logo-heading

เสร็จสิ้นภารกิจไปเรียบร้อยสำหรับ “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย ในช่วงฟีฟ่าเดย์เดือนมีนาคม ที่เรามีโปรแกรมลงเตะฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย 2 นัดด้วยกัน กับทีมชาติเกาหลีใต้

จากผลงานสองนัดที่ผ่านมาทีมชาติไทย สามารถคว้า 1 แต้มจากทีมโสมขาวได้ ซึ่งถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะการจะกระชากแต้มมาจากทีมเกาหลีใต้ทั้งสองนัดนั้นไม่ง่าย แต่เราสามารถทำได้ แม้เกมที่สองเมื่อวานนี้ เราจะแพ้คาบ้านไป 0-3 ก็ตาม

หลายคนที่ไม่ได้ติดตามผลงานทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิด หรือไม่ได้ติดตามฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบนี้มาโดยตลอด อาจจะคิดว่าทีมชาติไทย นั้นหมดลุ้นไปแล้ว ในการจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แต่บอกเลยว่าคุณคิดผิด การที่เราได้ 1 แต้มจากเกมก่อนหน้านี้ ถือว่าสำคัญมาก และทำให้เรายังอยู่ในเส้นทางที่จะลุ้นเป็นอันดับสองของกลุ่มในการผ่านเข้าไปเล่นรอบ 3 ของรอบคัดเลือก

ก่อนจะไปว่ากันถึงโอกาสและเงื่อนไขต่างๆ ต้องขอย้อนกลับไปพูดถึงผลงานสองนัดที่ผ่านมาของทีมช้างศึก กันสักหน่อย ทีมชาติไทย ต้องโคจรมาเจอกับเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเต็งแชมป์ของกลุ่มซีอยู่แล้ว ถึง 2 นัดติดต่อกัน ในเกมที่ 3 และ 4

ก่อนหน้าที่เราจะเจอเกาหลีใต้ เรามีอยู่ 3 คะแนน จากการแพ้จีน นัดแรกมา 1-2 และบุกชนะสิงคโปร์ 3-1 ขณะที่เกาหลีใต้ ชนะมารวดทั้ง 2 นัด ต่อสิงคโปร์ 5-0 และบุกไปชนะจีน 3-0 มี 6 คะแนนเต็ม นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม

ซึ่งไทยกับจีน นั้น มี 3 คะแนนเท่ากันจาก 2 นัดแรก แต่ไทยมีลูกได้เสียดีกว่า จึงเป็นรองจ่าฝูง 

ทุกอย่างอยู่ในมือ!! กับ 2 นัดสุดท้ายชี้ชะตาทีมชาติไทย ไปต่อหรือพอแค่นี้

เกมเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ไทย ต้องยกพลไปเยือน เกาหลีใต้ ที่โซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม ถือเป็นงานที่ยากที่สุดในรอบนี้ แต่อย่างที่เราได้เห็นกัน ทีมช้างศึก ทำผลงานได้ดีเกินคาด ด้วยการบุกไปแบ่งแต้มออกมาจากกรุงโซลได้ นี่ถือเป็นแต้มใหญ่ที่สำคัญมาก 

และจากผลงานที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองในนัดแรก หลายคนก็คาดหวังว่าเราจะทำได้ดีอีกครั้งในการลงเล่นในบ้านที่ราชมังคลากีฬาสถานเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.67) ซึ่งมีแฟนบอลมาชมกันเต็มความจุกว่า 45,000 คนเลยทีเดียว

ทุกอย่างอยู่ในมือ!! กับ 2 นัดสุดท้ายชี้ชะตาทีมชาติไทย ไปต่อหรือพอแค่นี้

แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปตามฟอร์มและมาตรฐาน คือเราไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของทีมอันดับ 22 ของโลกได้ แพ้ไป 0-3 ถือเป็นการแพ้ในบ้าน 2 นัดจาก 3 นัดด้วยกัน

แต่อย่างไรก็ดีอย่างที่บอกว่าการที่เราไปเอาแต้มจากเกาหลีใต้ได้ มันยังส่งผลให้ไทยยังอยู่ในเส้นทางของการลุ้นเข้ารอบต่อไป

