logo-heading

ประเด็นหลังเกม ! หงส์แดง แรงทะลุโลกันต์ เปิดรังขยี้ เรือใบ 2-0

[ หงส์แดง เกมรุกกระสวกไส้แตก ]

แม้ว่าฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมจะต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ด้วยความที่ ลิเวอร์พูล ต้องปะทะกับ แมนฯ ซิตี้ ภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แน่นอนว่าไม่ใช่งานง่าย บวกกับสถิติก่อนหน้านี้ที่ ทัพหงส์แดง เก็บชัยชนะได้เพียง 2 เกมเท่านั้นที่ต่อกรกับ พลพพรคเรือใบสีฟ้า

แต่พอผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกมที่ แอนฟิลด์ เป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ไม่รู้ไปโกรธใครมา ไล่บดบี้ขยี้ทุกดอกจนทีมเยือนโงหัวไม่ขึ้น

3 ผู้เล่นในหน่วยล่าสังหารอย่าง หลุยส์ ดิอาซ, โคดี้ กักโป และ โม ซาล่าห์ วินาทีนี้ต้องบอกว่าร้อนแรงเกมห้ามใจดีเหลือเกิน นอกจากจะสอดประสานกันได้อย่างเข้าขารู้ใจแล้ว ยังทำหน้าเพรสซิ่งได้ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

หลังจากขึ่งเกมใส่ประมาณ 10 นาที ทัพหงส์แดง ก็มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากการวางบอลยาวอันแม่นยำของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มาให้ โม ซาล่าห์ ก่อนจ่ายตัดแผงหลัง แมนฯ ซิตี้ ไปถึง โคดี้ กักโป เข้ามาแท็ปอินจ่อๆเข้าไป

พอได้ ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำก็ไม่มีทีท่าว่าพวกพรี่ๆ จะผ่อนเกมเลยแม้แต่น้อย จนเกือบบวกประตูที่สองได้อยู่หลายครั้งหลายหน แต่ด้วยความเฉียบขาด ทำให้จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ที่นำห่างแค่ประตูเดียว ด้วยรูปเกมที่ต้องบอกว่า เอาท์ คลาส อย่างแท้จริง

[ เป๊ป เมาหมัดของแท้ ]

ตัดกลับมาที่ทางฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยความที่พวกเขาไม่สามารถคว้าชัยได้เลยตลอด 6 เกมที่ผ่านมา แถมเป็นการพ่ายแพ้ถึง 5 เกม หากต้องการเรียก โมเมนตั้ม กลับคืนมา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบุกมากำราบ หงส์แดง ให้ได้เพียงสถานเดียวเท่านั้น

แต่พอดูไปดูมาเหมือน แมนฯ ซิตี้ จับต้นชนปลายไม่ถูก พยายามที่จะเล่นในแบบที่ตัวเองถนัด นั่นคือการสร้างเกมจากแดนหลัง แต่พอทำไม่ได้เนื่องจากการเล่นเพรสซิ่งของ ลิเวอร์พูล เรียกได้ว่าต่อบอลกันไม่ถึงครึ่งสนามเลยด้วยซ้ำ

ถึงกระนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนวิธีการเล่นแต่อย่างใด พยายามดันทุรังเล่นอยู่แบบนั้น เหมือนคนที่กำลังเมาหมัดจนทำอะไรไม่ถูก

แถมการจัดตัวของ เป๊ป ที่เกมนี้เลือกใช้ ริโก้ ลูอิส และ มาเธอุส นูเนส มาเล่นเป็นปีก แล้วดรอป เฌเรมี่ โดกู และ ซาวินโย่ ที่เป็นตัวริมเส้นธรรมชาติไว้บนม้านั่งสำรอง ทำให้เกมริมเส้นทั้งสองฝั่งของ แมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถสร้างความลำบากใจให้กับ ลิเวอร์พูล ได้เลยแม้แต่น้อย

ชั่วโมงนี้ต้องบอกว่าการตัดสินใจของ เป๊ป ดูจะผิดพลาดไปหมดจริงๆ ทั้งการจัดตัว หรือการวางแท็คติกในสนาม เหมือนพี่แกพยายามปรับแผนทดแทนการขาดหายไปของ โรดรี้ แต่ดูๆแล้วยิ่งปรับยิ่งพัง

หากวันนี้ ลิเวอร์พูล จบสกอร์กันคมๆหน่อยคงไม่จบที่สองประตู น่าจะมีขั้นต่ำ 3-4 เม็ดแน่ๆ

[ ต่อสัญญาเถอะ ]

ส่วนในเรื่องการต่อสัญญาของนักเตะทั้งสามคนอย่าง ฟาน ไดค์, เทรนต์ และ ซาลาห์ เกมนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาเหล่านี้สมควรรับมันมากแค่ไหน

เริ่มกันที่ เทรนต์ ถึงแม้ว่า คอเนอร์ แบรดลีย์ จะโชว์ฟอร์มสุดไฉไลในเกมพบ เรอัล มาดริด ชนิดที่จับ เอ็มบัปเป้ จนอยู่หมัด แต่ด้วยสกิลการจ่ายบอลของ เทรนต์ ที่สามารถตัดสินประตูได้เลยจากที่เราได้เห็นในเกมวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ แบรดลีย์ ไม่สามารถทำได้

ส่วน ฟาน ไดค์ ลูกพี่ใหญ่ในแผงแนวรับของ ลิเวอร์พูล การที่ทีมเสียเพียงแค่ 8 ประตูใน พรีเมียร์ลีก ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ ฟาน ไดค์ เต็มๆ นอกจากจะทำหน้าที่ได้เหนียวแน่นแข็งแกร่งแล้ว ยังช่วยยกระดับแผงเกมรับให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ฮาแลนด์ ที่ว่าแน่ๆเจอ ฟานไดค์ ชั่วโมงนี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน

และคนสุดท้าย โม ซาลาห์ คนนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาสำคัญกับ ลิเวอร์พูล มากแค่ไหน ถึงแม้บางเกมจะเล่นไม่ดี เลี้ยงติด จ่ายไม่ผ่าน แต่ขอโอกาสเน้นๆสักที เขาสามารถเสกชัยชนะให้ทีมได้เลย 

ส่วนเกมนี้ บังโม ก็ทั้งยิงทั้งจ่าย มีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะเหนือ แมนฯ ซิตี้ ทำให้ บังโมกดไปแล้ว 13 ประตู กับอีก 11 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 20 นัดรวมทุกรายการ ด้วยตัวเลขสถิติดังกล่าวเป็นเครื่องการันตีได้ว่า โม ซาลาห์ ยังโคตรสำคัญกับ ลิเวอร์พูล

ซึ่งหลังจบเกมพี่แกได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องการต่อสัญญาว่า "บอกตามตรงเรื่องนั้นมันยังอยู่ในหัวผมจนถึงตอนนี้ นี่คือเกมสุดท้ายของผมที่ได้ดวลกับ แมนฯ ซิตี้ ในฐานะผู้เล่น ลิเวอร์พูล "

"ผมจะสนุกกับมันทุกวินาที และเราจะคว้าแชมป์ลีก แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

จากประโยคที่ ซาลาห์ ได้กล่าวมาทำเอาสาวก เดอะ ค็อป หายใจไม่ทั่วท้อง เหมือนกับบอกเป็นนัยๆว่านี่คือปีสุดท้ายที่เขาจะอยู่กับ ลิเวอร์พูล

ส่วนเรื่องการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปีนี้ของพวกพรี่ๆ ขอบอกได้เลยว่า หวานเจี๊ยบบบบ..

- บีเบลล์ กูนเนอร์ -
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline