5 กองกลางสายคุมเกม เล่นง่าย จ่ายคล่อง ส่งผลดีต่อเพื่อนร่วมทีม

ถ้าเปรียบเป็นอวัยวะในร่างกาย ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางคงไม่ต่างอะไรกับมันสมองที่คอยขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ในสนามว่าควรจะไปในทิศทางไหน ดึงช้า, เกมเร็ว เรียกได้ว่าคอยควบคุมจังหวะของเกมแทบทั้งหมด

ซึ่งในปัจจุบันก็มีนักเตะหลายคนที่เป็นสไตล์กองกลางคอยคุมเกม พร้อมสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน ซึ่งถึงแม้พวกเขาอาจจะไม่ได้โดดเด่น แต่ก็เป็นคนสำคัญราวกับจิ๊กซอว์ที่คอยเติมเต็มให้ทีมไม่เสียสมดุล พร้อมพาทีมเดินไปข้างหน้าจากการควบคุมด้วย 2 เท้าของเขา ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปส่อง 5 นักเตะแดนกลางสายคุมเกมที่มีลีลาเหลือร้าย พร้อมส่งผลดีต่อเพื่อนร่วมทีม จะมีใครกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

โทนี่ โครส (เรอัล มาดริด)

อดีตดาวรุ่งที่เปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรรค์สมัยค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนที่จะค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จนก้าวขึ้นมาแข้งตัวเลือกแรกๆ ของทีม จากนั้นก็พร้อมโบยบินออกไปหาประสบการณ์ และเป็น เรอัล มาดริด ที่สอยกองกลางชั้นเชิงสูงรายนี้ไปครองเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2014 จุดเด่นของ โครส อยู่ที่การวางบอลอันแม่นยำราวจับวาง ได้ง้างเท้าเมื่อไหร่เพื่อนอุ่นใจได้เลยว่าบอลจะเดินทางมาอยู่ตรงหน้าแบบพอดีเป๊ะแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรมากพร้อมเล่นในจังหวะต่อไปได้เลย รวมไปถึงการคุมเกมแดนกลางที่บอลของทีมจะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับชายผู้นี้ในการรังสรรค์ออกมา และด้วยผลงานอันเอกอุไม่แปลกที่เขาจะยืนระยะกับทัพ "ราชันชุดขาว" มาได้อย่างยาวนาน รวมไปถึงในทีมชาติเยอรมันเขาก็คือแข้งตัวหลักที่ทำเกมให้ทีมมานานร่วม 10 ปี และคือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการพาทัพ "อินทรีเหล็ก" เถลิงบัลลังก์แชมป์โลกเมื่อปี 2014 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ส่วนปัจจุบัน โครส ในวัย 31 เขายังคงลงเล่นในระดับสูงต่อไป และตัวเลขของอายุก็ไม่ได้ลดทอนความสามารถของเขาลงไปเลยสักนิด ทำให้กลายเป็นว่ายิ่งนานวันยิ่งเป็นการบ่มเพาะให้เขาแข็งแกร่งมากวิชากว่าเดิม

ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

พอเอ่ยชื่อของ ป็อกบา ออกมาอาจมีบางคนไม่เห็นด้วยเพราะผลงานของเขาในช่วงที่ผ่านมาสวิงเป็นรถไฟเหาะหามาตรฐานที่แน่นอนไม่ได้ 2 นัดเล่นดี 3 นัดหายหน้า ซึ่งประเด็นตรงนี้ไม่อาจเถียงได้ แต่ทว่าสิ่งที่อยากจะนำเสนอคือเรื่องของฝีเท้าของแข้งรายนี้แบบเพียวๆ ที่ต้องยอมรับว่าเขาคือกองกลางคนหนึ่งที่มีฝีเท้าไม่เป็นสองรองใคร แม้ผลงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะลุ่มๆ ดอนๆ หาความสม่ำเสมอได้ยาก แต่ถ้าเราลองมองไปที่ภาพรวมเอาแค่ในฤดูกาลนี้ ป็อกบา คือหมากสำคัญของทัพ "ปีศาจแดง" อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการผลิตประตูที่เจ้าตัวแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงไปแล้วถึง 7 ครั้ง นี่ยังไม่รวมจังหวะที่เพื่อนยิงพลาดง่ายๆ อีกหลายครั้ง รวมไปถึงจังหวะบอลที่เริ่มต้นจากเขา พร้อมจบลงที่การทำประตู หรือย้อนกลับไปมอง ป็อกบา ในนามทีมชาติฝรั่งเศสเขาไม่ต่างอะไรกับห้องเครื่องตัวกลั่นที่คอยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า พร้อมแจกจ่ายบอลให้กับแผนกเกมรุกบุกเข้าไปทำประตู และอีกอย่างที่เป็นทีเด็ดของกองกลางตัวตัดผมรายนี้คือการจ่ายทะลุที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งที่ร่ายมาทั้งหมดมันคงจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าฝีเท้าของ ป็อกบา นั้นรั้งอยู่ในระดับเกรด A แต่เพียงแค่ว่าเขาต้องมีคู่ขาที่รู้ใจ เพื่อนร่วมทีมที่เข้าใจสไตล์การเล่นของเขา ซึ่งถ้าพอจูนกันติดประตูก็จะหลั่งไหลมาจากการจ่ายของเขาเหมือนกับที่เราเห็นในช่วงนี้อย่างคู่หู บรูโน่ & ป็อก นั้นเอง

เฟรงกี้ เดอ ยอง (บาร์เซโลน่า)

กองกลางวัย 24 ปี ที่เป็นผลผลิตจากศูนย์ฝึกลูกหนังของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นจนกลายเป็นแข้งเนื้อหอมเป็นที่ต้องการของทีมใหญ่ทั่วยุโรป ก่อนจะเป็น บาร์เซโลน่า ที่ปิดดีลเด็กหนุ่มคนนี้มาครอง เพื่อหวังจะนำเข้ามาเป็นตัวแทนของรุ่นพี่อย่าง ขาบี เอร์นานเดซ หรือ อันเดรส อิเนียสต้า ซึ่งจะว่าไปนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวย้ายมาร่วมทัพ "อาซูลกราน่า" เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2019 วันเวลาผ่านไปเจ้าตัวก็เริ่มทำตัวกลมกลืนกับทีมมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสไตล์การของ เดอ ยอง เองที่มีเคมีความเข้ากับ บาร์ซ่า ทำให้การปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ได้ยากเย็นมากนัก จุดเด่นของแข้งรายนี้อยู่ที่ความครบเครื่องที่กองกลางคนหนึ่งพึ่งจะมี เขาสามารถลงเล่นในตำแหน่งที่คอยตัดเกมปัดกวาดแนวรุกของคู่แข่งได้ และสามารถเป็นคนคอยแจกจ่ายบอลเพื่อคอยสร้างสรรค์เกมรุกได้ด้วยเช่นกัน กลายเป็นมิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ที่มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง อีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือการวางบอลยาวที่แม่นยำ ซึ่งมันเลยกลายเป็นช้อยส์ทางเลือกที่ บาร์ซ่า ได้เพิ่มมิติเกมรุกเข้ามา และตอบโจทย์กับทีมเป็นอย่างมาก อีกทั้งการครองบอลที่เหนียวแน่นแม้รูปร่างอาจไม่ได้แข็งแกร่งบึกบึนอะไร แต่เมื่อบอลอยู่ในการครอบครองก็ยากหน่อยที่ใครจะมาแย่งไปได้

โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิค)