ทุกอย่างอยู่ในมือ!! กับ 2 นัดสุดท้ายชี้ชะตาทีมชาติไทย ไปต่อหรือพอแค่นี้

สถานการณ์ของกลุ่ม C เวลานี้ หลังผ่านไป 4 นัด เกาหลีใต้ นำโด่ง 10 คะแนน ต้องการอีก 3 แต้มก็จะการันตีเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มสบายๆ ซึ่งไม่น่ามีปัญหา เพราะเกมต่อไปจะออกไปเยือนสิงคโปร์ ที่มีอยู่แค่ 1 แต้ม ตกรอบแน่นอนแล้ว

ขณะที่อันดับ 2 ตอนนี้คือจีน ที่เกมล่าสุดบุกไปชนะสิงคโปร์ 4-1 มีเพิ่มเป็น 7 คแนน ส่วนไทยเราอยู่อันดับ 3 มี 4 คะแนน ห่างจากจีน 3 แต้ม

ถามว่าทำไมไทยยังมีโอกาส และยังกุมชะตาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ ก็คือว่านัดต่อไปที่เราจะออกไปเยือน จีน วันที่ 6 มิถุนายนนี้ ถือเป็นเกมตัดสินชะตาว่าเราจะได้ไปต่อในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกหรือไม่ อย่างแรกเลยคือเราต้องบุกไปเอาชนะจีนให้ได้ เพื่อเก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนนเท่ากัน และนัดสุดท้าย จีนจะออกไปเยือน เกาหลีใต้ ส่วนเราจะเล่นในบ้านพบ สิงคโปร์ ในวันที่ 11 มิถุนายน ถ้าเป็นไปตามนี้เรามีโอกาสเข้ารอบสูง ถ้าชนะรวดทั้งสองนัด

เพราะจีนเองออกไปเยือน เกาหลีใต้ แม้ทีมโสมขาวจะเข้ารอบไปแล้ว แต่เล่นในบ้านก็คงไม่ยอมแพ้ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองแน่นอน

หรือถ้าสมมติเราทำได้แค่บุกไปเสมอจีน เราจะมีเพิ่มเป็น 5 แต้ม ตามหลังจีน 3 คะแนนเท่าเดิม ก็อยู่ที่นัดสุดท้าย ก็ต้องลุ้นให้จีนไปแพ้เกาหลีใต้เยอะๆ และเราก็ต้องชนะสิงคโปร์ เยอะๆ ด้วย แล้วไปวัดลูกได้เสียกัน เพราะเรากับจีนจะมี 8 คะแนนเท่ากัน แต่ช้อยส์นี้ถือว่าเสี่ยงเกินไป เพราะถ้าเกาหลีดันเสมอจีนในบ้านขึ้นมาเราก็ซวยตกรอบทันที

ทุกอย่างอยู่ในมือ!! กับ 2 นัดสุดท้ายชี้ชะตาทีมชาติไทย ไปต่อหรือพอแค่นี้

ดังนั้นโอกาสและทางเลือกที่ดีที่สุดคือเราต้องชนะใน 2 เกมสุดท้ายให้ได้ ถ้าทำได้เข้ารอบแน่นอน ไม่ต้องไปสนอย่างอื่น สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับทีมชาติไทย แล้วแหละว่าจะทำได้หรือไม่ ถ้ายังอยากไปต่อก็ต้องผ่านไปให้ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็แสดงว่าเรายังไม่ดีพอที่จะไปเล่นในรอบต่อไปของฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

เอาเป็นว่าวันที่ 6 มิ.ย.นี้ มาลุ้นกันใหม่ในเกมที่ไทยจะบุกไปเยือนจีน และเมื่อผลออกมาอย่างไร เราค่อยมาว่ากันอีกครั้ง ยังไงแล้วส่วนตัวผมยังเชื่อมั่นว่าไทยเราดีพอ และจะสามารถผ่านเข้าสู่รอบสามต่อไปได้ ไทยแลนด์ ปู้นๆ สวัสดีครับ

#ชิชาริเต่า
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline