[ ครึ่งแรกชวนง่วง ]
เริ่มต้นที่ทางฝั่ง ปีศาจแดง ต้องบอกว่านับตั้งแต่ที่กุนซือหัวไร้ขนอย่าง เอริค เทน ฮาก โดนเด้งออกไป แล้วดัน รุด ฟาน นิสเตลลอย ขึ้นมาขัดตาทัพแทน เกมรุกของทีมดูมีชีวิตชีวามากขึ้น หลังเอาชนะ จิ้งจอกสยาม ด้วยฟอร์มสุดร้อนแรงเมื่อเกมกลางสัปดาห์
เมื่อเห็นแบบนั้น แฟนผี ต่างตั้งความหวังไว้สูง ว่าเกมนี้จะมีผลการแข่งขันที่ดี และสามารถกลับมาเก็บชัยชนะให้แฟนบอลได้ชุ่มชื่นหัวใจ
แต่พอผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนกลับเข้าลูปเดิมอีกครั้ง มีโอกาสสร้างความอันตรายให้กับแผงแนวรับของ เชลซี อยู่หลายจังหวะ แต่ก็ดันไปตายจังหวะสุดท้ายตลอด เหมือนผู้เล่นในแผงแนวรุกไม่ได้ซ้อมกันมา พอมีโอกาสได้จบก็ดันยิงนกตกปลากันไปเอง
แต่หากมองในแง่ดี ผู้เล่นของ แมนยู ณวินาทีนี้ดูมีภาษากายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีความมุ่งมั่นทุ่มเท แตกต่างกับยุคของ เอริค เทน ฮาก โดยสิ้นเชิง
ทางด้าน เชลซี เองก็มีสภาพไม่ต่างกันโดยเฉพาะการจ่ายบอลที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด จนเกือบโดน แมนยู ล่อเป้าไปหลายดอก แต่โชคดีที่ฝั่งเจ้าบ้านไม่คมกันเอง
ถึงกระนั้น เชลซี ก็มีจังหวะได้เสียวจากลูกเตะมุม โนนี่ มาดูเอเก้ ขึ้นโขกเต็มๆ แต่บอลเจ้ากรรมกลับเด้งไปโดนเสาแทนที่จะเข้าประตู พลาดโอกาสทองที่จะขึ้นนำไปก่อนอย่างน่าเสียดาย
สรุปแล้วเกมในครึ่งแรกเต็มไปด้วยความผิดพลาดของผู้เล่นทั้งสองทีม ทำให้รูปเกมมันดูติดๆขัดๆไปหมด ไม่ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น ภาษาชาวบ้านเรียกง่ายๆว่าหมูกัดกันนี่แหละครับ
[ จุดเปลี่ยนสำคัญ ]
พอเริ่มต้นครึ่งหลังรูปเกมก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมเท่าไหร่ แต่จุดเปลี่ยนของเกมเกิดขึ้นนาที 70 มาจากจังหวะโยนยาวของ กาเซมิโร่ มาให้ ราสมุนด์ ฮอยลุนด์ ก่อนเกี่ยวบอลลงอย่างนิ่มนวล ทว่า โรเบิร์ต ซานเชส นายด่านของ เชลซี ดันไปรวบขาหัวหอกปีศาจแดงเข้าเต็มเปา กรรมการไม่ลังเลที่จะชึ้เป็นลูกจุดโทษ แล้วก็เป็น บรูโน่ แฟร์นานเดส สังหารเข้าไปไม่พลาด
จากประตูดังกล่าวทำเอาแฟนบอลทางบ้านอย่างผมคิดในใจเล่นๆว่า รูปเกมต่อจากนี้ต้องเปี่ยมไปด้วยความเมามันส์เป็นแน่ พอคิดได้ไม่ถึง 5 นาที เชลซี มาได้ประตูตีเสมอทันควันจากจังหวะซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งของ มอสเซส ไกเซโด้ ซัดไกลจากนอกกรอบเข้าไป
จากนั้นรูปเกมโดยรวมก็ไม่มีอะไรที่น่าพูดถึงเท่าไหร่ จบเกมแบ่งแต้มกันไปด้วยสกอร์ 1-1
[ เหนื่อยใจกับ การ์นาโช่ ]
แต่สิ่งที่ผมอยากพูดถึงมากที่สุดจากการดูเกมวันนี้คงหนีไม่พ้นฟอร์มการเล่นของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ต้องบอกว่าจังหวะแม่งโคตรนรก จังหวะไหนควรยิงดันจ่าย จังหวะไหนต้องจ่ายดันยิง
แถมการจบสกอร์ของเจ้าตัวแย่ชนิดที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นห่วยแตกสาแหรกขาด มีโอกาสเหน่งๆที่จะบวกสกอร์ได้อยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งดันทำผิดพลาดไปหมด
เท่านั้นไม่พอมีอยู่จังหวะนึงที่ การ์นาโช่ หลุดเดี่ยวมาทางซ้าย อาหมัด ดิยัลโล่ วิ่งทำทาง หากจ่ายบอลตามช่องให้ อาหมัด รับรองว่าด้วยความเร็วที่เหนือกว่ากองหลังของ เชลซี เขาจะหลุดเดี่ยวไปดวลกับผู้รักษาประตูอย่างแน่นอน
แต่ การ์นาโช่ ทำสิ่งที่ผมถึงขั้นเอาตีนก่ายหน้าผาก แม่งดันเลือกที่จะเลี้ยงต่อไม่จ่ายให้ใครทั้งนั้น ก่อนที่จะทำบอลเสียในจังหวะสุดท้ายแล้วโดนสวนกลับ
โชคดีที่ กาเซมิโร่ ในวัย 32 ปี ที่มีสปีดช้าเป็นเต่าเข้ามาตัดฟาวล์ช่วยเอาไว้ พร้อมตะโกนด่าแทนแฟนผีทุกคนว่า "มึงทำเฮียอะไรของมึง"
หลังจบเกมหากผมเป็น รุด ฟาน นิสเตลลอย สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกเลยคือเข้าไปปรับทัศนคติ การ์นาโช่ โดยด่วน ก่อนที่นักเตะจะออกทะเลไปมากกว่านี้ ว่ากันตามตรง แรชฟอร์ด ที่เด็กผีด่าเช้าด่าเย็นเกมนี้ยังมีประโยชน์มากกว่า