100
4.เกียรติประวุฒิ สายแวว
กองหลังร่างโย่งจากอุบลราชธานี เจ้าของความสูง 187 เซนติเมตร ชายหนุ่มที่ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นกำลังสำคัญทีมชาติไทยในอนาคต เพราะเล่นบอลด้วยเท้าซ้าย สามารถออกบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำเกมรุกได้ และเข้าสกัดบอลได้ชาญฉลาด "คาร์" เจ๋งถึงขั้น ถูกเรียกตัวมาซ้อมกับทีมชาติตั้งแต่อายุ 18 ปี หลังโชว์ฟอร์มเยี่ยมกับทีมจังหวัดชลบุรี ในรายการโปรลีก และดูเหมือนว่า ชาญวิทย์ ผลชีวิน จะเจอเพชรเม็ดงามคนใหม่ในตำแหน่งนี้เสียแล้ว
ฟุตบอลไทยเมื่อประมาณ 12-13 ปีก่อน จะหาดาวรุ่งก้าวสู่ทำเนียบทีมชาติในตำแหน่งกองหลังเป็นเรื่องยากเนื่องจากส่วนใหญ่ โค้ชจะมองหาตำแหน่งกองหน้า, เพลย์เมกเกอร์, มิดฟิลด์ริมเส้น เท่านั้น แต่มันไม่ใช่สำหรับ เกียรติประวุฒิ เขาหาญกล้าติดทีมในขณะที่อายุ 19 ปี ได้สัมผัสรายการคิงส์ คัพ 2005 ดวลแข้งกับนักเตะระดับโลกเรอัล มาดริด ตามด้วย 4 เส้าพรีเมียร์ลีก เอเชียน ทัวร์ เรียกว่าไฟมันกำลังแรงสุดขีดในเวลานั้น เขาอยู่ในแคนดิเดตของโค้ชหรั่ง ยาวนานจนถึงปี 2007 ในทัวร์นาเมนต์เอเชียน คัพ ซึ่งหลังจากนั้นการไปเล่นบอลในยุโรปของคาร์ เริ่มส่งผลต่อชีวิตลูกหนังของเขา ที่เบลเยียม คลับ บลูช ทีมสำรอง ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสุดเลย อยู่ต่อคนเดียว ท้อแท้สิ้นหวัง ไร้จุดหมาย และเมื่อกลับมาเมืองไทย อาการบาดเจ็บเริ่มสะสมมาเรื่อยๆ เขาไม่เคยกลับมาเป็นกองหลังตัวท็อปของวงการฟุตบอลไทยได้อีกเลย จนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นนักเตะจอมอาภัพ ไม่กล้าเล่นบอลแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกต่อไป
สุดท้ายก็ตัดสินใจปิดฉากชีวิตลูกหนังในวัย 32 ปี เมื่อปี 2018 กับสโมสรโปลิศ เทโร
5.ชนาธิป สรงกระสินธ์
ไม่มีคนไทยคนไหนในพ.ศ.นี้ ไม่รู้จัก ชนาธิป สรงกระสินธ์ แข้งไทยในเจลีก ที่ติดทีมยอดเยี่ยมเมื่อปี 2018 เวลานี้เขาคือนักเตะที่มีมูลค่า 200 ล้านบาท หลังคอนซาโดเล ซัปโปโร ตั้งค่าตัวเอาไว้
ทว่าหากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน เด็กจากโรงเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยี พานิชการราชดําเนิน ยังไม่รู้อนาคตตัวเองว่าจะมีโอกาสได้โลดแล่นทีมชุดใหญ่บีอีซี เทโรศาสน เลยหรือเปล่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือก่อนที่ไทยลีก 2012 จะเปิดฉาก ถ้าหากไม่มีแอนดรูว์ ออร์ด เป็นโค้ชในเวลานั้น ชะตาชีวิต ชนาคุง อาจจบลงด้วยการถูกปล่อยออกจากทีมก็เป็นได้
เมื่อเทโร ตั้งโค้ชชาวออสซี่ ที่ทำงานกับ ชนาธิป มาตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 ขึ้นมาทำทีม มันจึงทำให้คนภายนอกวงการลูกหนังไทยได้รู้จักฝีเท้าไอ้หนุ่มจากสามพรานผู้นี้ ด้วยวิธีการเล่นกล้าเลี้ยงบอลกินตัวใส่คู่ต่อสู้ จนถูกตั้งฉายาเมสซี่เจ ปีแรกในทีมชุดใหญ่มังกรไฟ เขาแจ้งเกิดได้อย่างสง่างาม 4 ประตู จาก 28 เกมในลีกสูงสุด พ่วงตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมไทยลีก เพียงพอจะทำให้เด็กวัยแค่ 18 ปีมีชื่อติดทีมชาติไทย
วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมแดนสยามในเวลานั้น ใส่ ชนาธิป เป็นผู้เล่นชุดใหญ่ในรายการซูซูกิ คัพ 2012 ไอ้หนูดาวรุ่งหมายเลข 22 ถูกส่งมาช่วงท้ายเกม ลากบอลเลี้ยงจี้ใส่แนวรับสิงคโปร์ 3 คน ในรอบชิงเลก 2 เข้าไปซัดประตู แม้จะถูกเซฟ แต่ช็อตดังกล่าวทำให้หมอนี่ กลายเป็นที่กล่าวขวัญในวงการฟุตบอลไทย และกลายเป็นตัวหลักทีมชาติไทยชุดปัจจุบันไปแล้ว
6.ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
ในช่วงเวลาที่คุณอายุ 15 ปี เรียนอยู่ม.3 พวกคุณกำลังตั้งใจเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนใช่ไหม แต่มันคงไม่ใช่สำหรับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เด็กหนุ่มจากจังหวัดศรีสะเกษ ผู้ที่สร้างชื่อเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในไทยลีกด้วยวัย 15 ปี 9 เดือน 25 วันในเกมที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี 5–0
1 ปีเศษนับตั้งแต่ก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ของบุรีรัมย์ ศุภณัฏฐ์ สร้างสถิติมากมายแก่วงการฟุตบอลไทย เช่น เป็นแข้งอายุน้อยสุดลงเล่นในไทยลีก 15 ปี กับ 8 เดือน, ทำประตูไทยลีก อายุน้อยสุด15 ปี 9 เดือน, เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุด อันดับที่ 5 ของเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ลงสนามด้วยวัย วัย 16 ปี 7 เดือน, เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที
่ทำประตูได้ในรายการเอเอฟซี
แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยวัย 16 ปี 8 เดือน 7 วัน (แพ้ ปักกิ่ง กั๋วอัน 1-3), อายุ 16 ปี แต่ล่าสุดติดทีมชาติมาครบทุ
กชุดแล้วตั้งแต่ 16 ปี , 19 ปี , 23 ปี และล่าสุดมีชื่อเป็น 1 ใน 35 คนกับทีมชาติไทย (ชุดใหญ่) ที่จะเล่นศึกคิงส์ คัพ 2019 , ติดทีมชาติไทย (ชุดใหญ่) ด้วยสถิติอายุน้อยที่สุดในป
ระวัติศาสตร์ ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี ทำลายสถิติเดิมของ วรวรรณ ชิตะวณิช ที่เคยติดตอนอายุ 17 ปี เมื่อ 40 ปีก่อน
เรียกได้ว่าไอ้หนู 16 ปีรายนี้ ทำลายเกือบทุกสถิติวงการลูกหนังไทยไปแล้ว และเขากำลังจะได้โอกาสสำคัญในการได้โลดแล่นทีมชาติชุดใหญ่พร้อม "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์ 1 เมืองไทยอีกด้วย
เอ็มเร่
[email protected]
