logo-heading

สดุดี เปเป้ ป.ประมุข ผู้ให้กำเนิด \"ขอบสนาม\"

เมื่อกลางดึกคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา เปเป้ ตำนานกองหลังของ เรอัล มาดริด และ ทีมชาติโปรตุเกส ได้ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการด้วยวัย 41 ปี หลังโลดแล่นไปเวทีลูกหนังมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ลงเล่นไปกว่า 876 นัด กวาดแชมป์มากมายถึง 34 ถ้วยรางวัล เท่ากับว่าลงสนาม 26 นัด จะได้ 1 แชมป์

หากย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ขอบสนาม ได้ทำคลิป ท็อป 10 อันดับวีรกรรมสุดระยำของ เปเป้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นคลิปแจ้งเกิดของพวกเราชาว ขอบสนาม เลยก็ว่าได้

วันนี้ถึงคราวที่พี่แกต้องแขวนสตั๊ด และอำลาจากโลกฟุตบอลไป ขอบสนาม จึงอยากพาทุกคนไปรับชมความยอดเยี่ยมของ เปเป้ ตลอดอาชีพการค้าแข้งจะมีอะไรกันบ้างไปรับชมกันครับ

[ คว้า 100 แต้มกับ เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2011/12 ]

เปเป้ มีฤดูกาลที่น่าจดจำหลายฤดูกาลกับเรอัล มาดริด แต่ฤดูกาล 2011/12 เป็นอีกหนึ่งในฤดูกาลที่ เปเป้ โชว์ฟอร์มได้ไฉไลเป็นบ้ามากที่สุดในอาชีพการค้าแข้ง

ทัพราชันชุดขาว ภายใต้การคุมบังเหียนของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" โชเซ่ มูริญโญ่ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน ลาลีกา โดยพวกเขาคว้าแชมป์ด้วยคะแนนรวม 100 แต้ม ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เทียบเท่ากับ บาร์เซโลน่า ในปี 2012-2013 

เปเป้ เป็นหนึ่งในเสาหลักของทีมในแผงเกมรับเคียงคู่กับ เซร์คิโอ รามอส ทั้งคู่สอดประสานกันได้อย่างลงตัว ทำผลงานได้อย่างเหนียวแน่นแข็งแกร่ง มีส่วนร่วมพาทีมเก็บคลีนชีทไปทั้งหมด 13 ครั้ง 

และตลอดการลงสนามทั้ง 30 นัดของ เปเป้ ใน ลาลีกา ในฤดูกาล 2011/12 พี่แกมีสถิติการันตีแต้มต่อเกมอยู่ที่ 2.59 แต้ม เรียกได้ว่า แทบจะการันตี 3 แต้มเลยทีเดียว

 

[ แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2013/14 ]

และอีกหนึ่งในโมเมนต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของ เปเป้ นั่นคือการพา ทัพราชันชุดขาว ผงาดบัลลังค์คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2013/14 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 ของสโมสร หรือ "ลา เดซิม่า" โดยความหมายในภาษาสเปนคือ "ครั้งที่ 10" นั่นเอง

ในฤดูกาลนั้น เปเป้ ลงสนามเป็นตัวจริงใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปทั้งหมด 11 นัด และมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ในปีนั้น

พี่เป้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ เป็นทั้งพี่ใหญ่ และหัวใจสำคัญในแผงเกมรับของ เรอัล มาดริด ในชุดนั้นเลยก็ว่าได้ ทั้งความสามารถในการอ่านเกมที่แม่นยำ และเฉียบคาด มีความดุดัน แข็งแกร่งอย่างที่เราทราบกันดี ใส่หมดไม่สนลูกใคร 

อีกทั้ง เปเป้ ยังเป็นผู้ยืนหยัดในแผงกองหลัง สู้ยิบตาจวบจนสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลาเสมอ ทำให้ทีมรู้สึกมั่นใจทุกครั้งยามมีพี่แกอยู่ในสนาม

ครั้งหนึ่ง เซร์คิโอ รามอส ได้เอ่ยปากชมถึงความสุดยอดของ เปเป้ ว่า

"เปเป้ เป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมของผมในแนวรับ เรามีความเข้าใจและการประสานงานที่ดีมาก เขามีทักษะในการป้องกันที่เหนือชั้น และความเข้มแข็งที่เป็นอันตรายต่อคู่ต่อสู้"

"เปเป้ ยังมีความสามารถในการอ่านเกมและทำให้ทีมมีความมั่นใจเมื่อมีเขาอยู่ในสนาม การมีเขาอยู่ข้าง ๆ ทำให้การเล่นในแนวรับเป็นเรื่องง่ายขึ้น"

แต่น่าเสียดายนะครับที่ เปเป้ ไม่ได้ลงสนามในเกมนัดชิงชนะเลิศในปีนั้น ที่พบกับ แอตเลติโก้ มาดริด เนื่องจากเขามีอาการบาดเจ็บในเกมรอบรองชนะเลิศนัดสองกับที่พบกับ บาเยิร์น มิวนิค

นอกจากนั้น เปเป้ ยังมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยน์ลีก เพิ่มอีก 2 สมัยในปี 2015/16 และ 2016/17 อีกด้วย
 

[ พาทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ ยูโร 2016 ]

การแข่งขัน ยูโร 2016 คืออีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของ เปเป้ ด้วยการพา ทัพฝอยทอง คว้าแชมป์ ยูโร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่

ใครหลายคนในทัวร์นาเมนต์นั้นอาจโฟกัสไปที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ก็อย่าลืมว่าอีกหนึ่งคนสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์นั่นก็คือ เปเป้ นี่แหละครับ เขาช่วยให้ ทีมชาติโปรตุเกส เสียไปเพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้นในเกมรอบน็อคเอาท์ เรียกได้ว่าเป็นตัวปิดทองหลังพระเลยก็ว่าได้

รวมถึงเกมนัดชิงชนะเลิศที่พบกับ ฝรั่งเศส เปเป้ งัดฟอร์มเทพออกมาอีกครั้ง มีบทบาทสำคัญในการป้องกันแนวรับ และกลายเป็นผู้นำในสนามแทนที่ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปในครึ่งแรก 

การที่ โปรตุเกส รักษาสกอร์ 0-0 จนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ และได้ เอแอร์ มาสังหารประตูชัยในนาที 109 คนที่ต้องยกความดีความชอบให้เต็มๆคือ เปเป้ ความแข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำในเกมวันนั้นช่วยให้ ทัพฝอยทอง คว้าแชมป์ ยูโร 2016 อย่างยิ่งใหญ่ 

แน่นอนว่าอีกหนึ่งฮีโร่ของทีมชาติโปรตุเกสในทัวร์นาเมนต์นี้ นอกเหนือจาก โรนัลโด้ แล้ว เปเป้ นี่แหละครับคือหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในศึก ยูโร 2016

[ กลับ ปอร์โต้ ในฐานะ "ตำนาน" ]

หลังจากย้ายออกจาก เรอัล มาดริด ในปี 2017 ปิดฉาก 10 ปี ในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อย่างยิ่งใหญ่ เปเป้ ตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งกับ เบซิคตัส ทีมในลีก ตุรกี ก่อนที่จะกลับมา ปอร์โต้ ในปี 2019 ซึ่งสโมสรแจ้งเกิดของเจ้าตัว

การกลับมาครั้งนี้ของ เปเป้ เขาไม่ได้มาในฐานะนักเตะธรรมดา แต่เขากลับมาในฐานะตำนาน ซึ่งการกลับมาครั้งนี้แสดงถึงความจงรักภักดี และความผูกพันที่มีต่อสโมสรบ้านเกิด เขายังคงเป็นหนึ่งในกองหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทีม 

และมีบทบาทสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จในลีกโปรตุเกสอีกครั้ง ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของลีกโปรตุเกส ได้ถึง 2 สมัย, โปรตุเกส คัพ 4 สมัย, โปรตุเกส ลีกคัพ 1 สมัย และ โปรตุเกส ซูเปอร์คัพ อีก 2 สมัย เรียกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้ของพี่แกไม่ได้มาเล่นๆ เขากลับมาเพื่อคว้าแชมป์

อีกทั้งในช่วงขวบปีที่ผ่านมาผลงานของ เปเป้ กับ ปอร์โต้ ยังคงยอดเยี่ยมเช่นเคย แม้ว่าอายุจะล่วงเลยเข้าสู่เลขสี่แล้วก็ตาม เขาทำได้สถิตินักเตะที่อายุมากที่ทำประตูได้ในศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยวัย 40 ปี 254 วัน

เท่านั้นไม่พอ เปเป้ ยังทำได้สถิติเป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ที่อายุมากสุดที่ลงสนามใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอาท์ ด้วยวัย 40 ปี 360 วัน ในเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมเช่นนี้ บวกกับสไตล์การเล่นของ เปเป้ ที่สุขุมกว่าเดิม ใช้เซนต์ฟุตบอล และความเก๋าประสบการณ์ มากกว่าการใช้ร่างกายเข้าปะทะเหมือนตอนสมัยหนุ่มๆ

ทำให้กุนซือของทีมชาติโปรตุเกสอย่าง โรเบร์โต มาร์ติเนซ ตัดสินใจเลือก เปเป้ ติดธงลุยศึก ยูโร 2024 ซึ่งเป็น ยูโร ครั้งที่ 5 ของพี่แกอีกด้วย ทำให้ เปเป้ กลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดในศึก ยูโร รอบสุดท้ายด้วยวัย 41 ปี 113 วัน

แม้ว่าศึก ยูโร ครั้งนี้ เปเป้ จะพา ทัพฝอยทอง ไปไม่ถึงฝั่งฝันจบเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น แต่หากนับผลงานส่วนตัวของ เปเป้ ต้องบอกว่าโคตรยอดเยี่ยม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือนักเตะที่อายุ 41 ปี ทั้งความเร็ว และความแข็งแกร่ง ยังคงสุดยอด แม้ว่าจะไม่เหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่ก็ทดแทนมาด้วยความเยือกเย็น และความเก๋า

มีช็อตที่ เปเป้ ตามไล่สกัด มาร์คุส ตูราม กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ใครได้เห็นจังหวะนั้นบอกเลยต้องร้องว้าวทุกคน จะมีสักกี่ครั้งที่เราจะได้เห็นนักเตะอายุแตะเลขสี่ วิ่งแซงนักเตะอายุยี่สิบกลางๆ ผมเชื่อเลยว่าแทบไม่มีให้เห็นอีกแล้ว 

ต้องยอมรับเลยว่า เปเป้ คือหนึ่งในกองหลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกลูกหนัง แม้ตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขามักจะถูกพูดถึงในแง่ลบ ทั้งการเล่นนอกเกม หรือความถ่อย แต่ถ้าวัดกันด้วยฝีมือ เปเป้ ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน

การแขวนสตั๊ดของ เปเป้ ในวัย 41 ปี เป็นการปิดฉากตำนานเส้นทางลูกหนังอย่างยาวนาน ไม่ว่าพี่แกเลือกเดินเส้นทางไหนต่อจากนี้ขอให้โชคดี และประสบความสำเร็จทุกเส้นทางที่เลือกเดิน

ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เปเป้ ป.ประมุข

-บีเบลล์ กูนเนอร์-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline