ขอบสนามผ่าทีม X Chang Football Moments แนะนำ 3 ทีมน้องใหม่ ใน พรีเมียร์ลีก

นอริช ซิตี้

ผลงานเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

แชมป์ แชมเปี้ยนชิพ (ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นอัตโนมัติ), ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ, ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย คาราบาว คัพ

แนะนำทีม

การคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยคะแนนสูงถึง 94 แต้ม จากผลงาน ชนะ 27 เสมอ 13 แพ้ 6 ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และเป็นการคัมแบ็กกลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังตกชั้นลงไปเมื่อฤดูกาล 2015/16 จุดเด่นของทัพ "นกขมิ้น" คือการเติมเกมรุกด้านข้าง ด้วยวิงแบ็คทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งทำให้พวกเขาทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ อย่างเช่นใน แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลที่แล้วก็ซัดไปได้ถึง 93 ประตู มากที่สุดในลีก แต่ปัญหาของพวกเขาคือเกมรับที่เสียประตูง่ายไปหน่อย ส่วนนึงก็มเพราะแบ็คขึ้นไปเติมเกมรุกสูง

ผู้จัดการทีม : ดาเนียล ฟาร์เก้

แม้ว่าชื่อเสียงของ กุนซือวัย 42 ปี จะไม่ได้โด่งดัง แต่ฝีมือถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ฟาร์เก้ เริ่มต้นอาชีพโค้ชด้วยการคุม เอสวี ลิปป์สตัดท์ 08 เมื่อปี 2009 และสามารถพาทีมเลื่อนชั้นจากลีกระดับ 6 มาอยู่ระดับ 4 ได้สำเร็จ ก่อนจะได้รับงานคุมทีมสำรองของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2015 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะทำผลงานกับ "เสือเหลือง" ชุดสำรองได้ดี แต่ ฟาร์เก้ ก็ตัดสินใจที่จะลาออกมาขอคุมทีม นอริช ในปี 2017 ซึ่งฤดูกาลแรกของเขากับ "นกขมิ้น" ก็ไม่ได้สวยงามนัก ชนะ 15 เสมอ 15 แพ้ 16 จบอันดับ 14 ของตาราง ทว่าฤดูกาลถัดมา ฟาร์เก้ ค้นพบระบบที่ลงตัว นักเตะที่เข้าใจในแท็คติก จึงสามารถพาทีมจากที่จบอันดับ 14 มาจบเป็นแชมป์ได้สำเร็จ

นักเตะเด่น : ตีมู ปุกกี้

หัวหอกทีมชาติฟินแลนด์ คือกำลังสำคัญที่ช่วยพาทัพ "นกขมิ้น" โบยบินกลับมาบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง โดยฤดูกาลที่แล้วในเวที แชมเปี้ยนชิพ พี่แกซัดไป 29 ประตู จากการลงสนาม 43 เกม คว้ารางวัลดาวซัลโวประจำฤดูกาลไปครอง ซึ่งแม้ นอริช จะมีการเสริมทัพซื้อกองหน้าที่ดังพอตัวอย่าง โจซิป เดอร์มิช เข้ามา แต่ ปุ้กกี้ วัย 29 ปี ก็ยังเป็นนักเตะที่เด่นที่สุด และเขาก็สามารถเปิดซิงประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ได้แล้วด้วยในเกมเปิดสนามที่พ่ายต่อ ลิเวอร์พูล ไป 4-1 ประตู นอกจากนี้ ปุกกี้ ไม่ใช่แค่กองหน้าที่รอซัลโวอย่างเดียว แต่ยังสามารถพักบอล และจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้อีกด้วย โดยฤดูกาลที่แล้วเขาทำแอสซิสต์ไปมากถึง 10 ลูกเลยทีเดียว

แอสตัน วิลล่า

ผลงานเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

อันดับ 5 ในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ (ได้สิทธิ์เพลย์ออฟ จนเลื่อนชั้นได้ด้วยการชนะ ดาร์บี้ 2-1 ในนัดชิง), ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ, ตกรอบ 2 คาราบาว คัพ

แนะนำทีม

การกลับมาโลดแล่นบนลีกสูงสุดอีกครั้งของ "สิงห์ผงาด" สร้างความฮือฮาและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะพี่แกเล่นทุ่มเงิน 100 กว่าล้านปอนด์ ช้อปนักเตะใหม่เข้ามาร่วมทัพเป็นสิบราย เล่นเอาทีมใหญ่ๆ หลายทีมอายกันเลยทีเดียว แต่การเปลี่ยนแปลงทีมเกือบยกชุดแบบนี้ ปัญหามันก็คือเคมีของนักเตะแต่ละคนจะเข้ากันได้หรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องรอลุ้นกันดู อย่างไรก็ตามหากดูจากฟอร์มการอุ่นเครื่อง ต้องบอกว่าดูดีใช้ได้เลยทีเดียว เพราะชนะรวดมา 5 นัดติด ส่วนนัดแรกของฤดูกาลก็เกือบสร้างเซอร์ไพร้ส์ได้ เพราะบุกไปนำ สเปอร์ส ได้ก่อน แต่สุดท้ายก็โดนแซงชนะไป 3-1 ในช่วงท้ายเกม ทว่าทรงบอล รูปเกม ถือว่าดูมีอนาคต ฉะนั้นแน่นอนว่าการเสริมทัพระดับ 100 กว่าล้าน คงไม่ได้หวังแค่อยู่รอดเท่านั้น คงมองไกลถึงการจบครึ่งบนของตาราง หรือคว้าโควต้าไปลุยเวทียุโรปเลยทีเดียว

ผู้จัดการทีม : ดีน สมิธ

สาวกลูกหนัง คงจะไม่คุ้นชื่อและไม่รู้จักฝีไม้ลายมือของ กุนซือวัย 48 ปี รายนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะต้องยอมรับว่าพี่แกไม่ได้ดัง ไม่เคยคุมทีมใหญ่ สมัยเป็นนักเตะก็เล่นอยู่กับทีมรองๆ แต่บอกเลยว่าผลงานการคุมทีม วิลล่า ของพี่แกไม่ธรรมดา สมิธ เข้ามารับงานคุมทัพ "สิงห์ผงาด" เมื่อเดือนตุลาคม 2018 ซึ่งตอนนั้น วิลล่า อยู่อันดับ 14 ซึ่งสุดท้าย สมิธ ก็สามารถปลุกลูกทีมให้ลุกขึ้นสู้ จนสุดท้ายพาทีมจบอันดับ 5 ของตาราง คว้าสิทธิ์เพลย์ออฟ จนเลื่อนชั้นขึ้นมาได้สำเร็จ นอกจากนี้ สมิธ ยังเป็นคนที่พา แอสตัน วิลล่า คว้าชัยในเกมลีกได้ 10 นัดติดต่อกัน มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย

นักเตะเด่น : แจ็ค กรีลิช

แม้ วิลล่า จะทุ่มเงินกว่า 100 ล้านปอนด์ ซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเพียบ แต่แข้งคนสำคัญที่ถือว่าเป็นหัวใจของทีม ก็ยังคงหนีไม่พ้น เด็กหนุ่มวัย 23 ปี นามว่า แจ็ค กรีลิช อยู่ดี กรีลิช เป็นลูกหม้อของ แอสตัน วิลล่า ฝึกซ้อมในทีมเยาวชนมาตั้งแต่ 6 ขวบ ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2012 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กรีลิช ก็ฉายแววเก่งตั้งแต่เด็ก โชว์ฟอร์มดีเด่นมาได้ตลอด แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมนอกสนาม สํามะเลเทเมา เที่ยวนู่นนี่บ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ตอนนี้เขาก็กลับตัวกลับใจ ตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอลจนเป็น ตัวรุกกำลังหลักที่ช่วยให้ "สิงห์ผงาด" กลับขึ้นมาลีกสูงสุดได้อีกครั้ง

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ผลงานเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

อันดับ 2 เดอะ แชมเปี้ยนชิพ (ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นอัตโนมัติ), ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ, ตกรอบแรก คาราบาว คัพ

แนะนำทีม

ผลงานชนะ 26 นัด เสมอ 11 นัด แพ้ 9 นัด เก็บได้ 89 คะแนน จบรองแชมป์ ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากของทัพ "ดาบคู่" และถือเป็นการคัมแบ็กกลับสู่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ในรอบ 13 ปี โดยช่วงตลาดซื้อขายที่ผ่านมาใช้เงินช้อปนักเตะไปราว 50 ล้านยูโร ได้แข้งใหม่มา 5 ราย เซ็นฟรีอีก 3 ยืมอีก 2 แต่ละตัวก็ถือว่าพอใช้ได้เลยทีเดียว เช่น ฟิล จากิลก้า, มูฮาเหม็ด เบซิช, ดีน เฮนเดอร์สัน, ราเวล มอร์ริสัน และ ลีช มูสเซ็ทต์ เป็นต้น ส่วน จุดเด่นของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คือความเหนียวแน่นในเกมรับ เสียประตูยาก แถมเซ็นเตอร์แบ็ก ยังสามารถถ่างออกข้าง เพื่อเล่นทดแทน ฟลูแบ็กได้ด้วย โดยพวกเขาใช้ระบบ 3-5-2 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และเป็นทีมเดียวใน 3 น้องใหม่ ที่มีแต้มในเกมนัดแรกบนเวที พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ จากการบุกไปเสมอกับ บอร์นมัธ 1-1

ผู้จัดการทีม : คริส วิลเดอร์

กุนซือวัย 51 ปี ถือว่าเป็นลูกหม้อของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดยแท้ เพราะสโมสรแรกสมัยค้าแข้งก็คือทัพ "ดาบคู่" นั่นเอง โดย วิลเดอร์ เข้ามารับงานคุมทีมเมื่อปี 2016 ซึ่งตอนนั้น "ดาบคู่" ยังอยู่ในลีกวัน แต่เขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทันที และ 2 ฤดูกาลถัดมาก็พาทีมขึ้นชั้นมาโลดแล่นบนลีกสูงสุดได้สำเร็จราวกับฝัน ด้วยความที่ วิลเดอร์ มีดีเอ็นเอความเป็น เชฟฟิลด์ อยู่เต็มตัว และพาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขาตกเป็นที่รักของแฟนบอลและนักเตะอย่างมาก

นักเตะเด่น : ดีน เฮนเดอร์สัน

อาจจะดูแปลกไปสักหน่อยที่นักเตะเด่นประจำทีมเป็นผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู แต่หากดูจากสถิติการเฝ้าเสาของเจ้าตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ต้องยอมรับว่า นายด่านที่ยืมตัวมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นคือส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นกลับมาสู่ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ เฮนเดอร์สัน เป็นนักเตะเพียงคนเดียวในทีมที่ลงสนามครบ 46 นัดใน แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลที่แล้ว และเสียไปแค่ 41 ประตู น้อยที่สุดในลีกเท่ากับ มิดเดิ้ลสโบรซ์ แถมยังเก็บคลีน-ชีท ได้มากถถึง 20 นัด กวาดรางวัล นักเตะดาวรุ่ง และนักเตะยอดเยี่ยม ประจำปีของทัพ "ดาบคู่" ไปครอง รวมถึงรางวัลถุงมือทองคำประจำฤดูกาลอีกด้วย โชคดีจริงๆ ที่ เชฟฟิลด์ ยืมตัว นายด่านวัย 22 ปีมาใช้งานได้อีก 1 ฤดูกาล