logo-heading

ก่อนจะไปว่ากันที่รายชื่อ ขอพูดถึงพิธีการประกาศรายชื่อในครั้งนี้หน่อย ซึ่งทุกคนคงจะได้รับชมกันไปแล้วในการไลฟ์สดเมื่อคืนวานนี้ (26 ส.ค.68) ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติครั้งแรกของโลกก็ว่าได้

ด้วยการประกาศผ่านระบบ 3D Projection Mapping ที่มีจอเป็นพื้นกำแพงสนามศุภชลาศัย สนามฟุตบอลที่เป็นจุดเริ่มต้นของฟุตบอลคิงส์ คัพ ซึ่งทั้งภาพ แสง สี เสียง ถือว่าทำได้ดี ยิ่งใหญ่อลังการ

ดูแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจดี ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความหึกเหิม ซึ่งถ้าเราเป็นนักเตะ แล้วมีรูปของเรา พร้อมการประกาศชื่อบนผนังสนามศุภฯ แบบนี้ก็คงจะรู้สึกเป็นเกียรติ และภูมิใจไม่น้อย

ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของการประกาศรายชื่อทีมชาติไทย ที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอล และผู้สนับสนุนอย่าง บี-ควิก เขาเตรียมการไว้เซอร์ไพรส์แฟนบอลชาวไทย ซึ่งก็เซอร์ไพรส์จริงๆ เพราะก่อนงานเริ่มและระหว่างประกาศรายชื่อมีฝนตกลงมาตลอด แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

จริงๆ ก่อนงานจะเริ่มก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหมือนกันว่าทำไมต้องประกาศรายชื่อตอนกลางคืน นึกว่าเป็นทีมชาติอังกฤษ แล้วใช้เวลาที่ยุโรป แต่พอเห็นงานที่ออกมา ก็เข้าใจละว่าทำไม

มาว่ากันที่เรื่องของรายชื่อ 23 คนที่ประกาศออกมาดีกว่า ก็มีทั้งที่ถูกใจ เป็นไปตามคาด และก็มีทั้งคำถามมากมายจากแฟนบอลโดยเฉพาะในโลกโซเชี่ยล ว่าทำไมคนนู้นคนนี้ไม่ติด บอกเลยว่านี่คือปัญหาโลกแตก จะประกาศมายังไง ก็มีคำถามนี้ตลอด

แต่ส่วนตัวก็เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของโค้ชอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ ซึ่งสุดท้ายรายชื่อจะถูกใจไม่ถูกใจ ก็ไปว่ากันที่ผลงาน และให้ผลการแข่งขันในสนามเป็นคำตอบ!!

รายชื่อที่ออกมาตำแหน่ง ผู้รักษาประตูไม่ผลิกโผ มาตามนัดทั้งสามคน ไม่ว่าจะเป็น ปฎิวัติ คำไหม, สรานนท์ อนุอินทร์ และ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล

กองหลังซิดูน่าเป็นห่วงเพราะไม่มีตัวหลักขาประจำอย่าง เอเลี่ยส ดอเลาะ และ โจนาธาร เข็มดี ที่ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ทั้งคู่ ในไทยลีกก็ยังไม่ได้ลงสนามเลย 

แต่ที่เซอร์ไพรส์คือมีชื่อของ ณัฐพงษ์ สายริยา กองหลังวัย 33 ปี จากชลบุรี เอฟซี ที่มีชื่อติดทีมชาติไทยครั้งแรก อีกคนคือ นิโคลัส มิคเกลสัน ที่กลับมามีชื่ออีกครั้ง หลังจากรอบที่แล้วมีอาการบาดเจ็บ

ซึ่งแนวรับทีมชุดนี้คงต้องฝากความหวังไว้ที่ สุพรรณ ทองสงค์ และ ศฤงคาร พรหมสุภะ ที่น่าจะได้เป็นคู่เซ็นเตอร์ตัวหลัก ส่วนแบ็กซ้าย-ขวา ก็น่าจะเป็น ศุภนันท์ กับ มิคเกลสัน

แดนกลางนำโดยกัปตันทีมอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ คนนี้ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยยังไงก็ต้องมา แล้วก็ยังมี เบน เดวิส ขวัญใจแม่ยก, สุภโชค สารชาติ และการกลับมาติดทีมชาติไทยในรอบ 2 ปี ของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ห้องเครื่องไดนาโมที่หายไปนาน

ส่วนกองหน้า 3 คนก็มี ศุภชัย ใจเด็ด, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ซึ่งสองคนนี้ก็ผลงานดีในลีก ส่วนอีกคนคือ ปรเมศย์ อาจวิไล จากจูบิโล่ อิวาตะ ที่หายไปก็คือ “ต้าวแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่แม้จะหายเจ็บกลับมาลงสนามได้แล้ว แต่สโมสรก็คงไม่อยากเสี่ยง และกลัวจะเจ็บเพิ่ม แต่สามคนที่เรียกมาก็ถือว่าโอเค

แต่นักเตะที่ถูกตั้งคำถามทุกรอบก็คือ “ธีราทร บุญมาทัน” ที่ไม่มีชื่ออีกแล้ว ซึ่งหลังจบงานแถลงข่าว อิชิอิ ก็ให้สัมภาษณ์เองว่า ทางบุรีรัมย์แจ้งว่านักเตะไม่พร้อม ซึ่งอุ้มก็น่าจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนพอดี ในเกมลีกล่าสุดก็ไม่ได้ลงสนาม ดังนั้นไม่น่ามีอะไรในกอไผ่ ไว้รอบต่อไปถ้าอุ้มผลงานดี แล้วสภาพร่างกายฟิตเต็มร้อย ถ้ายังไม่มีชื่ออีกค่อยมาว่ากัน

สำหรับรายชื่อ 23 คนที่ประกาศออกมา ก็ไม่ถึงกับฟูลทีม แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นไม่มีตัวหลักอะไรขนาดนั้น ที่น่าเป็นห่วงก็คือตำแหน่งกองหลังนี่แหละ ที่เราขาดเซ็นเตอร์ตัวหลักไปทั้งสองคน ยังดีที่มี มิคเกลสัน กลับมา ไม่เช่นนั้นก็ดูไม่จืด

ตำแหน่งอื่นๆ ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร โดยเฉพาะเกมแรกกับ ฟิจิ 4 ก.ย.นี้ ถ้าไม่จัดสำรองลงเชื่อว่าน่าจะผ่านได้ ส่วนรอบชิงก็ไปวัดกับอิรัก เอา เป็นไงเดาคู่ชิงให้ก่อนเลย ส่วนสุดท้ายจะแชมป์ไม่แชมป์ เป็นอีกเรื่อง แต่ขอดูวิธีการ และฟอร์มการเล่นหน่อย ว่าดีขึ้นจากรอบก่อนหรือไม่ ที่บุกไปแพ้เติร์กเมนิสถาน 3-0 ในเอเชี่ยน คัพ รอบคัดเลือก

จากนี้ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าจะมีนักเตะคนไหนถอนตัวหรือไม่ เพราะยังมีไทยลีกเตะอีก 1 นัดสุดสัปดาห์นี้ ก่อนที่นักเตะจะมารายงานตัวเข้าแคมป์ 

ในส่วนของแฟนบอลทีมชาติไทย เราก็คงต้องให้กำลังใจ และรอเชียร์ทีมชาติไทย ป้องกันแชมป์ในศึกคิงส์ คัพ หนนี้เอาไว้ให้ได้อีกหนึ่งสมัย แล้วเจอกันที่กาญนะจ๊ะบุรี 4-7 กันยายนนี้!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline