ช้างศึกชุดนี้ ดีพอไหม? กับภารกิจ "ป้องกันแชมป์อาเซียน"

ทีมชาติไทย ทำการประกาศรายชื่อ 26 นักเตะ ชุดลุยศึกฟุตบอลอาเซียน คัพ 2024 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ววานนี้ (26 พ.ย.67) ซึ่งก็ไม่มีอะไรพลิกโผ หรือเซอร์ไพรส์มากนัก

ทีมชุดนี้แม้จะเน้นที่แข้งดาวรุ่งอายุน้อย แต่ก็พอจะมีตัวเก๋ามาประคองบ้าง อีกทั้งพวกอายุน้อยเองหลายคนก็เป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่ทั้งนั้น พอเห็นรายชื่อแล้วก็ถือว่าเป็นทีมที่มีสมดุลใช้ได้

คราวนี้เราจะมาเจาะกันทีละตำแหน่ง รวมถึงวิเคราะห์กันด้วยว่า ทีมชุดนี้ดีพอไหม? กับการป้องกันแชมป์อาเซียน คัพ สมัยที่ 3 ติดต่อกัน เรามาว่ากันไปทีละเรื่อง 

เริ่มที่รายชื่อทั้ง 26 คน ให้ดูกันอีกครั้ง รายชื่อมีดังนี้

ตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่เรียกมา 3 คน แทบจะเป็นชุดใหญ่ที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ใช้มาโดยตลอดในช่วงหลัง มีทั้ง ปฏิวัติ คำไหม มือหนึ่งจาก ทรู แบงค็อก อีกคน กรกฏ พิพัฒน์นัดดา จากระยอง ช่วงหลังถือว่าเป็นขาประจำ แต่ที่เซอร์ไพรส์ก็คือการกลับมามีชื่อติดทีมชาติไทยอีกครั้งของ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล นายด่านราชบุรี ซึ่งก็เข้ามาแทนที่ของ สรานนท์ อนุอินทร์ ที่หลุดไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุอันใด

ซึ่งถ้าเราดูรายชื่อให้ดีๆ ก็จะเห็นว่า ทีมชาติไทย ชุดนี้ไม่มีนักเตะจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด เลย เข้าใจว่าทั้งสองทีม รวมถึงทีมอื่นๆ มีโปรแกรมไทยลีก นัดตกค้างในช่วงเดือนธันวาคมเหมือนกัน แต่ทุกสโมสรก็พร้อมใจที่จะปล่อยนักเตะบางคนมาร่วมทีมชาติ อยู่ที่โค้ชจะเลือกใคร และสโมสรโอเคที่จะปล่อยหรือเปล่า

เราก็จะเห็นนักเตะจากบุรีรัมย์, การท่าเรือ, ทรู แบงค็อก บรรดาทีมใหญ่ที่ก็มีโปรแกรมทั้ง ACL และไทยลีก นัดตกค้าง ก็ปล่อยตัวนักเตะมาให้ แต่สำหรับของ บีจี ปทุมฯ กับ เมืองทองฯ ไม่ใช่ว่าสโมสรไม่ปล่อย แต่อาจจะเป็นเพราะ อิชิอิ ไม่เลือกหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่มีใครรู้ได้ เอาเป็นว่าทีมชาติไทยชุดนี้ ไม่มีนักเตะ บีจี และ เมืองทอง ก็แล้วกัน!!

 มากันที่กองหลัง ก็มาเกือบจะครบนำโดย โจนาธาร เข็มดี, นิโคลัส มิคเกลสัน, พรรษา เหมวิบูลย์ รวมทั้ง ศฤงคาร พรมสุภะ อีกคน เห็นชื่อแค่นี้ก็พอจะอุ่นใจกับแนวรับ ส่วนที่เหลือก็ถือว่าโอเค จะมีเซอร์ไพรส์หน่อยก็คือ กฤษฎา นนทรัตน์ แนวรับตัวสำรองจากบียู ที่ก็ไม่รู้ว่า ทำไมถึงเลือกมาท แต่เมื่อมาแล้วก็ถือว่าโอเคตามนั้น

แดนกลางเมื่อเห็นชื่อของ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ติดมาด้วยก็โล่งใจไปอีกเปาะนึง ก็สบายใจได้ว่ามีตัวเก็บบอลตรงกลาง และคอยเชื่อมเกม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ขาดในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีตัวเก็าอย่าง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี มีสายพลังงานอย่าง วิลเลี่ยม เวเดอร์เฌอ กับ เสกสรรค์ ราตรี ก็ถือว่าใช้ได้

ตัวรุกที่น่าสนใจคือมี เบนจามิน เดวิส จากอุทัยธานี ที่กำลังฟอร์มสด ซึ่งตัวนี้ผมเชียร์ส่วนตัวให้เรียกมาตั้งแต่ชุดที่แล้ว แต่มีชื่อในอาเซียน คัพ ครั้งนี้ก็ถือว่าโอเค นอกจากนี้ก็ยังมี วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่แฟนบอลอาจจะบ่นว่ายี้ แต่ส่วนตัวผมว่า วรชิต จะช่วยทีมได้เยอะ และเล่นได้ทั้งตัวบน และตัวล่าง น่าจะได้ประโยชน์

อีกคนที่เห็นชื่อแล้วก็ชื่นใจก็คือ สุภโชค สารชาติ ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่มา สุดท้ายได้ตัวมาก็น่าจะทำให้เกมรุกของเราจัดจ้านขึ้น รวมทั้ง เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ในรายการนี้

ที่น่าเป็นห่างอาจจะเป็นทางฝั่งขวา เพราะแทบไม่มีตัวรุกอาชีพฝั่งขวาเลย ดูแล้วอาจจะต้องขยับ เบน หรือ ศุภณัฏฐ์ หรือบางทีอาจจะเป็น สุภโชค ไปเล่นตรงนั้น 

ขณะที่แดนหน้าเรียกมาสามคน คือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ซึ่งน่าจะเป็นตัวความหวัง อีกสองคนคือ พาตริก กุสตาฟส์สัน ที่ยิงใส่เวียดนาม ได้ในเกมอุ่นเครื่อง และอีกคนคือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย จากการท่าเรือ ที่จะได้เล่นชุดใหญ่แบบเต็มๆ สักที

แต่ที่น่าเสียดายเลยคือ ปรเมศย์ อาจวิไล ที่ดวงไม่สมพงษ์กัน ซึ่งถ้ามี เจ้าฟรองซ์ อีกคน เกมรุกไทยน่าจะครบเครื่องมากกว่านี้

ลองดูผังในตำแหน่งต่างๆ ของทีมชาติไทย ชุดนี้ ว่าแต่ละคนเล่นตรงไหนกันบ้าง 

คราวนี้เราลองมาคาดการณ์ 11 ตัวจริง ว่าทีมชาติไทยชุดนี้ จะมีหน้าตาแบบไหน จากความคิดเห็นส่วนตัว เอา ณ เวลานี้ ในระบบ 4-2-3-1 

ประตู : ปฏิวัติ คำไหม

กองหลัง : นิโคลัส มิคเกลสัน / โจนาธาร เข็มดี / พรรษา เหมวิบูลย์ / ทิตาธร อักษรศรี

กองกลางตัวรับ : พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี / วีระเทพ ป้อมพันธุ์

กองกลางตัวรุก : ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา / เบนจามิน เดวิส / สุภโชค สารชาติ

กองหน้า : พาตริก กุสตาฟส์สัน

จากรายชื่อถามว่าชุดนี้ดีพอไหมกับการป้องกันแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน บอกตามตรงว่ายังไม่กล้าการันตีขนาดนั้น แต่ก็เชื่อว่าชุดนี้ดีพอที่จะผ่านรอบแรกไปได้ และดีพอที่จะเป็นแชมป์กลุ่มด้วย

ซึ่งในรอบรองชนะเลิศ ก็ไปลุ้นกันว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ถ้าสมมติว่าเข้าชิงได้สำเร็จ ผมมั่นใจทีมชาติไทย เป็นแชมป์แน่นอน

แต่อย่างไรก็ดีนี่คืออาเซียน คัพ ครั้งแรกของ มาซาทาดะ อิชิอิ รวมทั้งที่ผ่านมายังไม่เคยมีชาติไหนที่เป็นแชมป์อาเซียน 3 สมัยติดต่อกัน 

แต่ไม่แน่ "ทีมชาติไทย" อาจจะเป็นทีมแรกที่ทำได้ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้!!