แจ้งเกิดในฐานะแบ็คขวาจอมบุกที่พร้อมทะลวงแนวรับคู่แข่งเข้าไปทำประตูจนถูกยกย่องว่าเป็นฟูลแบ็คเบอร์ต้นๆ ของโลกลูกหนัง จากสถิติการเปิดบอลที่เข้าเป้ามากมาย รวมไปถึงผลิตสกอร์เองก็ทำได้ไม่น้อยหน้าใคร แต่อย่างไรก็ตามการที่เขาถูกปรับมาเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ตัวตัดเกมดูเหมือนมันจะเป็นการรีดศักยภาพของเขาให้สูงมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นจิ๊กซอว์เด็ดที่ติดทองเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงที่ผ่านมา เพราะด้วยตำแหน่งของเจ้าตัวหน้าที่หลักคือการตัดเกมรุกของคู่แข่ง แต่นอกจากหน้าที่หลักแล้ว การเชื่อมบอลไปแดนหน้าก็ทำได้ยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติเช่นกัน ซึ่งด้วยความที่เขาเคยเป็นฟูลแบ็คที่ทำประตูได้ดีมาก่อน ไม่แปลกที่ถึงแม้จะอยู่ขยับเข้ามาเล่นตรงกลางสถิติการทำประตู หรือแอสซิสต์จะยังคงสวยงามดังเดิม อย่างเมื่อฤดูกาลก่อน คิมมิช กดไป 14 แอสซิสต์ พ่วงด้วย 6 ประตู จากการลงสนามในทุกรายการ 39 นัด  ส่วนซีซั่นนี้ที่ออกสตาร์ทไปแล้ว 9 เกม เจ้าตัวก็ทำไปได้แล้วถึง 3 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ ด้วยเทคนิคส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม บวกกับการครองบอลที่เหนียวแน่นใช้ความคล่องแคล่วของร่างกายได้เป็นประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นจอมทัพคอยขับเคลื่อนเกมให้ทีมไม่แปลกที่ทัพ "เสือใต้" จะมีเกมแดนกลางที่แข็งแกร่งอย่างในตอนนี้  ฉะนั้นแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าจะยกย่องให้ คิมมิช เป็นหนึ่งในกองกลางที่ครบเครื่องคนหนึ่งของวงการ แม้จะไม่หวือหวา แต่คงไว้ซึ่งคุณภาพ มีไว้ในทีมยังไงเพื่อนๆ ก็ได้เล่นบอลที่ง่ายขึ้น ไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเกมรับเพราะมีเขาคนนี้คอยรับบทบาทตัดเกมไว้ให้หมดแล้ว

จอร์จินโญ่ (เชลซี)

เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ ยูฟ่า คนล่าสุด พร้อมกับผลงานที่สุดแสนสะเด่าทั้งในสีเสื้อของ เชลซี ที่เขาคือคนสำคัญในการพาเถลิงบัลลังก์ แชมเปี้ยส์ลีก รวมไปถึงในศึกยูโร 2020 ก็คือฟันเฟืองสำคัญของทัพทีมชาติอิตาลีในการสอยแชมป์มาครองได้สำเร็จ ซึ่งเราจะเห็นว่าชีวิตของ จอร์จินโญ่ ถือว่าพลิกผันเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาที่ช่วงเริ่มต้นเขากลายเป็นส่วนเกินในแดนกลางของทัพ "สิงห์บลูส์" ในยุค แลมพาร์ด แต่ทว่าพอมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งกุนซือมาเป็น โธมัส ทูเคิ่ล ชีวิตของ จอร์จินโญ่ ก็กลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ พร้อมโชว์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ต้องยอมรับว่าสไตล์ฟุตบอลของเขาอาจไม่ได้โดดเด่น หรือหวือหวาจนแสงสปอร์ตไลท์ต้องสาดส่อง แต่ทว่าการทำงานของเขาในสนามกลับเปี่ยมไปด้วยคุณภาพไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอล ที่เขาเป็นตัวคุมจังหวะที่รู้ว่าตอนไหนควรเร่ง ตอนนั้นควรผ่อน รวมไปถึงการมีส่วนร่วมกับเกม การเคลื่อนที่ของเขาช่วยแดนกลางของทีมได้มาก และเป็นการเปิดช่องให้แนวรุกเพิ่มโอกาสในการผลิตสกอร์ไปในตัว และการที่เขาได้ทำงานกับ ทูเคิ่ล มันจึงเป็นการรีดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่มากขึ้น นายใหญ่คนนี้รู้ดีว่าลูกทีมมีประโยชน์มากที่สุดตรงไหน และควรจะใช้กับเกมในรูปแบบใด  ส่วน จอร์จินโญ่ ก็มีหน้าที่ตอบสนองกับแผนงานของกุนซือมันเลยกลายเป็นความลงตัวที่ทำให้นักเตะยกระดับตัวเอง และสโมสรก็ได้ประโยชน์จากจุดนี้ไปแบบเต็มๆ

- Paolinho -