เดือนพฤศจิกายนนี้ "ทีมชาติไทย" ของเราจะมีโปรแกรมลงเตะฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ 2 นัดด้วยกัน พบกับเลบานอน ในวันที่ 14 พ.ย.67 และพบ สปป.ลาว วันที่ 17 พ.ย.นี้ ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ทั้งสองนัด
ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะเป็นการเตรียมทีมครั้งสุดท้ายของทัพช้างศึก ก่อนลงป้องกันแชมป์ฟุตบอลอาเซียน คัพ 2024 ในช่วงเดือนธันวาคมต่อไป
อย่างที่บอกว่าเดือน พ.ย.นี้ จะเป็นการเตรียมทีมครั้งสุดท้ายของทีมชาติไทย ก่อนลุยอาเซียน คัพ ดังนั้นสิ่งที่น่าติดตามก็คือการประกาศรายชื่อ 23 นักเตะในชุดฟีฟ่าเดย์ พ.ย.นี้ ว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีการไลฟ์สดประกาศรายชื่อในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้
คาดกันว่า มาซาทาดะ อิชิอิ น่าจะใช้ 2 แมตช์อุ่นเครื่องนี้เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนอาเซียน คัพ ดังนั้นนักเตะที่จะเรียกมาครั้งนี้ก็น่าจะเป็นนักเตะที่เตรียมใช้งานในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เป็นหลัก
ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่ได้เห็นทีมชาติไทย ชุดใหญ่แบบไฟกระพริบแน่ๆ เพราะปัญหาของอาเซียน คัพ หนนี้ก็คือโปรแกรมมันเตะคร่อมกันกับทั้งฟุตบอลไทยลีก บางคู่ที่เลื่อนมา รวมทั้งฟุตบอล ACL ด้วย
โดยทีมชาติไทยในอาเซียน คัพ ก็จะไม่มีนักเตะจากบรรดาทีมใหญ่หลายทีม ไม่ว่าจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก, การท่าเรือ รวมทั้งเมืองทอง ยูไนเต็ด นี่คือ 4 ทีมที่ต้องลงเตะชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ทั้งถ้วยใหญ่และถ้วยเล็ก นอกจากนี้ยังมีหลายทีมที่มีเกมตกค้างไทยลีก อย่าง บีจี ปทุมฯ และทีมอื่นๆ อีก
ดังนั้นจึงทำให้ตอนนี้ก็ยังเดาไม่ออกว่ารายชื่อทีมชาติไทยที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ จะมีใครกันบ้าง โดยข่าวที่ออกมาบอกว่า อิชิอิ จะเรียกนักเตะที่จะใช้ในอาเซียน คัพ กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือก็อาจจะเรียกตัวประสบการณ์เข้ามาประคองทีม
ในเรื่องของการเรียกตัวนักเตะ ถ้าเราจะยึดว่าจะไม่เรียกนักเตะจาก 4 สโมสรที่ลงเตะ ACL เลย มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะแข้งทีมชาติส่วนใหญ่ก็อยู่กับ 4 ทีมนี้ รวมทั้ง บีจี ปทุมฯ ด้วยอีกทีม
ซึ่งแว่วๆ ที่พอจะได้ยินมาก็คือ จะมีการขอความร่วมมือกับทุกๆ สโมสร ให้ปล่อยตัวนักเตะที่ทีมชาติต้องการมาสโมสรละ 2-3 คน เท่าๆ กัน โดยเฉพาะ 4-5 ทีมที่ได้เอ่ยชื่อไป โดยจะไม่เรียกเกินจำนวน เพื่อไม่ให้มีทีมไหนได้เปรียบเสียเปรียบ
อีกทั้งนักเตะที่เรียกตัวมาก็จะอยู่ในเกรดเท่าๆ กัน เช่นถ้าเป็นตัวหลัก 11 คนแรกของสโมสร ก็อาจจะปล่อยให้สโมสรละ 1 คน อีก 1 คนอาจจะเป็นผู้เล่นตัวหลักกึ่งสำรอง และอาจจะมีนักเตะสำรองของสโมสรมาให้อีก 1-2 คน ประมาณนี้ แล้วแต่โค้ชทีมชาติจะเลือกใครบ้าง
แต่นั่นเป็นเรื่องอาเซียน คัพ ไว้เราค่อยมาว่ากันอีกที เมื่อถึงเวลาประกาศชื่อชุดอาเซียน คัพ 2024
ส่วนการประกาศรายชื่อชุดฟีฟ่าเดย์เดือนพฤศจิกายนนี้ จริงๆ สามารถเลือกได้อย่างที่ทีมชาติไทย ต้องการ เพราะเป็นฟีฟ่าเดย์ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าโค้ชอิชิอิ ต้องการจะเตรียมทีมสำหรับอาเซียน คัพ ไปด้วย ดังนั้นเราก็คงพอจะได้เห็นว่าจะมีใครเป็นแกนหลักในอาเซียน คัพ บ้าง
จริงๆ แล้วจะว่าไปเราก็พอจะเห็นเค้าลางของแกนหลักในอาเซียน คัพ อยู่บ้างจากฟีฟ่าเดย์สองรอบที่ผ่านมา ทั้งที่เราไปเตะที่เวียดนาม เมื่อเดือนกันยายน และในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ที่จังหวัดสงขลา เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
เพราะมีหลายคนที่ โค้ชอิชิอิ เรียกไปลองดู ที่แน่ๆ เราเห็น โจนาธาร เข็มดี ที่น่าจะเป็นตัวหลักในเกมรับชุดอาเซียน คัพ อีกคนที่น่าจะเป็นตัวหลักและตัวความหวังในแดนหน้าก็คือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เพิ่งยกเลิกสัญญากับลูเวิน มา และยังไม่ได้ลงทะเบียนกับบุรีรัมย์ ก็น่าจะไปเตะอาเซียน คัพ ได้ไม่มีปัญหา
ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังต้องรอดูการประกาศรายชื่อทีมชุดนี้ว่าจะมีใครบ้าง นักเตะอย่าง นิโคลัส มิคเกลสัน ล่าสุดก็เจ็บไป ไม่รู้รอบนี้จะมาได้หรือเปล่า อีกทั้งในอาเซียน คัพ ก็ยังไม่แน่ใจว่าต้นสังกัดจะปล่อยมาหรือไม่
รวมทั้งบรรดานักเตะจาก 5 บิ๊กทีมที่บอกไป ก็ไม่รู้ว่าแต่ละทีมจะปล่อยใครมาให้บ้าง
แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้รายชื่อทั้ง 23 คนชุดฟีฟ่าเดย์เดือนพฤศจิกายน นิ่งหมดแล้ว และอิชิอิ ก็ส่งชื่อให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อส่งหนังสือขอตัวไปยังสโมสรต้นสังกัดของนักเตะแล้ว ดูแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร รอดูว่าจะมีใครกันบ้าง
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ เป้าหมายของทีมชาติไทย ในอาเซียน คัพ 2024 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของ อิชิอิ ด้วย แน่นอนว่าเราอาจจะไม่ได้ใช้ชุดใหญ่ แต่เป้าหมายก็คงไม่มีอย่างอื่น นอกจากการป้องกันแชมป์ให้ได้สามสมัยติดต่อกัน
จะว่าไปก็เป็นโจทย์ที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับยากจนเกินไป แม้เราจะบอกกันตลอดว่าควรมองข้ามอาเซียน คัพ ได้แล้ว แต่เชื่อเถอะว่า หากทีมชาติไทยไปไม่ถึงแชมป์ ก็โดนด่าแน่นอน
ดังนั้นไม่ว่าจะเอาชุดไหนไปเล่น เป้าหมายของไทยก็คือต้องเป็นแชมป์ให้ได้เท่านั้น หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศให้ได้เป็นอย่างน้อย แต่ลองคิดดูสมมติเข้าชิงได้ มันก็ต้องแชมป์แล้วปะ ได้รองแชมป์มาก็โดนอยู่ดี
เอาเป็นว่าเรื่องอาเซียน คัพ ไว้ค่อยมาว่ากัน รอเชียร์ทีมชาติไทยในเกมอุ่นเครื่องสองแมตช์ที่จะถึงนี้ก่อน แล้วเรามารอลุ้นรายชื่อทีมชาติไทย ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ว่าจะมีใครติดบ้าง?!