logo-heading

ชาบี อลอนโซ่ ผู้กอบกู้ เลเวอร์คูเซ่น กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

แม้เกมเมื่อคืนที่ผ่านมา เลเวอร์คูเซ่น จะหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 51 นัดด้วยการพ่ายแพ้ต่อ อตาลันต้า ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปอย่าง ยูฟ่า ยูโรป้าลีก แบบงานกร่อยด้วยสกอร์ 3-0

แต่ความพ่ายแพ้จากเกมดังกล่าว ก็มิอาจปฏิเสธความยอดเยี่ยมในสิ่งที่ ชาบี อลอนโซ่ ทำมาในฤดูกาลนี้ได้ เพราะนอกจากจะกอบกู้ทีมที่ลุ้นหนีตกชั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กลับกลายมาเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกของสโมสร โค่น บาเยิร์น มิวนิค ที่ผูกขาดแชมป์ลีกมานานนับ 10 ปี ได้แบบราบคาบ

อีกทั้งยังสร้างตำนานไร้พ่ายได้เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ บุนเดสลีกา อีกด้วย 

วันนี้ ขอบสนาม จะพาไปเจาะลึกถึงความเทพของ ชาบี อลอนโซ่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปติดตามรับชมกันครับ

[ ชาบี อลอนโซ่ ชายผู้มากอบกู้ ห้างขายยา ]

ชาบี อลอนโซ่ เข้ามารับตำแหน่งกุนซือของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในวันที่ 5 ตุลาคม ปี 2022 แทนที่ของ เกราร์โด เซโอเน่ ที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ อยู่ในโซนตกชั้นรั้งอันดับ 17 ของตาราง และเป็นการออกสตาร์ทที่ห่วยแตกที่สุดของทีมนับตั้งแต่ปี 1979

พอเข้ามารับตำแหน่งกุนซือ ชาบี อลอนโซ่ ก็ค่อยๆปรับปรุงทีมเสริมเล็กแต่งน้อย ซ่อมแซมจนทีมเริ่มมีระบบ และแผนการเล่นที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แผนการเล่น 3-4-2-1 ก็เริ่มถูกนำมาใช้งานในยุคของ อลอนโซ่ นี่เอง จากเดิมที่กุนซือคนก่อนจะใช้แผน 4-2-3-1 เป็นหลัก

อีกทั้งระบบ 3-4-2-1 ของ ชาบี อลอนโซ่ จะมีความพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่แผงมิดฟิลด์จะมีการ โอเวอร์โหลด คู่แข่งอยู่เสมอ โดยจะใช้ผู้เล่นเบอร์ 6 ทั้งสองคน และ ผู้เล่นหมายเลข 10 ทั้งสองคนคอยทำหน้าที่ดังกล่าว ส่งผลให้การต่อบอลในแผงมิดฟิลด์เกิดความไหลลื่น และมีมิติมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ชาบี อลอนโซ่ ยังติดตั้งระบบการต่อบอลแบบ “เติร์ดแมน คอมบิเนชั่น” เพื่อที่จะส่งบอลเข้าไปยังพื้นที่อันตรายของคู่แข่งได้อย่างรวดเร็ว

แล้วอะไรคือระบบ เติร์ดแมน คอมบิเนชั่น ?

หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินการส่งบอลแบบหนึ่งสอง หรือชิ่งวันทู โดยจะใช้ผู้เล่นแค่สองคนส่งบอลชิ่งกันไปมา แต่ระบบ เติร์ดแมน คอมบิเนชั่น จะใช้ผู้เล่นถึง 3 คนต่อบอลทำชิ่งกันอย่างเร็วรวด ทำให้การต่อบอลด้วยวิธีนี้ แกะเพรสซิ่งของฝ่ายตรงข้ามได้ดีเอามากๆ 

พอทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งแทคติกและวิธีการเล่น เลเวอร์คูเซ่น ยุคใหม่ก็เริ่มฉายแววเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ จากทีมที่อยู่ในโซนตกชั้นก็ค่อยๆไต่ขึ้นมาสู่กลางตาราง จากกลางตารางเริ่มมาลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป

จนกระทั่งจบฤดูกาล 2022 นายใหญ่ห้างขายยาพาทีมจบด้วยอันดับ 6 ของตาราง การันตีพาทีมกลับมาเล่นในเวทีฟุตบอลยุโรปอีกครั้งในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก แบบน่าเหลือเชื่อ 

เล่นในเวทีฟุตบอลยุโรปอีกครั้งในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก แบบน่าเหลือเชื่อ 

[ สุดยอดการเสริมทัพ ]

จากผลงานอันยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลก่อน พอเข้าสู่ช่วงตลาดซัมเมอร์ อลอนโซ่ จึงไม่รอช้าจึงรีบแก้ปัญหาอุดรอยรั่วทันที พร้อมต่อยอด และยกระดับให้ทีมชุดนี้ให้เดินไปข้างหน้า 

แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดจำเขี่ย เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าด้วยชื่อชั้นของ เลเวอร์คูเซ่น ที่ไม่ใช่ทีมที่เงินถุงเงินถังมากพอที่จะได้ดึงผู้เล่นระดับ "ซูเปอร์สตาร์" เข้ามาเสริมทีมเหมือนกับทีมยักษ์ในยุโรป รวมถึงปัญหาการเงินของสโมสรก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

ปัญหาแรกที่ ชาบี อลอนโซ่ เล็งเห็นนั่นก็คือมิดฟิลด์ตัวกลางอย่าง ชาร์ลส์ อรันกีซ ที่อยู่ในช่วงโรยราด้วยวัย 35 ปี ชาบี เลยตัดสินใจไปดึง การนิต ชาก้า กองกลางของ อาร์เซน่อล มาเสริมทัพด้วยตัวเลข 25 ล้านยูโร 


 

ถ้าดูจากราคาแล้วเอามาเทียบกับอายุอาจจะดูสูงเกินไปสำหรับนักเตะเตะที่อายุแตะเลขสาม แต่สิ่งที่ ชาก้า มอบให้กับทีมต้องบอกเลยว่าโคตรคุ้มค่า เพราะมิดฟิลด์ชาวสวิตรายนี้ เข้ามายกระดับแผงกองกลางของ เลเวอร์คูเซ่น อย่างชัดเจน ทั้งการจ่ายบอล การคุมจังหวะเกมช้า,เร็ว มีความเข้าใจเกมอยู่ในระดับสูง การเอาบอลขึ้นหน้าแทบต้องผ่านจากเท้าของเขาทั้งสิ้น อีกทั้ง ชาก้า ยังมีสถิติการผ่านบอลสำเร็จถึง 93 เปอร์เซ็นมากที่สุดในทีมอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นการได้มาจับคู่กับ อีเซเกียล ปาลาซิออส รวมถึง โรเบิร์ต อันดริช ในระบบกองกลางคู่หรือ “ดับเบิ้ลพิวอต” ต้องบอกว่าเป็นอะไรกลมกล่องและลงตัวสุดๆ

รายต่อมาคงหนีไม่พ้นแบ็คซ้ายที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงที่สุดในโลกลูกหนังในฤดูกาลนี้อย่าง อเล็กซ์ กริมัลโด้ ที่ย้ายมาแบบฟรีๆจาก เบนฟิก้า พร้อมมายกระดับตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้ายของทีมได้อย่างไม่มีที่ติด้วยผลงาน 10 ประตู กับอีก 13 แอสซิตซ์ จากการลงสนามทั้งหมด 33 นัดกับ เลเวอร์คูเซ่น เรียกได้ว่าเป็นการเดินหมากเสริมทัพที่คุมค่าดีเหลือเกิน

ตำแหน่งต่อไปที่ต้องเสริมคงต้องเป็นหัวหอกตัวเป้า เพราะเมื่อซีซั่นก่อน เลเวอร์คูเซ่น พบปัญหาศูนย์หน้าปืนฝืดอย่างหนักโดยเฉพาะนักเตะอย่าง พาทริค ชิค ที่ทำได้เพียง 4 ประตูเท่านั้น เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเลยไปดึงศูนย์หน้าจากสโมสร ยูนิยง แซงต์ กิลลุส จากเบลเยี่ยมอย่าง วิคเตอร์ โบนิเฟซ ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร

และศูนย์หน้าชาวไนจีเรียรายนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พร้อมฝากฝังผลงานในฤดูกาลแรกไว้ที่ 21 ประตู พ่วงด้วย 10 แอสซิสต์ ตลอดการลงสนาม 33 นัดรวมทุกรายการ แม้จะมีช่วงที่เจ้าตัวบาดเจ็บไปบ้าง แต่ถ้าวัดผลงานโดยรวมต้องบอกว่าสอบผ่านฉลุย

ส่วนอีกสองรายอย่าง โยนาส ฮอฟมันน์ แข้งวัย 31 ปี ที่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ดาวเตะประสบการณ์สูงที่เข้ามาสร้างความแตกต่างในแนวรุกของ เลเวอร์คูเซ่น ได้เป็นอย่างดี ด้วยผลงาน 5 ประตูกับอีก 7 แอสซิตซ์ จากการลงสนามทั้งหมด 32 นัด

แม้ตัวเลขจะดูไม่ได้เยอะถ้าเทียบกับผู้เล่นรายอื่น แต่ถ้าเรามาเจาะลึกลงในรายละเอียดจะเห็นว่าเจ้าตัวมีส่วนสำคัญในการรังสรรค์เกมรุกของทีม ให้มีมิติมากขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว ด้วยสถิติคีย์พาส 2.5 ครั้งต่อเกม และสร้างโอกาสสำคัญถึง 17 ครั้ง อีกทั้งยังมีคะแนนเรตติ้งเฉลี่ยสูงถึง 7.47 มากเป็นอันดับ 6 ของสโมสร

รายต่อมาอย่าง นาธาน เทลล่า ที่ไปดึงตัวจาก เซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัวกว่า 23 ล้านยูโร ถ้าดูจากผลงานโดยรวมอาจจะยังไม่ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นอะไร หนักเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ แต่มักจะถูก ชาบี อลอนโซ่ ส่งลงมาเป็นตัวทีเด็ดอยู่เสมอในยามที่ทีมต้องการความแตกต่างในเกมรุก

รายสุดท้าย โยซิป สตานิซิช ที่ยืมตัวมาจาก บาเยิร์น มิวนิค ที่ในช่วงแรกจะหนักไปที่ตัวสำรองเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเริ่มปรับตัวเข้ากับทีมได้ ก็มักมีทีเด็ดที่คอยเล่นงานคู่แข่งอยู่เสมอ เพราะ 2 จาก 4 ประตูที่เจ้าตัวทำได้คือประตูที่ช่วยให้ ทัพห้างขายยา ยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายที่ 51 นัดรวมทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นประตูที่ยิงตีเสมอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในนาทีที่ 90+7 จบเกมเสมอ 2-2 และ ประตูที่ยิงใส่ โรม่า ในศึก ยูโรป้า ลีก ในรอบรองชนะเลิศ เขาเองก็เป็นคนยิงตีเสมอในนาทีที่ 90+7 เช่นเดียวกัน 

[ คืนชีพนักเตะ ]

นอกจากจะซื้อตัวอย่างชาญฉลาดแล้ว ชาบี อลอนโซ่ ยังมีความสามารถเค้นศักยภาพของนักเตะชุดนี้ให้ถึงขีดสุด และยังรู้ว่านักเตะคนไหนควรลงเล่นบทบาทไหนถึงมีประสิทธิภาพสูงสุด

โดยนักเตะรายแรกที่ต้องหยิบยกมาพูดนั่นก็คือ ประการหลังอย่าง โจนาธาน ธาห์ โดยฤดูกาลที่ผ่านมาแฟนบอลของ เลเวอร์คูเซ่น เรียกได้ว่าด่าเช้าด่าเย็น เพราะฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวค่อนเข้าขั้นห่วยแตก และออกทะเลดีเหลือเกิน ไม่ต่างอะไรกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ในร่างคอนเทนต์เลยทีเดียว 

แต่ทว่าในฤดูกาลนี้ ชาบี อลอนโซ่ ได้ยกระดับให้ดาวเตะรายนี้กลับมาอยู่ในฟอร์มที่แข็งแกร่งอีกครั้ง เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ เปรียบเสมือนหัวใจในเกมรับของทีม เป็นตัวหลักในแผงหลัง 3 ขนาบข้างด้วย ปิเอโร่ ฮินคาปิเอร์ และ เอ็ดม่อน แทปโซบา ซึ่งทั้งสามรายมีส่วนช่วยให้ เลเวอร์คูเซ่น เสียไปเพียง 24 ประตูเท่านั้นในลีก เฉลี่ย 2 นัดจะเสีย 1 ประตู

นอกจากเกมรับยังถูกปรับปรุงให้แข็งแกร่งแล้ว ในส่วนของลูกเซ็ตพีซเจ้าตัวก็มักขึ้นไปทำประตูได้เสมอ หากใครจำได้ในเกมที่พบกับ สตุ๊ดการ์ท ในศึก เดเอฟเบ โพคาล รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็ได้เจ้าตัวนี่แหละที่ขึ้นมาโขกประตูชัยนาที 90 ช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบไปด้วยสกอร์ 3-2

ทาห์ กล่าว ชาบี อลอนโซ่ ว่า “โค้ชทำงานหนักอยู่เสมอโดยเฉพาะกับแผงเกมรับ”

“เขาไม่ใช่คนที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ข้างสนามและมองดูอย่างเดียว”

“เขาจะเข้ามาขัดขังหวะ หากมีอะไรผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นนักเตะชื่อดังแค่ไหน มีโค้ชไม่กี่คนหรอกที่ทำแบบนั้น”

“ชาบี อลอนโซ่ เป็นกุนซือที่ยอดเยี่ยมาก โดดเด่นทั้งแทคติก และการบริหารผู้คนในทีม เขารู้ว่าคนไหนควรเล่นอย่างไร นั่นเป็นเหตุผลที่เราประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้”

รายต่อมาคือ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ หลังจากที่ดาวรุ่งรายนี้ ถูกยกย่องว่าให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดของเยอรมัน แต่พอได้รับบาดเจ็บหนักอย่าง ACL ในปี 2021/22 เขาก็ไม่เคยกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกเลย

แต่พอ ชาบี อลอนโซ่ เข้ามารับตำแหน่งกุนซือของทีม เวิร์ตซ์ ก็กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้ง 18 ประตูกับอีก 20 แอสซิสต์ ตลอดการลงสนาม 47 นัดรวมทุกรายการ เท่านี้ก็พอแสดงให้เห็นแล้วว่าศักยภาพภายในตัวเขายังคงยอดเยี่ยมเช่นเดิม ขอเพียงแค่คนมาขัดเกลาให้เพชรเม็ดนี้เจิดจรัส และงดงามมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง

รวมถึงนักเตะอย่าง แพทริค ชิค ที่เคยพูดถึงไปก่อนหน้านี้ จากที่เป็นจอมสากกะเบือเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แม้ว่าฤดูกาลนี้จะไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมากนัก แต่หากทีมต้องการประตูชัยหรือประตูสำคัญ ชิค ก็มักจะอยู่ตรงนั้นเสมอ เหมือนเป็นตัวโจ๊กเกอร์ของทีม 4 จาก 13 ประตูที่เขาทำได้ในฤดูกาลนี้มาจากการยิงในช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งสิ้น

[ สวมวิญญาณนักสู้ ]

นอกจากวิธีการเล่น และแท็คติกที่ ชาบี อลอนโซ่ หมอบหมายให้นักเตะทุกคนลงไปทำหน้าที่ในสนามแล้ว ที่สิ่ง กุนซือชาวสเปนรายนี้ ได้ปลูกฝังไว้กับนักเตะทุกคนตั้งแต่เริ่มเข้ามารับตำแหน่งเลยก็คือ "จิตวิญญาณของความเป็นผู้ชนะ และความเชื่อมั่นในนักเตะทุกคน"

อย่างที่ อลอนโซ่ เคยกล่าวไว้ว่า “โค้ชมีไอเดียและนักเตะต้องเชื่อฟัง นั่นคือเหตุผลที่สายสัมพันธ์มาก่อนแท็กติกเสมอ”

นักเตะอย่าง อเล็กซ์ กรีมัลโด้ ก็ออกมายกย่อง อลอนโซ่ ว่า “ผมและเพื่อนร่วมทีม สงบและเยือกเย็นอยู่เสมอไม่ว่าสถานกาณ์จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เพราะความเชื่อมั่นที่โค้ชมอบให้กับพวกเรา”

และด้วยหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ที่ อลอนโซ่ ใส่ไว้กับลูกทีมทุกคน 16 ประตู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็นเครื่องการันตีได้เลยว่า ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กับทีมชุดนี้พร้อมสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นได้เสมอ ทุกคนในทีมร้อยหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ไล่บดบี้คู่แข่งจนสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลา

สถิติไร้พ่าย 51 นัด ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือความบังเอิญ แต่มันคือผลลัพธ์จากการทำงานหนักในทุกภาคส่วนของสโมสร ไม่ใช่เพียงแค่ ชาบี อลอนโซ่ เท่านั้นแต่เป็นทุกคนในองค์กร ทั้งผู้บริหาร ทีมงานสต๊าฟฟโค้ช นักเตะ หรือแม้แต่นักโภชนาการ ทุกคนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับความสำเร็จนี้ทั้งสิ้น

แม้จะพลาดท่าหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 51 นัด แต่พวกเขายังมีเป้าหมายกับแชมป์อีกหนึ่งรายการให้ลุ้นคือ เดเอฟเบ โพคาล ที่จะมีคิวฟาดแข้งกันในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ต้องมารอดูกันว่า ชาบี อลอนโซ่ จะทำลายอาถรรพ์รองแชมป์ได้หมือไม่ เพราะ 5 เกมล่าสุดในนัดชิงบอลถ้วยของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ผลปรากฏว่า พวกเขาแพ้ทั้ง 5 ครั้ง
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline