วันพฤหัสบดีที่ 16 พ.ย.นี้ แล้ว ที่ทัพช้างศึก ทีมชาติไทย จะลงประเดิมสนามนัดแรกในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง พบกับทีมชาติจีน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.30 น.
นี่เป็นการกลับมาลงเตะฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกอีกครั้งของทีมชาติไทย หลังจากที่เมื่อ 4 ปีก่อน เราตกรอบสอง ภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ ซึ่งจริงๆ แล้วบอลโลก ครั้งก่อนเราเริ่มต้นรอบคัดเลือกได้อย่างยอดเยี่ยม แต่มาเจอโควิด ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่หวัง
ในปีนี้เรามีโอกาสอีกครั้งที่จะได้แก้ตัวหลังจากอกหักมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เรามีโอกาสเข้าใกล้กับฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมากที่สุดก็คือรอบ 10 ทีม และรอบ 12 ทีมสุดท้ายของรอบคัดเลือก ซึ่งมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น วันนี้เราจะมาย้อนความทรงจำนั้น รวมทั้งพูดถึงโอกาสในรอบคัดเลือกหนนี้ว่าท่มช้างศึก จะไปได้ไกลแค่ไหน
ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ทีมชาติไทย เคยไปได้ไกลที่สุดคือรอบ 10 ทีมสุดท้าย และรอบ 12 ทีมสุดท้าย เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น นอกนั้นก็จะตกรอบแรกบ้าง หรือบางทีก็ตกรอบสองบ้าง
ครั้งแรกที่เราไปถึงรอบ 10 ทีมสุดท้าย เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก ปี 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ซึ่งถือเป็นฟุตบอลโลก ครั้งแรกในทวีเอเชียด้วย
ในตอนนนั้นทีมชาติไทย คุมทัพโดย “ปีเตอร์ วิธ” กุนซือชาวอังกฤษ ที่ถือเป็นโค้ชทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนนึง
โดยในฟุตบอลโลกหนนั้นจากการที่ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วมกันซึ่งได้ไปเล่นรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ทำให้โควต้าของทวีเอเชียเหลือแค่ 2 ทีมครึ่ง และการแข่งขันในรอบคัดเลือกมีอยู่ 2 รอบด้วยกัน
รอบแรก มี 40 ทีม แบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม แข่งขันแบบพบกันหมด เอาแชมป์กลุ่มเข้ารอบ โดยทีมชาติไทยอยู่กลุ่มที่ 5 ซึ่งประกอบไปด้วย ไทย, เลบานอน, ศรีลังกา และ ปากีสถาน ผลงานของไทยในรอบแรก ลงเตะ 6 นัด ชนะ 5 เสมอ 1 ยิงได้ 20 ประตู เสีย 5 ประตู ได้ 16 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่มเข้ารอบ
ผลงาน นัดแรก ไทย 4-2 ศรีลังกา, นัด 2 ไทย 3-0 ปากีสถาน, นัด 3 เลบานอน 1-2 ไทย, นัด 4 ศรีลังกา 0-3 ไทย, นัด 5 ปากีสถาน 0-6 ไทย, นัด 6 ไทย 2-2 เลบานอน
ในรอบคัดเลือกรอบที่ 2 มี 10 ทีม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม เอาแชมป์กุล่มไปเตะบอลโลก รอบสุดท้าย ส่วนอันดับ 2 มาเพลย์ออฟกัน เพื่อหาทีมไปเพลย์ออฟกับทวีปอื่น ไทยอยู่สาย A มี ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน บาห์เรน อิรัก และ ไทย ผลงานของไทย เสมอ 4 แพ้ 4 ไม่ชนะใคร ยิงได้ 5 เสีย 15 เก็บได้ 4 คะแนน จบบ๊วยของกลุ่ม ไม่ได้ไปบอลโลก ซึ่งหลังจบรอบคัดเลือกหนนั้นก็ไม่มีใครบอกว่าอายหรืออะไรนะครับในตอนนั้น
ผลงาน นัดแรก อิรัก 4-0 ไทย, นัด 2 ไทย 0-0 อิหร่าน, นัด 3 บาห์เรน 1-1 ไทย, นัด 4 ไทย 1-3 ซาอุ, นัด 5 ไทย 1-1 อิรัก, นัด 6 อิหร่าน 1-0 ไทย
มาถึงครั้งที่ 2 ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เป็นเจ้าภาพ ในครั้งนั้นทีมชาติไทยคุมทัพโดย “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
ในครั้งนี้ มีรอบคัดเลือก 3 รอบ ไทย ได้เริ่มแข่งตั้งแต่รอบ 2 เป็นต้นไป
ในรอบคัดเลือก รอบที่ 2 ไทย อยู่กลุ่ม F ร่วมกับ อิรัก, เวียดนาม และ ไต้หวัน โดยผลงานของทีมชาติไทยในรอบนี้แข่งไป 6 นัด ชนะ 4 เสมอ 2 ยิงได้ 14 เสีย 6 เก็บได้ 14 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบ 3
ผลงาน นัดแรก ไทย 1-0 เวียดนาม, นัด 2 ไต้หวัน 0-2 ไทย, นัด 3 ไทย 2-2 อิรัก, นัด 4 เวียดนาม 0-3 ไทย, นัด 5 ไทย 4-2 ไต้หวัน, นัด 6 อิรัก 2-2 ไทย
ในรอบคัดเลือก รอบที่ 3 มีทั้งหมด 12 ทีม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม โดยเอาอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม เข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ส่วนอันดับ 3 ไปเพลย์ออฟ ไทยอยู่ในกลุ่ม B ร่วมกับ ญี่ปุ่น, ซาอุดิอาระเบีย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิรัก ในรอบนี้ไทย เสมอ 2 แพ้ 8 ไม่ชนะใคร ยิงได้ 6 เสีย 24 เก็บได้ 2 คะแนน จบบ๊วยของสาย
โดยในรอบนี้ “โค้ชซิโก้” คุมทีม 7 นัดแรก ส่วน 3 นัดหลังเป็น “มิโลวาน ราเยวัช”
ผลงาน นัดแรก ซาอุ 1-0 ไทย, นัด 2 ไทย 0-2 ญี่ปุ่น, นัด 3 ยูเออี 3-1 ไทย, นัด 4 อิรัก 4-0 ไทย, นัด 5 ไทย 2-2 ออสเตรเลีย, นัด 6 ไทย 0-3 ซาอุ, นัด 7 ญี่ปุ่น 4-0 ไทย (โค้ชซิโก้ลาออก หลังบิ๊กอ๊อดบอกว่า ใครไม่อาย ผมอาย), นัด 8 ราเยวัช เข้ามาคุมต่อ ไทย 1-1 ยูเออี, นัด 9 ไทย 1-2 อิรัก, นัด 10 ออสเตรเลีย 2-1 ไทย
และวลีที่บอกว่า “ใครไม่อาย ผมอาย” ก็เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบสามนี่แหละ ในเกมที่ไทยบุกไปแพ้ ญี่ปุ่น 4-0 ซึ่งเป็นเกมที่ 7 ในรอบคัดเลือก และเป็นเกมสุดท้ายของ “โค้ชซิโก้” ในฐานะกุนซือทีมชาติไทย หลังจากนั้นก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบผลงานที่ไม่สามารถพาทีมชาติไทย ไปบอลโลก ได้สำเร็จ
นี่เป็น 2 ครั้ง ที่ทีมชาติไทยเข้าใกล้กับคำว่าฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมากที่สุดแล้ว ก็ต้องมารอกันว่าในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก หนนี้ ที่มีหลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งทีมเข้ารอบสุดท้ายเพิ่มจาก 32 ทีมเป็น 48 ทีม ทวีปเอเชียจาก 4 ทีมครึ่ง เพิ่มเป็น 8 ทีมครึ่ง ทีมชาติไทย จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งโจทย์แรกก็คือเราจะต้องผ่านเข้าสู่รอบ 3 ให้ได้ ตอนนี้เราอยู่ในรอบที่ 2 ซึ่งอยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ เกาหลีใต้, จีน และ สิงคโปร์ โดยในรอบนี้มีทั้งหมด 9 กลุ่ม จะเอาอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มทั้งหมด 18 ทีม ผ่านเข้าไปเตะกันต่อในรอบ 3 ซึ่งรอบที่ 3 นี้ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม เตะแบบพบกันหมด แล้วเอาอันดับ 1-2 ไปฟุตบอลโลก 6 ทีม
ขณะที่อันดับ 3-4 ของทั้งสามกุล่ม ทั้งหมด 6 ทีม ไปแบ่งเป็น 2 สาย เตะพบกันหมดแล้วเอาแชมป์กลุ่ม 2 ทีมไปบอลโลก รอบสุดท้าย รวมเป็น 8 ทีม ขณะที่อันดับ 2 ก็ไปเพลย์ออฟกะนเพื่อหาอีกหนึ่งตัวแทนไปเพลย์ออฟกับทวีอื่นๆ เพื่อตั่วใบสุดท้ายอีกครั้ง
ดูจากระบบการแข่งขันและโควต้าที่เพิ่มขึ้น จะบอกว่าง่ายก็เดิมก็ได้ แต่มันก็ยังดูยากดูดีสำหรับทีมชาติไทย กับการจะไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายจริงๆ ดังนั้นอย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก ทำให้ดีในแต่ละเกม และลุ้นกันไปทีละนัด ทีละรอบ เริ่มต้นที่เกมพบจีน วันพฤหัสบดีนี้ ไปร่วมเชียร์ทีมชาติไทยคว้าสามแต้มแรกให้ได้ เพื่อโอการกับการเข้าใกล้กับฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ไปอีกก้าว
#ชิชาริเต่า