หลุยส์ เอ็นริเก้
"อย่างที่คุณเห็นมันไม่ใช่คืนที่ดีเลยสำหรับเรา พวกเขาสร้างโอกาสได้รวดเร็วและไหลลื่น พวกเขาแข็งแกร่งมาก เราออกสตาร์ทได้ไม่ดีตั้งแต่ต้น และเกิดความผิดพลาดส่วนยุคคลอยู่หลายครั้งหลายครา พวกเขาไล่กดดันเรา และทำประตูได้ ซึ่งประตูแรกเป็นสิ่งที่ทำลายเราอย่างสิ้นเชิง ฟอร์มในครึ่งแรกของเรามันแย่มากๆ ในครึ่งหลังค่อนข้างดีขึ้นมา อย่างไรก็ตามผมคิดว่าพวกเขาสมควรชนะในเกมนี้ ในช่วงพักครึ่งเรามีการเปลี่ยนแปลง เราทำได้ดีขึ้น พวกเขาลงไปตั้งรับลึกมากขึ้น เรามีโอกาสทองที่จะทำประตูได้หลายหน แต่ประตูที่เราทำได้มาช้าเกินไป เรายังเหลือเกมในศึก เนชั่นส์ลีก อีก นั่นเป็นข่าวดีของเรา และเราคงต้องมาวิเคราะห์รูปเกมกัน ผมเป็นกุนซือที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย ดังนั้นผมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์" "มันเป็นงานหนักของพวกเราในการออกสตาร์ทเกมนี้ เราทำได้ไม่ไหลลื่นพอในการเผชิญหน้ากับทีมอย่างอังกฤษเมื่อคืนนี้ ซึ่งในกลุ่มของเราเต็มไปด้วยทีมที่ยากต่อกร และพวกเขาก็เริ่มต้นมันด้วยผลงานที่ดี พวกเขาเล่นเกมรับอย่างอดทนและมีวินัย และโจมตีสวนกลับได้ยอดเยี่ยมด้วยศักยภาพของ สเตอร์ลิ่ง, แรชฟอร์ด และ แฮร์รี่ เคน พวกเขาเป็นนักเตะระดับเวิล์ดคลาส เราต้องกดดันบีบใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในครึ่งแรกต้องปรบมือให้พวกเขาพวกเขาสร้างสรรค์โอกาส 3 ครั้ง และจบด้วยการทำประตูได้ 3 ประตู มันยากจะอธิบายจริง ๆ สำหรับกลุ่มของเราหนักหน่วงพอดู เราต้องเล่นอย่างรัดกลุ่มกว่านี้และเล่นให้ได้ตามมาตรฐานที่เรามี" "มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะได้ ในสนามผู้เล่นมีเวลาตัดสินใจเพียงเสี้ยววิ แม้ว่าเราจะตามหลังถึง 3 ลูกในครึ่งแรก แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่จำเป็นต้องเตะก้นลูกทีม ด่าแบบร้ายแรง หรือทำการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพียงเพื่อที่จะทำให้ทีมเล่นกันได้ดีขึ้น ผมก็แค่ต้องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเดิม ปรับแท็คติกนิดหน่อย และให้พวกเขาเล่นกันแบบกระตือรือร้น ซึ่งเราก็ได้เห็นถึงเรื่องนั้นผ่านทางฟอร์มในครึ่งหลังแล้ว"สิ่งที่ เอ็นริเก้ พูดกับลูกทีมช่วงพักครึ่ง
"ผมคิดว่าลูกทีมของผมต้องแสดงให้เห็นสปิริต อย่างที่บอก ผมไม่จำเป็นเลยต้องโมโหใส่พวกเขา ไม่ปรับเปลี่ยนอะไรแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เราต้องแข็งแกร่งขึ้น ปรับแท็คติคเล็กน้อย คิดในแง่บวก และเราก็ทำให้เห็นในครึ่งหลัง มันน่าเสียดายที่เราไม่สามารถทำลูกที่ 2 ให้เร็วกว่านี้ได้ เพราะถ้าเราทำอย่างนั้นได้ แฟนบอลของเราก็คงคึกคักกันมากๆ จนถึงขนาดอยากทำลูกที่สามด้วยตัวพวกเขาเองเลยเลยแหละ" ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม 
