logo-heading

นับถอยหลังอีก 5 วัน ทีมชาติไทย ของเราจะลงสนามในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบสอง นัดที่ 3 ซึ่งมีคิวที่จะต้องยกพลออกไปเยือนเต็งแชมป์ของกลุ่มอย่าง เกาหลีใต้ และหลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็จะกลับมาเปิดบ้านรับมือทีมโสมขาวอีกครั้ง ในเกมนัดที่ 4 ทันที

นี่คือโปรแกรม 2 นัดในรอบคัดเลือกบอลโลก รอบนี้ที่แฟนบอลชาวไทย ต่างรอคอย หลังทราบผลการจับสลากว่าเราอยู่ร่วมสายกับเกาหลีใต้ ทีมเบอร์ 3 ของเอเชีย ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับซุปตาร์ของโลกหลายคน 

นอกจากจะเป็นฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกแล้ว เกมนี้ยังเปรียบเสมือนแมตช์ฟุตบอลอีเวนทืรายการใหญ่เกมนึงที่แฟนบอลต่างให้ความสนใจและอยากจะเข้ามาชมเกมในสนาม เพราะจะได้เห็นฟอร์มของนักเตะอย่าง ซน ฮึง-มิน ผู้ที่ไม่ได้ลงเล่นที่ราชมังฯ เสียที นอกจากนี้ยังมี คิม มิน-แจ กองหลังจากทีมเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค หรือนักเตะอย่าง อี คัง-อิน จากปารีสฯ น่าเสียดายที่ ฮวาง ฮี-ชาน กองหน้าจากวูล์ฟแฮมป์ตัน นั้นเจ็บไป

การพบกับเกาหลีใต้ 2 นัดในเดือนมีนาคมนี้ ถือเป็นโปรแกรมที่หนักที่สุดของทีมชาติไทย ในรอบคัดเลือกรอบนี้ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมสายอย่าง จีน และ สิงคโปร์ เช่นกัน ที่การเจอกับเกาหลีใต้ถือเป็นงานหนักของทุกทีมในกลุ่มนี้ เพราะโสมขาวคือเต็งหนึ่งของกลุ่ม และเป็นทีมเบอร์ต้นๆ ของเอเชีย 

และเกมที่เกาหลีใต้ พบกับ สิงคโปร์ และ จีน ในสองเกมแรกที่ผ่านมา ก็เป็นไปตามที่คาด คือชนะรวดทั้ง 2 นัด เก็บ 6 แต้มแต้ม ยิงได้ 8 ประตู ลอดช่อง โดนไป 5 จีน โดนไป 3 และแน่นอนว่าพวกเขาก็ตั้งเป้าที่จะเอาชนะทีมชาติไทยของเราด้วยเช่นกัน

ความต่างของไทย กับ จีน และ สิงคโปร์ ก็คือเราต้องมาเจอเกาหลีใต้ 2 นัดติดๆ กัน ทำให้มีโอกาสสูงที่เราจะแพ้รวดทั้ง 2 เกมนี้ บวกกับนัดแรกที่เราไปพลาดท่าแพ้จีนคาบ้านมาก่อน ก็ทำให้มีโอกาสที่ทีมช้างศึก จะแพ้ 3 นัดจาก 4 เกมแรก ทำให้โอกาสลุ้นเข้ารอบก็ดูจากยากกับ 2 เกมที่เหลือที่จะพบกับจีน และสิงคโปร์

จริงๆ แล้วต่อให้เราแพ้เกาหลีใต้ทั้งสองนัด โอกาสลุ้นเข้ารอบสามมันก็ยังไม่ได้ปิดตายซะทีเดียว เพราะอย่าลืมว่าจริงๆ แล้วทุกทีมในกลุ่มนี้ ถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ก็ไม่น่าจะมีใครสู้เกาหลีใต้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่า โสมขาว อาจจะชนะรวด 6 นัดและคว้าแชมป์กลุ่ม

ดังนั้นอีก 3 ทีมก็จะต้องไปแย่งชิงอันดับที่สอง และไปลุ้นอันดับ 3 ที่ดีที่สุดกันเองอีกที เกมที่สามทีมนี้พบกันจึงมีความหมาย ซึ่งเราดันไปพลาดท่าแพ้ให้กับจีนมาก่อนในเกมแรก ทำให้สถานการณ์ดูจะเป็นรอง แต่มันก็ยังมีโอกาสที่เราจะไปเอาคืนที่บ้านของเขา รวมทั้งกลับมาเล่นในบ้านกับสิงคโปร์ไม่น่ามีปัญหา และเราอาจจะต้องไปลุ้นเรื่องประตูได้เสียกับจีนเอา เพื่อแย่งอันดับสอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องชนะจีน กับ สิงคโปร์ให้ได้ก่อนในสองเกมสุดท้าย

คัดบอลโลก นัดแรกของ "อิชิอิ" กับ โปรแกรมสุดหินของ "ทีมชาติไทย"

แต่อย่างไรก็ดี แม้เรารู้ว่าการเจอเกาหลีใต้ จะเป็นรองทุกเหลี่ยมมุม แต่มันก้มีอยู่เรื่องนึงที่ทำให้แฟนบอลชาวไทยยังพอมีความหวัง ว่าเราจะทำผลงานได้ดี และขอสัก 1 แต้มจากสองเกมหลังจากนี้ นั่นก็คือการมาของ "มาซาทาดะ อิชิอิ" กุนซือคนใหม่ชาวญี่ปุ่น

จริงๆ แล้ว อิชิอิ ก็ไม่ใช่กุนซือเทวดาอะไรที่จะมาเสกให้ไทยจะเอาชนะเกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งเสมอก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่หากเราได้ดูฟอร์มของทีมช้างศึกในเอเชี่ยน คัพ ผมว่าเราสู้ได้ และไม่ได้เป็นรองเกาหลีใต้ขนาดนั้น ซึ่งก็หมายถึงเกาหลีใต้กับฟอร์มในเอเชี่ยน คัพ ด้วยนะ

แต่อย่างไรก็ดีเราก็จะเห็นว่าจริงๆ แล้ว เกาหลีใต้ ก็ยังคงเป็นทีมที่น่ากลับและมีผลงานที่ดีในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก และดูเหมือนจะเน้นกว่าเอเชี่ยน คัพ ด้วยซ้ำไป เพราะนักเตะทุกคนมีสมาธิกับทีมชาติได้เต็มที่ ไม่เหมือนตอนเอเชี่ยน คัพ ที่บอลลีกของยุโรปก็ยังมีแข่งขันกันอยู่ ดังนั้นคงไม่ใช่งานง่ายของทีมชาติไทยแน่นอน 

สิ่งที่แฟนบอลเสียดายที่สุดก็คือ ทำไม "อิชิอิ" ไม่มาให้เร็วกว่านี้ หลายคนคิดเหมือนกันว่า ถ้าโค้ชมาซะ มาตั้งแต่เกมแรกที่พบกับจีน ตอนนี้เราอาจจะมีอยู่ 6 แต้ม หรือ 4 แต้ม เพราะมองว่าเราไม่น่าจะแพ้จีนในเกมแรก แต่ก็นั่นแหล่ะมันเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น เราจะคิดยังไงก็ได้ 

กุนซือชาวญี่ปุ่น วัย 57 ปี คุมทีมชาติไทยไปแล้ว 5 นัด ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 2 เกมที่จะพบกับเกาหลีใต้ จะเป็นเกมนัดที่ 6 และ 7 ในการคุมทีมช้างศึก ซึ่งจะเป็นนัดแรกของเขาในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ด้วย

นี่รายการนี้ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของทีมชาติไทย และ สาเหตุที่มาเรางานคุมทีมช้างศึก ก็เพื่อคุมทีมในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกนี่แหละ ที่ผ่านมาเอเชี่ยน คัพ ถือเป็นแค่ทางผ่านและการทดลองงานเท่านั้น นี่คือของจริง

แต่โค้ชมาซะ กลับต้องมาเจอโปรแกรมที่สุดหินในการคุมทีมคัดบอลโลก เพราะต้องเจอกับเกาหลีใต้ แต่ส่วนตัวผมเชื่อมั่นว่าเขามองว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย และเขาก็อยากจะพาไทยเจอกับเกาหลีใต้เต็มแก่แล้วตอนนี้

สิ่งที่แฟนบอลคาดหวังคือ แน่นอนมีความเป็นไปได้ที่เราจะแพ้รวดทั้ง 2 นัด พูดอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง เพราะมาตรฐานมันค่อนข้างห่างกัน แต่ลึกๆ ทุกคนก็เชื่อมั่นว่าเราจะทำผลงานได้ดี คือถ้าแพ้ก็อาจจะแพ้แบบไปเยอะมาก หรือมากไปกว่านั้นทองถึงการแบ่งแต้มให้ได้สัก 1 แต้ม โดยเฉพาะที่เราจะเล่นที่ราชมังฯ 26 มีนาคมนี้

ซึ่งถ้าเราสามารถเก็บ ได้1 แต้มเป็นอย่างน้อยในการพบกับเกาหลีใต้ทั้งสองนัดนี้จริงๆ ละก็ มันจะเป็นหนึ่งแต้มที่มีความสำคัญมาก และอาจจะเป็น 1 แต้มที่มีผลต่อการเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มซี ก็เป็นได้

แม้จะเป็นงานที่ยาก และดูจะเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ฟุตบอล เมื่อยังไม่ลงสนามอะไรก็เกิดขึ้นได้ และผมเชื่อกุนซือระดับ อิชิอิ ย่อมมีวิธีการที่เตรียมไว้อยู่แล้ว บวกกับนักเตะทีมชาติไทยของเราชุดนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างจะฟูลทีม ขาดเพียงแค่ ธีรศิลป์ แดงดา เพียงคนเดียวเท่านั้น ผมเชื่อว่าเรามีลุ้น

อย่างไรก็ดี เกมวันที่ 26 ที่เราเล่นในบ้านเราจะมีลุ้นเก็บแต้มได้หรือเปล่า เราคงต้องรอดูจากเกมแรกที่เราออกไปเยือนในวันที่ 21 มีนาคมนี้ ก่อน ถ้าเราแพ้แบบหวุดหวิดกลับมา บอกเลยวันที่ 26 มันส์แน่นอน

ไว้เดี๋ยวใกล้ๆ เราค่อยมาว่ากันอีกที สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้นักเตะทีมชาติไทย รวมทั้งทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทุกคน ทำให้เต็มที่ เพื่อเป้าหมายสำคัญคือผ่านเข้าสู่รอบต่อไปให้ได้

 

#ชิชาริเต่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline