logo-heading

จบกันไปแล้วนะครับ สำหรับเกมบิ๊กแมตซ์ประจำสัปดาห์นี้ ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ แม้จะจบลงด้วยผลเสมอ แต่ถ้าใครได้ดูเกมต้องบอกได้เลยว่า แม่งโคตรมันส์ ผลัดกันรับ ผลัดกันรุก สู้กันได้อย่างสูสี และมีโอกาสในการคว้า 3 แต้มด้วยกันทั้งคู่ แต่ด้วยความไม่เฉียบขาดของทั้งสองทีม ทำให้ต้องแบ่งแต้มกันไป

เอาเป็นว่าประหลังเกมจะมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้างไปรับชมกันครับ

[ หงส์แดง สภาพทีมเป็นรอง ]

ถ้าพูดถึงสภาพความพร้อมของผู้เล่นทั้งสองทีมต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล เป็นรองกว่าอยู่พอสมควร โดยเฉพาะผู้เล่นในแผงหลัง ไม่ว่าจะเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้ 

รวมไปถึงผู้เล่นจอมถล่มตาข่ายอย่าง โม ซาลาห์ ที่สภาพความพร้อมยังไม่เต็มร้อย ทำให้ คล็อปป์ ยังไม่เลือกส่งลงสนามเป็น 11 ตัวจริง

ส่วนทางฝั่งของ แมนฯ ซิตี้ ขาดเพียงแค่ รูเบน ดิอาซ เท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ นอกนั้นต้องบอกได้เลยว่า เป๊ป ขนลงมาแบบเต็มสตรีม

แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของชายที่ชื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่สามารถสรรค์สร้างเหล่าบรรดานักเตะดาวรุ่งจากอคาเดมี่หลายต่อหลายคนที่ลงสนามในเกมวันนี้ ขึ้นมาต่อกรกับแข้งซุปเปอร์สตาร์ของ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างสูสี

 

[ เอ็นโด & แม็คก้า โคตรสุด ]

ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่ วาตารุ เอ็นโด โชว์ผลงานได้อย่างสุดยอดกล้วยทอดสองถุงจริงๆ ทั้งตัดเกมไล่บดบี้คู่แข้งจนนักเตะของ ทัพเรือใบสีฟ้า ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้

นอกจากจะหน้าที่เกมรับจะทำได้ดีแล้ว การคุมจังหวะเกม และลงมาเชื่อมเกมจากแดนหลังก็ทำได้ยอดเยี่ยมเอามากๆ แถมยังวิ่งขึ้นลงไม่มีหมด นึกว่าพี่แกมี 8 ปอด ถ้าดูฟอร์มการเล่นของ เอ็นโด ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกหนึ่งดีลของ ลิเวอร์พูล ที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์จริงๆ

ส่วนนักเตะอีกหนึ่งรายที่ต้องชื่นชมเลยก็คือ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ที่รับทบาทจอมทัพในเกมวันนี้ ซึ่งพี่แกเล่นได้โดดเด่นโคตรๆ สามารถรับมือกับกองกลางของ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างคู่คี่สูสี ครองบอลดีจ่ายบอลฉลาด
คุมจังหวะเกมรุก-รับได้อย่างยอดเยี่ยม และคอยเชื่อมเกมตลอด แถมยังซัดลูกจุดโทษได้แบบคมกริบ

[ เดอ บรอยน์ คือความแตกต่าง ]

แม้ว่ารูปเกมจะดูสูสี แต่สิ่งที่ แมนฯ ซิตี้ เหนือว่านั่นก็คือการมีนักเตะระดับ เวิลด์คลาส อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ อยู่ในสนามคอยบัญชาการเกมรุกให้กับทีม

โดยประตูที่ทางฝั่ง เรือใบสีฟ้า ออกนำไปก่อนก็ได้มาจากลูกเปิดเตะมุมของ เดอ บรอยน์ ที่เปิดมาเสาแรกให้ จอห์น สโตนส์ วิ่งเข้ามาชาจจ่อๆ 

