logo-heading

เจาะเหตุผล ! ทำไม ลี คาร์สลีย์ ถึงเหมาะสมเป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษแบบถาวร

[ จัดตัวไม่อินดี้ ]

ความประทับใจแรกของ ลี คาร์สลีย์ เลยนั่นคือการจัดผู้เล่น 11 ตัวจริง โดยในเกมประเดิมสนามด้วยการบุกไปชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 ต้องบอกว่า กุนซือหัวไร้ขน ผู้นี้จัดทัพได้น่าสนใจทีเดียว

อย่างผู้เล่นในแผงเกมรุกเขาตัดสินใจเลือกใช้ แจ็ค กลีริช เล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 แม้ว่ากับต้นสังกัดอย่าง แมนฯ ซิตี้ กรีลิช จะเล่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายก็ตาม 

กุนซืออย่าง ลี คาร์สลีย์ คงจะเห็นความสามารถในการครอบครองบอล รวมไปถึงการมีบทบาทกับผู้เล่นในแผงเกมรุก ซึ่งการดัน แจ็ค กรีริช มาเล่นในตำแหน่ง ผู้บัญชาการในแผงมิดฟิลด์ แทนที่ของ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

โดยในเกมนี้ กรีลิช ได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากกับการเล่นเป็นบทบาท เพลย์เมกเกอร์ นอกจากจะยิงได้ 1 ประตูแล้ว การสร้างสรรค์เกมก็ทำได้ไฉไลเป็นบ้า ยังมีสถิติการจ่ายคีย์พาสถึง 2 ครั้ง และจ่ายบอลสำเร็จถึง 88 เปอร์เซ็นต์

และคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่กลับมายืนประจำการในตำแหน่งแบ็คขวาอีกครั้ง หลังจากที่ กุนซือคนก่อนหน้านี้อย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกท ทำเสียของจับ เทรนต์ มายืนมิดฟิลด์ในช่วง ยูโร 2024 ทำเอาดาวเตะแข้งหงส์แดง ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของฟอร์มการเล่นอย่างหนักหน่วง

แต่พอ เทรนต์ กลับมายืนตำแหน่งถนัดอย่างแบ็คขวา เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย มีสถิติสร้างโอการสำคัญให้เพื่อนร่วมทีมถึง 2 ครั้ง และ คีย์พาสอีก 2 ครั้ง

และนักเตะอย่าง แอนโทนี่ กอร์ดอน ลูกรักของ ลี คาร์สลีย์ ตั้งแต่สมัยเล่นอยู่กับทีม U21 ก็ได้มีบทบาทกับทีมชุดใหญ่มากขึ้น ซึ่งนัดนี้เจ้าตัวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีดีพอสำหรับทีมชาติอังกฤษชุดนี้

แต่มีสิ่งนึงที่น่าเป็นห่วงนั่นคือฟอร์มการเล่นของ แฮร์รี่ เคน ที่ยังกู่ไม่กลับตั้งแต่ในช่วง ยูโร ต้องมาดูกันว่า ลี คาร์สลีย์ จะดึงประสิทธิภาพของ แฮร์รี่ เคน กลับมาสวมวิญญาณเพชรฆาตอีกครั้งได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันไปยาวๆครับ 

[ แนวทางการเล่นชัดเจน ]

ประการต่อมาคือ ลี คาร์สลีย์ มีสไตล์การเล่นที่ชัดเจน เล่นเกมรุกสมัยใหม่ แม้สมัยที่ยังค้าแข้งเขาจะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวฮาร์ดแมนก็ตาม แตกต่างกับ แกเร็ธ เซาธ์เกท ที่ไม่มีสไตล์การเล่นที่ชัดเจน แถมยังชวนง่วงอีก

จากที่เห็นในเกมที่พบกับ ไอร์แลนด์ ต้องบอกว่า ทัพสิงห์โตคำราม ภายใต้การคุมบังเหียนของ ลี คาร์สลีย์ ดูมีอนาคตทีเดียว ดูสนุก ไหลลื่น เล่นเกมรุกดุดัน

มิดฟิลด์คู่กลางอย่าง ค็อบบี้ เมนู และ เดแคลน ไรซ์ ก็ไม่มีใครยืนปักหลักเป็นเบอร์ 6 คอยตัดเกม ทั้งคู่รับบทในตำแหน่งเบอร์ 8 สลับกันขึ้นลง ช่วยทั้งเกมรุกและรับ ช่วยให้แผงมิดฟิลด์ชุดนี้มันดูมีมิติมากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนแผงแนวรุกก็เช่นกัน ไม่มีใครเล่นตำแหน่งไหนตายตัว สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้หมด ทำให้คู่แข่งจับทางลำบาก 

ปิดท้ายคือเรื่องของการเล่นเพรสซิ่ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของ ลี คาร์สลีย์ ตั้งแต่สมัยคุมทีมชุดเยาวชน ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ดูการวิ่งเพรสเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ไม่วิ่งเพรสกันมั่วซั่วเหมือนในยุคของ เซาธ์เกท
 

[ ประสบความสำเร็จกับทีม U21 ]

นอกจากนี้ ลี คาร์สลีย์ ยังประสบความสำเร็จอย่างมากกับทีมชาติอังกฤษชุด U21 ด้วยการพาทีมผงาดคว้าแชมป์ ยูโร ชุด U21 เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว เป็นการคว้าแชมป์ในรอบ 39 ปี นับตั้งปี 1984

ถือเป็นเครื่องการันตีได้อีกอย่างว่า ลี คาร์สลีย์ เป็นอีกหนึ่งกุนซือหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง และดูมีของเลยทีเดียว แถมยังรู้จักมักจี่กับทีมชุดเยาวชนอย่าง โคล พาลเมอร์, ลีวาย โคลวิลล์ และ แอนโธนี กอร์ดอน ที่เป็นกำลังพลสำคัญในการคว้าแชมป์ ยูโร U21

การที่ได้รู้จัก และคุ้นเคยกับผู้เล่นชุดเยาวชนถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับโค้ชทีมชาติ เพราะจะช่วยให้กุนซือคนนั้นมีความคุ้นเคย รู้จักนิสัยใจคอ และรู้ว่าควรใช้นักเตะเหล่านั้นยังไงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เปรียบเทียบกับกุนซือของทีมชาติสเปนอย่าง หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ ที่ได้แชมป์กับทีมชุดเยาวชนมาเหมือนกัน ก่อนที่จะมารับงานกับทีมชุดใหญ่ และได้พา สเปน คว้าแชมป์ ยูโร 2024 ที่ผ่านมา

อย่างที่บอกแหละครับว่านี้คือเกมอย่างเป็นทางการเกมแรกของ ลี คาร์สลีย์ อาจจะยังบอกไม่ได้หรอกครับว่า เจ้าตัวนั้นเหมาะสมที่จะมาคุมทัพสิงโตคำรามถาวรหรือไม่ คงต้องให้อนาคตเป็นตัวตัดสินครับ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline