เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทย ของเราเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน "ฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน 2024" ซึ่งรายการนี้ทีมชาติไทยของเราถือว่าเป็นเจ้าของแชมปืมากที่สุดถึง 16 สมัย จาก 17 สมัยที่มีการจัดการแข่งขันที่ผ่านมา โดยในปี 2024 นี้ เป็นการจัดการแข่งขันครั้งที่ 18 ของฟุตซอลอาเซียน
17 ครั้งที่ผ่านมา มีเพียงครั้งเดียวที่ ไทย ของเราไม่ได้แชมป์ นั่นคือเมื่อปี 2010 ซึ่งครั้งนั้น อินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพ โดยที่ทีมชาติไทย ของเราไม่ได้ลงแข่งขันด้วย ทำให้เป็นครั้งเดียวที่ไทยไม่ได้แชมป์ และเป็น อินโดนีเซีย ที่คว้าแชมป์อาเซียนสมัยแรกไปครอง
พูดถึงฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน เหมือนจะเป็นรายการที่ชาติอื่นๆ ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ เห็นได้จากการรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน คือเรียกได้ว่าถ้าไทยเราไม่จัด ก็เหมือนจะไม่มีชาติไหนอยากเป็นเจ้าภาพรายการนี้ โดย 4 ครั้งหลังสุดที่มีการแข่งขัน ตั้งแต่ปี 2020 ไทยเราเป็นเจ้าภาพทั้งหมด
ขณะที่ 17 ครั้งที่ผ่านมา รวมครั้งนี้ครั้งที่ 18 ไทยเราเป็นเจ้าภาพมากที่สุดถึง 12 ครั้ง นอกนั้นก็จะมี เวียดนาม, มาเลเซีย ที่สลับกันเป็นเจ้าภาพบ้าง โดย อินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพครั้งเดียวในปี 2010 ที่พวกเขาเป็นแชมป์นั่นแหละ
ถามว่าทำไมชาติอื่นๆ ไม่ค่อยอยากจะเป็นเจ้าภาพ เป็นไปได้ว่าพวกเขารู้ดีว่าสู้ไทย ไม่ได้ จะจัดกี่ครั้งไทยก็เป็นแชมป์ทุกครั้ง สุดท้ายเมื่อไม่มีใครจัด ไทยเราก็ต้องจัดเองทุกครั้ง เพื่อให้รายการนี้ได้เป็นเวทีสำหรับบรรดานักฟุตซอลทีมชาติไทยหน้าใหม่ รวมทั้งดาวรุ่ง ได้มีโอกาสโชว์ฝีเท้า
ฟุตซอลอาเซียน 2024 ครั้งนี้ก็เช่นกัน เรารับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพไปจัดกันที่โคราช ซึ่งนักเตะทีมชาติไทย ชุดนี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้นักเตะอายุน้อย และแข้งทีมชาติไทย ที่หลุดไปในชุดฟุตซอลโลก ได้ลงเตะรายการนี้ เพื่อเป็นการทดลองว่าคนไหนพร้อมจะขึ้นชุดใหญ่
ด้วยความที่เราเป็นแชมป์มาทุกครั้ง ยกเว้นปี 2010 ที่ไม่ได้เตะ และยิ่งเราเป็นเจ้าภาพเองด้วย แฟนบอลทุกคน รวมทั้งบรรดากูรูในวงการฟุตซอล ต่างก็มั่นใจว่าเราจะคว้าแชมป์อาเซียน ได้อีกสมัยได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
จนกระทั่งเรามาพ่าย เวียดนาม ในนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม จบด้วยอันดับ 2 ของสาย A เข้าไปเจอกับ อินโดนีเซีย ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งความพ่ายแพ้เวียดนาม ในเกมนั้น ก็ถือว่าเสียหน้าไม่น้อย เพราะเราก็รู้อยู่ว่าไทย กับ เวียดนาม เจอกันเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล หรือฟุตซอล จะชุดไหน มันก็ห้ามแพ้เด็ดขาด
พอแพ้มาทีก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ไปตามระเบียบ โอเคจบรอบแรกไป แต่เราก็ยังได้ลุ้นแชมป์ แต่พอมารอบรองฯ เราก็ดันไปแพ้ อินโดนีเซีย ที่แบบว่าเล่นได้ไม่ดีเลย สกอร์ 5-1 กระแสโจมตีก็มาอย่างหนัก เพราะเป็นครั้งแรกที่เราจะไม่ได้เข้าชิง และจะไม่ได้เป็นแชมป์
แต่ยังดีที่สุดท้ายก็ยังกู้หน้าได้ในนัดชิงที่ 3 เอาชนะ ออสเตรเลีย ได้ 4-0 ขณะที่แชมป์รายการนี้ก็ตกเป็นของ อินโดนีเซีย ที่ชนะเวียดนาม ในนัดชิง 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา
ผลงานของ อินโดนีเซีย ในฟุตซอลอาเซียน 2024 ถือว่า 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ชนะรวดทุกนัดที่ลงสนาม ซึ่งพวกเขาก็เหมาะสมกับคำว่าแชมป์จริงๆ ในครั้งนี้
สิ่งที่เห็นจากศึกฟุตซอลอาเซียน ครั้งนี้ ก็คือ เราจะเห็นว่าวงการฟุตบอลของอินโดนีเซีย กำลังพัฒนาและยกระดับขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งฟุตบอล และฟุตซอล ตั้งแต่ระดับเยาวชน จนถึงทีมชุดใหญ่
ก่อนหน้านี้ฟุตบอลยู16 ก็คว้าที่สามอาเซียน, ยู19 เป็นแชมป์อาเซียน ล่าสุดคือฟุตซอลที่เป็นแชมป์อาเซียน
ตอนนี้เหมือนกับว่า "อินโดนีเซีย" กำลังจะก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ของอาเซียน และพร้อมประกาศศักดาว่า ข้าคือเบอร์หนึ่งอาเซียน ในเวลานี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พวกเขาจะเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียน ได้จริงไหม อยู่ที่ "อาเซียน คัพ 2024" ปลายปีนี้ ถ้าอิเหนาเป็นแชมป์ละก็...
การจะเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอันดับแรงกิ้งฟีฟ่า เพียงอย่างเดียว ซึ่งตอนนี้คะแนนฟีฟ่า ทีมชาติไทย ของเราคือทีมเบอร์หนึ่งอาเซียน อยู่ดันดับ 96 ของโลก
แต่ฟุตบอลของอาเซียน ถ้าชาติไหน ที่คว้าแชมป์อาเซียน ได้ในปีนั้นๆ ก็จะถูกยกว่าเป็นเจ้าแห่งอาเซียน ตัวจริง ซึ่งต้องบอกว่าอาเซียน คัพ ปีนี้ อินโดนีเซีย มีโอกาสสูงมากที่จะทำได้
สำหรับฟุตบอลอาเซียน ในอดีตที่ผ่านมา มันจะมีช่วงที่แต่ละชาติผลงานดีขึ้นมาทั้งชุดใหญ่ ชุดเล็ก อย่างครั้งนึง เวียดนาม ในยุคของ ปาร์ค ฮัง ซอ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียน และไปถึงระดับเอเชีย ด้วยซ้ำ ทั้งชุดใหญ่ และ ยู23
ทีมชาติไทย ของเราก็เคยไปอยู่จุดนั้น ถ้าไม่นับอดีตยุคก่อน ช่วงที่ไทยเราพึคขึ้นมาก็คือยุคโค้ชซิโก้ ที่เราเป็นทั้งแชมป์ซีเกมส์ และซูซูกิ คัพ 2 สมัยติด รวมถึงล่าสุดด้วย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นยุคของ อินโดนีเซีย ที่ก้าวขึ้นมาแบบเร็วมากๆ ทีมชุดเยาวชนทุกชุดมีพัฒนาการที่ดี ทีมชุดใหญ่ก็เข้าไปถึงรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก
ย้อนกลับมาที่ศึกฟุตซอลอาเซียน อีกครั้ง ที่เราเองมั่นใจกันว่าจะเป็นแชมป์ แต่สุดท้ายจบที่อันดับสาม ซึ่งทีมโต๊ะเล็กของเราก็เหมือนเป็นชุดสายเลือดใหม่ เป็นการเตรียมทีมเพื่ออนาคต บางคนก็เข้าใจกับการพลาดแชมป์ครั้งนี้ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ เพราะคิดแต่เพียงว่า ไทยต้องแชมป์เท่านั้น
ซึ่งเรื่องนี้ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ก็จะเจอเหมือนกันในศึกอาเซียน คัพ 2024 ที่เราเป็นแชมป์มาในสองสมัยหลังสุด แต่ครั้งนี้ทีมชาติไทยของเราจะไม่ได้ใช้ชุดใหญ่แบบฟูลทีมเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา เนื่องด้วยมีโปรแกรมไทยลีกนัดตกค้าง และโปรแกรมเอซีแอล ที่เราไม่สามารถเรียกนักเตะที่ดีที่สุดได้
ในอาเซียน คัพ ครั้งนี้จึงจะเป็นทีมชุดที่ไม่เต็มสำหรับทีมชาติไทย เน้นนักเตะสายเลือดใหม่ บวกกับตัวเก๋าที่ทีมใหญ่ปล่อยตัวมาให้ 4-5 คน ที่จะมาประคองทีมชุดนี้ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากทีมฟุตซอล ในอาเซียน คัพ ที่ผ่านมา
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ แม้ทีมช้างศึก จะไปในแบบที่ไม่ใช่ชุดใหญ่ฟูลทีม และแม้ว่าเราจะบอกว่าไม่เน้นแชมป์ เน้นให้โอกาสสายเลือดใหม่ พร้อมก้ามข้ามอาเซียน อะไรก็แล้วแต่ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่สุดท้ายแล้วพอถึงเวลาแข่งขัน แฟนบอลทุกคนก็จะต้องคาดหวังกับการเป็นแชมป์ ยิ่งเป็นอาเซียน คัพ ของ "อิชิอิ" ด้วย ทุกคนย่อมคาดหวัง และลึกๆ เองก็เชื่อว่าสมาคมฯ รวมทั้ง อิชิอิ เองก็อยากจะพาทีมไปให้ถึงแชมป์นั่นแหละ
เพียงแต่ว่าถ้าสุดท้ายเราพลาดท่าขึ้นมา เหมือนกับฟุตซอล อาจจะได้แค่รองแชมป์ หรืออาจะตกรอบไม่ได้เข้าชิง ก็ให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย
ซึ่งแน่นอนมันก็จะมีคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นสมาคมฯ เอง ทีมชาติไทย เองก็ต้องเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี แม้ อินโดนีเซีย กำลังมาแรงแค่ไหน แต่ทีมชาติไทยเรา ด้วยดีกรีทีมอันดับ 96 ของโลก ดีสุดในอาเซียน ก็คงไม่ยอมง่ายๆ เช่นกัน
บอกได้เลยว่า อาเซียน คัพ ปลายปีนี้ โคตรน่าดู น่าเชีย และน่าลุ้นว่าทีมไหนจะเป็นแชมป์?!!!