ลูกแอสซิสต์ในเกมวันนี้ทำให้ มิดฟิลด์ทีมชาติ เบลเยี่ยม มีส่วนกับประตูโดยตรงไปแล้ว 13 ประตู แบ่งออกเป็น 2 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 12 รวมทุกรายการ นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2024 ซึ่งไม่มีนักเตะใน พรีเมียร์ลีก คนไหนยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว

แต่ถึงกระนั้น เป๊ป ก็ทำสิ่งที่ใครหลายคนคาดไม่ถึงด้วยการเปลี่ยนตัว เดอ บรอยน์ ออกจากสนามแล้วส่ง มาเตโอ โควาซิช ลงไปแทน ทำเอา เดอ บรอยน์ แสดงท่าทางไม่พอใจอย่างชัดเจน 


 

อย่าว่าแต่ เดอ บรอยน์ เลยครับ แฟนบอลทางบ้านอย่างผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ เป๊ป ก็ออกมาให้คำตอบแล้วว่ามันเป็นเรื่องของแท็คติกเท่านั้น ไม่มีปัญหาส่วนตัวกับ เดอ บรอยน์ แต่อย่างใด

[ จังหวะลุ้นจุดโทษท้ายเกมฟาล์วหรือไม่ ]

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงเยอะมากในโลกโซเชี่ยลมีเดียก็คือจังหวะที่ เฌเรมี่ โดกู โชว์ลีลากังฟูคิกถีบเข้ายอดอกของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ในกรอบเขตโทษ แต่ ไมเคิล โอลิเวอร์ รวมไปถึง VAR กลับเมินเฉยซะอย่างงั้น

ซึ่งแฟนบอลทั่วโลกต่างให้ความเห็นว่าจังหวะนี้ยังไงก็ควรเป็นจุดโทษ เพราะ โดกู ยกเท้าสูงบวกกับเตะไปโดนหน้าอกของ แม็คอัลลิสเตอร์ แบบเต็มๆ ถึงแม้เท้าของ โดกู จะไปโดนบอลก่อนก็ตาม

โดย เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ความเห็นในจังหวะนี้ว่า "จังหวะนี้มันชัดเจนมาก คนทั้งโลกดูก็รู้ว่ายังไงจังหวะนี้ก็ควรเป็นจุดโทษ ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นตรงไหนในสนาม มันคือการทำฟาวล์ และควรจะเป็นใบเหลืองด้วย"

[ ปิดฉาก เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ]

น่าใจหายไม่น้อยเลยนะครับ ว่าทั้งคู่จะได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายบนเวที พรีเมียร์ลีก หลังจากเป็นคู่แข่ง ห่ำหั่นแย่งแชมป์กันมาอย่างยาวนาน แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้วทั้งสองยังมีโอกาสเจอกันในศึกเอฟเอ คัพ ในรอบลึก ๆ ก็ตาม

โดยสถิติที่น่าสนใจคือ คล็อปป์ เป็นกุนซือที่เอาชนะ เป๊ป ได้มากที่สุดถึง 11 ครั้ง ในทางกลับกัน เป๊ป ก็เป็นกุนซือที่เอาชนะ คล็อปป์ ได้มากที่สุดเช่นเดียวที่ 10 ครั้ง จากการเจอกันทั้งหมด 29 ครั้ง

จากผลเสมอในเกมนี้ทีมที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดคงหนีไม่พ้น อาร์เซน่อล ที่จะขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูง ก่อนที่จะต้องไปพบกับ แมนฯ ซิตี้ ในปลายเดือนนี้ 

ส่วนตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ในตอนนี้ ต้องบอกได้เลยว่าสูสีสุดๆ โดยอันดับ 1-3 มีแต้มห่างกันเพียง 1 คะแนนเท่านั้น ใครพลาดเมื่อไหร่ก็พร้อมหล่นทันที 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline