logo-heading

อาร์เซน่อล ตัดสินใจคว้าตัว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกทีมชาติอังกฤษ มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจาก เชลซี 1 ฤดูกาล โดยไม่มีออปชั่นซื้อขาด ในวันสุดท้ายก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง

KEY

POINTS

อาร์เซน่อล ตัดสินใจคว้าตัว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกทีมชาติอังกฤษ มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจาก เชลซี 1 ฤดูกาล โดยไม่มีออปชั่นซื้อขาด ในวันสุดท้ายก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง

เจาะเหตุผลทำไม \"อาร์เซน่อล\" ถึงเลือกคว้าตัว \"สเตอร์ลิ่ง\" ?

[ เพิ่มออปชั่นตำแหน่งตัวรุก ]

เหตุผลหลักที่ อาร์เซน่อล ตัดสินใจคว้าตัว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาร่วมทีมนั่นคือ การเข้ามาเพิ่มออปชั่นในตำแหน่งพื้นที่ในแนวรุกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น 

ด้วยความที่นักเตะสามารถที่เล่นได้หลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นปีกซ้าย, ปีกขวา หรือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ทำให้ สเตอร์ลิ่ง จะเข้ามาเป็นอะไหล่ชั้นดี และช่วยเพิ่มขุมกำลังเชิงลึกให้กับทีม

และที่สำคัญ มิเกล อาร์เตต้า คงวางให้ สเตอร์ลิ่ง เข้ามาแบ่งเบาภาระของ บูกาโย่ ซาก้า ที่กรำศึกมาอย่างยาวนาน ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ตาย ยังไงก็ได้ลงสนาม 

เพราะหากดูจากตัวสำรองในตำแหน่งปีกขวาเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่มีใครเข้ามาทดแทน ซาก้า ได้เลย หากสังเกตุดูในช่วงปลายซีซั่น ซาก้า นี่แทบจะโชว์ฟอร์มไม่ออกเนืองจากสภาพร่างกายที่กรอบเป็นข้าวเกรียบ

อีกทั้งในฤดูกาลนี้ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เปลี่ยนกฎใหม่เพิ่มจาก 32 ทีมมาเป็น 36 ทีม ทำให้มีจำนวนแมตซ์การแข่งขันมีมากขึ้น ซึ่งการได้นักเตะใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เข้ามาเสริมจุดบอดในตำแหน่งตัวโรเตชั่นทางกราบขวา ย่อมทำให้ขุมกำลังเชิงลึกของทีมแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

[ ประสบการณ์ พรีเมียร์ลีก โชกโชน ]

เหตุผลต่อมาคือ สเตอร์ลิ่ง มีประสบการณ์โชกโชนบนเวที พรีเมียร์ลีก เขาเล่นมาทั้งกับ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 4 สมัย

อย่างที่เราทราบกันดีว่า อาร์เซน่อล ไม่ได้มีเป้าหมายแบบเดิมที่ลุ้นจบท็อปโฟร์เหมือนครั้งอดีตอีกแล้ว ปีนี้พวกเขาตั้งเป้าที่จะก้าวข้าม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อที่จะกลับมาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อีกครั้งในรอบ 2 ทศวรรษ หลังจากอกหักมา 2 ปีซ้อน

แน่นอนว่าการได้นักเตะมากประสบการณ์อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ผ่านเกมระดับสูงมาแล้วมากมาย บวกกับทัศนะคติของการเป็นผู้ชนะ จะเข้ามาปลูกฝังให้นักเตะของ ทัพปืนใหญ่ ให้มีความเชื่อมั่น และเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทีมพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดเสมอ

การมีผู้เล่นที่มีประสบการณ์อยู่ในทีมไม่เพียงแต่เพิ่มออปชั่นในสนามเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับสภาพจิตใจ และบรรยากาศของทีมไปสู่มาตรฐานที่สูงยิ่งขึ้นอีกด้วย

[ อาร์เตต้า มีคู่มือการใช้ ]

มิเกล อาร์เตต้า เคยร่วมงานกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาก่อนสมัยที่ยังเป็ผู้ช่วย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในช่วงฤดูกาล 2016 ถึง 2019 ซึ่ง ณ ตอนนั้น สเตอร์ลิ่ง ถือว่ามีฟอร์มการเล่นที่อยู่ในระดับ เวิร์ลคลาส เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าทั้งยิงทั้งจ่าย

โดยในฤดูกาล 2017/18 สเตอร์ลิ่ง ลงสนามไปทั้งหมด 46 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 23 ประตู 13 แอสซิสต์

ฤดูกาล 18/19 สเตอร์ลิ่ง ลงสนามไปทั้งหมด 51 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 25 ประตู 14 แอสซิสต์

ฤดูกาล 19/20 สเตอร์ลิ่ง ลงสนามไปทั้งหมด 52 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 31 ประตู 5 แอสซิสต์

ซึ่งสถิติเหล่านี้มันแสดงให้เห็นว่าตลอด 3 ฤดูกาลที่ มิเกล อาร์เตต้า ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย เป๊ป เขาสามารดึงศักยภาพของ สเตอร์ลิ่ง ออกมาได้มากแค่ไหน และเปี่ยมประสิทธิภาพเพียงใด

นอกจากนั้นแล้ว อาร์เตต้า ยังเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถปรับจูนให้ดาวเตะรายนี้กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ควรจะเป็นอีกครั้ง หลังทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังตลอด 2 ฤดูกาลกับ เชลซี 

ต้องมาดูกันครับว่าในซีซั่นนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ภายใต้กุนซือย่าง มิเกล อาร์เตต้า ที่มีคู่มือการใช้งานได้หรือไม่

-บีเบลล์ กูนเนอร์-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline