logo-heading

ขึ้นชื่อว่าเป็น ดาเนียล อัลเวส หนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จคว้าโทรฟี่แชมป์มาครองได้มากที่สุดตลอดกาล ทุกๆ การขยับโยกย้ายของเขาในวงการลูกหนังมักได้รับความสนใจอยู่เสมอ

ภายหลังโกยความแชมป์กับ บาร์เซโลน่า อย่างมากมาย ชีวิตหลังจากนั้นของเข้าตัวก็ย้ายไปปักหลักอยู่กับหลายสโมสร ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าในช่วงบั้นปลายชีวิตนักฟุตบอลของเขาจะหวนกลับมาสวมเสื้อของทัพ "อาซูลกราน่า" อีกครั้ง แน่นอนกับสถานที่แห่งนี้เขาเหมือนเป็นอีกหนึ่งตำนานของสโมสร เพราะด้วยโทรฟี่แชมป์ และผลงานต่างๆ ที่เขาได้รังสรรค์ไว้นั้นมันยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก และการคัมแบ็คคราวนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการมาช่วยให้ทีมรักให้พ้นจากวิกฤตโดยเฉพาะเรื่องของผลงานในสนาม บวกกับจะได้ร่วมงานกับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ ด้วย ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปไล่เรียงดูชีวิตของ อัลเวส กันหน่อยว่าจากวันนั้นที่โบกมือลา บาร์ซ่า ไป จนถึงวันนี้ที่ได้กลับมายังบ้านหลังเดิม เส้นทางของเขาเป็นอย่างไรบ้าง

ชีวิตในถิ่นคัมป์ นู

ดาเนียล อัลเวส ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการเป็นฟูลแบ็คจอมบุก ที่พร้อมทะลวงเกมรับของคู่แข่งให้ขาดวิ่น เพราะตอนเป็นนักเตะของ เซบีย่า ก็เล่นในสไตล์นี้พร้อมกวาดแชมป์มาแล้วหลายรายการ โดยเจ้าตัวย้ายมาเป็นสมาชิกของ บาร์เซโลน่า เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2008 ด้วยค่าตัวราว 35 ล้านยูโร ก่อนที่หลังจากนั้นทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยการมีความสำเร็จเป็นตัวหล่อเลี้ยงในทุกๆ ขวบปี ในเรื่องของผลงานเราคงไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ อัลเวส ถือว่าเป็นนักเตะตัวหลักของทีมในทุกฤดูกาลกับสโมสรรวมแล้วก็ 8 ซีซั่นพอดิบพอดี ส่วนฤดูกาลที่พีคสุดคงหนีไม่พ้นซีซั่น 2014-15 ที่จัดการสอยทริปเปิ้ลแชมป์ทั้ง ลาลีกา สเปน, โกปา เดล เรย์ และ แชมเปี้ยนส์ลีก รวมไปถึงแชมป์บอลถ้วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สโมสรโลก หรือ ซูเปอร์คัพ รวมแล้ว 8 ปีในการใช้ชีวิตในถิ่นคัมป์ นู ของเขาลงสนามช่วยทีมไปทั้งหมด 391 นัด ซัด 31 ประตู พ่วงด้วย 101 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ค ส่วนเรื่องของความสำเร็จนับนิ้วดูแล้วก็สอยไปครองได้มากถึง 23 รายการ ก่อนที่ตัวเขาจะหมดสัญญากับทีมไปในช่วงปี 2016 และกลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์สามารถย้ายทีมได้แบบฟรีๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ : ดาเนียล อัลเวส  กับการรีเทิร์นกลับสู่ คัมป์ นู อีกครั้ง

ย้ายร่วมทัพ ยูเวนตุส

ภายหลังอยู่โกยความสำเร็จในสเปนชนิดที่เรียกได้ว่าได้ทุกแชมป์สำคัญๆ ในแดนกระทิงมาจนครบแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องโยกย้าย ซึ่งสถานีถัดไปของ อัลเวส คือการจรดปากกาย้ายร่วมทัพ ยูเวนตุส อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แน่นอนการย้ายมาในครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือการคว้าแชมป์สะสมความสำเร็จในโปรไฟล์ของตัวเอง ซึ่งก็ต้องเรียนกันตามตรงว่าทัพ "ม้าลาย" ในตอนนั้นคือมหาอํานาจของลูกหนังอิตาลี ก่อนที่ อัลเวส จะย้ายมาพวกเขาก็สอยแชมป์ลีกมาครองได้แล้ว 5 สมัยติดต่อกัน ฉะนั้นมีหรือที่พวกเขาจะพลาด ว่าแล้ว อัลเวส ก็เก็บความสำเร็จของศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เข้ากระเป๋าได้อีกหนึ่งรายการ  นอกจากนั้นยังช่วยทีมคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย มาครองได้อีกหนึ่งรายการ ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศต้องโคจรมาพบกับ ลาซิโอ ก่อนที่จะเป็น ยูเวนตุส เอาชนะไปได้ 2-0 ซึ่ง 1 ในนั้นมาจากการทำประตูของ อัลเวส ด้วย ส่วนอีกรายการสำคัญอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นขวบปีที่น่าเสียดายสำหรับพวกเขาเพราะสามารถกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ทว่าก็ต้องฝันสลายพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด ไปมากถึง 4-1 ทำให้ อัลเวส และทีมอดทำทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาลดังกล่าว ส่วนหลังจบฤดูกาล อัลเวส ก็ได้แยกทางกับ ยูเวนตุส แม้จะเพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น โดยทิ้งสถิติการลงสนามไว้ที่ 33 นัด ยิง 6 ประตู พร้อมกับอีก 7 แอสซิสต์ ก่อนโบกมือลาไปหาความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิตลูกหนัง

โกยความสำเร็จที่ เปแอสเช

หลังจากไขว่คว้าโทรฟี่แชมป์มาแล้วทั้งในสเปน และ อิตาลี ก็ถึงคราวฝรั่งเศสที่ตัวของ อัลเวส อยากจะย้ายไปเติมเต็ม และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ว่าแล้วเจ้าตัวก็เลือกย้ายไปร่วมทัพ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แบบไร้ค่าตัว พร้อมเซ็นสัญญาด้วยกัน 2 ปี ซึ่งชีวิตของ อัลเวส ที่กรุงปารีสก็ถือว่าดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ได้ลงเล่นแบบสม่ำเสมอ พร้อมเดินหน้าโกยความสำเร็จตลอดระยะเวลา 2 ปี โดยเจ้าตัวคว้าแชมป์ร่วมกับ เปแอสเช ได้มากถึง 6 โทรฟี่ เรียกได้ว่ารายการสำคัญๆ ในแดนน้ำหอม อัลเวส จัดการสอบมาครอบครองได้หมดแล้ว ถ้าจะมีข้อผิดพลาดคือไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่อย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก ได้นั้นเอง โดยซีซั่นแรกกับ เปแอสเช ทีมต้องอกหักตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการพ่าย เรอัล มาดริด แบบไป-กลับ สกอร์รวมอยู่ที่ 5-2 ส่วนฤดูกาลถัดมาถือว่าน่าผิดหวังเพราะร่วงตกรอบเดิมแบบเจ็บปวดด้วยการตกรอบด้วยน้ำมือของ แมนฯ ยูไนเต็ด  ด้วยกฏอเวย์โกล 3-3  จนกระทั่ง อัลเวส หมดสัญญากับทีมก็โบกมือลา เปแอสเช พร้อมความคิดที่ว่าจะกลับไปปิดฉากอาชีพลูกหนังในประเทศบ้านเกิด  เพราะด้วยอายุที่มากขึ้นเรื่อยๆ มันคงจะดีถ้าได้ใช้ชีวิตในดินแดนที่ตัวเองเติบโตขึ้นมา จากวันนั้นถึงวันนี้ : ดาเนียล อัลเวส  กับการรีเทิร์นกลับสู่ คัมป์ นู อีกครั้ง

ย้ายร่วมทัพ เซา เปาโล

ภายหลังกลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์หาต้นสังกัดอยู่นานสุดท้าย อัลเวส ก็ไปลงเอยกับ เซา เปาโล ทีมชื่อดังของประเทศบ้านเกิดจนได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้เจ้าตัวจะอายุแตะหลัก 30 ปลายๆ แล้ว แต่ทว่าก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญให้กับสโมสรพร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกด้วย ซึ่งการย้ายกลับมาบราซิลคราวนี้ อัลเวส ก็ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะก็สามารถซิวแชมป์มาครองได้ 1 สมัย นั้นก็คือโทรฟี่คัมปิโอนาโต เปาลิสต้า  ทั้งนี้ อัลเวส ค้าแข้งอยู่กับ เซา เปาโล ได้อยู่ราวๆ 2 ปีเศษ ก็มีเรื่องราวทำให้ต้องแยกทางกัน เพราะต้นสังกัดได้ค้างเงินค่าเหนื่อยของตัวเขา ทำให้ตัวนักเตะหลังจบภารกิจในศึกฟุตบอลโอลิมปิก ที่พาทีมชาติบราซิล คว้าเหรียญทอง เจ้าตัวก็ปฏิเสธที่จะกลับไปสโมสร และจะกลับก็ต่อเมื่อเคลียร์เงินจำนวน 1.37 ล้านปอนด์ให้เรียบร้อยก่อนเท่านั้น รวมแล้วผลงานของ อัลเวส กับ เซา เปาโล ถือว่าเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมมากพอสมควร ภายหลังลงสนามในทุกรายการไปทั้งหมด 65 นัด ซัดไป 9 ประตู พ่วงด้วย 14 แอสซิสต์ แต่ที่น่าเสียดายคือฉากจบที่ไม่สวยค่อยงามมากเท่าไหร่นักเท่านั้นเอง

รีเทิร์นถิ่น คัมป์ นู

"ตำนานกลับถิ่น" คำนี้คงไม่ได้มากเกินไปสำหรับ ดาเนียล อัลเวส กับการรีเทิร์นกลับไปเป็นผู้เล่นของ บาร์เซโลน่า อีกครั้งในวัย 38 ปี ภายหลังกลายเป็นแข้งไร้สังกัด สามารถย้ายทีมได้แบบฟรีๆ บวกกับช่วงนี้ผลงานของทัพ "อาซูลกราน่า" ไม่สวยงามนัก เขาก็คิดที่อยากจะกลับมาช่วยประคองทีมนี้อีกครั้ง ซึ่งอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญเลยก็คือการแต่งตั้ง ชาบี เอร์นานเดซ เป็นกุนซือ มันยิ่งเหมือนเป็นการจุดไฟในการเล่นของ อัลเวส ที่อยากจะกลับมาวาดลวดลายอีกครั้ง แม้เพื่อนร่วมทีมคนนั้นสถานะจะเปลี่ยนแปลงเป็นเจ้านายแล้วก็ตาม โดย อัลเวส จะสามารถลงทะเบียน และลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า ได้ในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า คราวนี้แฟนบอลก็ต้องมาคอยติดตามกันว่าชายผู้นี้ในวันที่หวนกลับมายังบ้านหลังเก่าอีกครั้งจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน และจะช่วยทำให้สโมสรแห่งนี้กลับขึ้นไปยืนในจุดที่ควรจะเป็นได้อีกครั้งหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ทีมจะได้คนที่เข้ามาเป็นเหมือนผู้นำในห้องแต่งตัว เป็นพี่ใหญ่ที่คอยกระตุ้น และให้คำปรึกษาน้องๆ และที่สำคัญแพชชั่นของความกระหายที่เขาจะส่งต่อให้กับทุกคนในทีมให้กลับมาเล่นฟุตบอลได้อย่างดุดันอีกครั้งหนึ่ง

- Paolinho - 

logoline