logo-heading

เรียกได้ว่าน่าเสียดายสำหรับโอกาสในการพลาดคว้าเหรียญทองสมัยที่ 17 สำหรับทัพฟุตบอลชายทีมชาติไทย เมื่อพลาดท่าแพ้ต่อเวียดนามเจ้าภาพไปด้วยสกอร์ 1-0 จบลงด้วยการได้เหรียญเงินไปครอง

 

เช่นเคยวันนี้ทีมงานขอบสนามบอลไทยได้นำบทสรุปทั้งหมดว่าเกิดเหตุการณ์ใดบ้างที่น่าสนใจและได้เห็นอะไรจากเกมนี้มาดูกันได้เลย

 

กลับมาใช้แพตริก ยืนหน้าเป้าแทน กรวิชญ์

เกมนี้ทาง มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ได้ปรับทัพเพื่อรับมือพลพรรค “ดาวทอง” ด้วยการตัดสินใจกลับมาใช้ แพตริก กุสตาฟส์สัน ศูนย์หน้าลูกครึ่งสวีดิช-ไทย ยืนค้ำหอกอีกครั้ง ซึ่งเกมก่อนหน้านี้ที่เฉือนเอาชนะอินโดนีเซียในรอบรองชนะเลิศเลือกใช้ กรวิชญ์ ทะสา แต่อย่างไรก็ตามในเกมนี้เจ้าตัวก็ไม่สามารถแสดงพิษสงใด ๆ ในความอันตรายออกมาได้เลย

 

เวียดนามมีโอกาสที่มากกว่า

รูปเกมเปิดมาถือว่าสู้แลกกันได้สนุก โดยเฉพาะทางฝั่งเวียดนามที่เริ่มต้นได้ดีเปิดเกมบุกวิ่งสู้ฟัดตามแบบฉบับของพวกเขาชนิดที่ไม่มีหมด มีแนวทางการเข้าทำที่ชัดเจนคอยสร้างสรรค์จังหวะได้หลายครั้งทั้งเกมสวนกลับและลูกทั้งเตะที่อันตราย จึงไม่แปลกใจที่เกมรุกยังเป็นจุดขายสำหรับพวกเขา

 

ไอเดียเกมรุกของไทยมีน้อย

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทัพ “ช้างศึก” ยังมีปัญหาเหมือนกับเกมที่ผ่านมาคือเกมรุกที่ยังคงขาด ๆ เกิน ๆ ไม่เด็ดขาดเฉียบคม โดย เบนจามิน เดวิส จัดว่าเป็นคนเดียวที่เด่นที่สุดในการขับเคลื่อนเกมรุก ส่วนคนอื่น ๆ อย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา และ วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ในเกมนี้

 

ทีเด็ดท้ายเกมของเจ้าภาพ

ตลอดทั้งเกมต่างฝ่ายต่างมีจังหวะเข้าทำจนกระทั่งนาทีที่ 83 ทางฝั่งเวียดนามมาได้ประตูขึ้นนำจากทีเด็ดจากขึ้นโหม่งคนเดียวเข้าไปจาก หมั่ญ สุง เหญิม แนวรุกของทีม และเป็นประตูชัยที่ทำให้พวกเขาประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ในทัวน์นาเมนต์นี้ได้สำเร็จ

 

ผู้ตัดสินทำหน้าที่ได้ดี

ก่อนเกมนี้จะเริ่มต้นขึ้นแฟน ๆ หลายคนอาจหวั่นใจถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินว่าจะราบรื่นหรือไม่ จากมุมมองที่ได้เห็นถือว่าทำหน้าที่ได้ดี สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างหมดจด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนัดชิงชนะเลิศที่รูปเกมดูไหลลื่นกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline