logo-heading

ค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายนนี้ ได้เวลาแฟนบอลไทย รวมใจเชียร์ทีมชาติไทย กันอีกครั้ง กับนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 โดยทัพช้างศึก จะต้องเจอกับ ทีมชาติอิรัก ที่สนามกีฬากลีบบัว จ.กาญจนบุรี เวลา 2 ทุ่มตรง

ผลงานนัดแรกของทั้งสองทีม ทีมชาติไทย ของเราเอาชนะ ฟิจิ มาได้แบบสบายๆ 3-0 จากการยิงของ เบนจามิน เดวิส, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย และ ปรเมศย์ อาจวิไล ผลการแข่งขันอาจจะน่าพอใจที่ชนะได้ 3-0 แต่จากรูปเกมเราน่าจะยิงได้ยอะกว่านี้ จากโอกาสที่ทำได้ อย่างน้อยๆ ต้องมี 4-0 ถึง 5-0

ในขณะที่ อิรัก เกมแรกชนะฮ่องกง มาได้ 2-1 ซึ่งโดนฮ่องกง นำไปก่อนจากจุดโทษ ก่อนที่ โมฮัมเหม็ด อาลี จะลงมาเป็นสำรองทีเด็ด ยิงคนเดียว 2 ประตู พาทีมผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศ กับทีมชาติไทย 

สำหรับ ไทย กับ อิรัก เพิ่งจะเจอกันมาในรอบชิงชนะเลิศคิงส์ คัพ เมื่อสองปีที่แล้ว ในฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ที่สนามสมโภช เชียงใหม่ 700 ปี ซึ่งเกมนั้นไทยเราแพ้จุดโทษไป 5-4 หลังเสมอกันในเวลา 2-2

และถ้าใครจำได้ ฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งนั้น เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ อิชิอิ กับทีมชาติไทย ในตำแหน่งประธานเทคนิคทีมชาติ ซึ่งตอนนั้นกุนซือช้างศึกคือ มาโน่ โพลกิ้ง 

นี่จึงเป็นการพาทีมชาติไทย เจอกับ อิรัก อีกครั้ง ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลคิงส์ คัพ ของ มาซาทาดะ อิ ชิอิ จะจบด้วยการล้างแค้น หรือโดนย้ำแค้น ต้องรอดูกัน

สิ่งที่หลายคนให้ความสนใจในเกมนี้ก็คือ เซนเซอิชิอิ จะจัดทัพ 11 คนแรกยังไง ซึ่งในเกมก่อนที่จัดชุดสำรองเป็นหลัก มีหลายคนทำผลงานได้ดี ในเกมที่ชนะฟิจิ โดยเฉพาะในรายของ เบนจามิน เดวิส ที่แฟนบอลส่วนใหญ่เชียร์ให้เป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งก็ต้องมารอดูกันว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า

แต่จากที่ผ่านๆ มา อิชิอิ มักจะจัดตัวคนละชุดกันถ้าเป็นเกมที่ต้องลงเตะ 2 นัดแบบนี้ โดยที่ไม่ใช่รายการเมเจอร์ อย่างคราวก่อนอุ่นเครื่อง อินเดีย ชนะ 2-0 จัดสำรองลงมีหลายคนเล่นดี แต่พอบุกไปเยือน เติร์ก เมนิสถาน ในรอบคัดเลือกเอเชี่ยน คัพ จัดชุดใหญ่ สุดท้ายแพ้กลับมา

ครั้งนี้ก็คิดว่าคงจะเป็นแบบนั้น น่าจะมีการปรับเปลี่ยนจากเกมแรกหลายคน และผู้เล่นตัวหลักน่าจะกลับมาเป็นตัวจริง

แผนการเล่นน่าจะยึดระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม ผู้รักษาประตูจะเปลี่ยนจาก สรานนท์ อนุนอินทร์ มาเป็น ปฏิวัติ คำไหม กองหลัง 4 คน ทางขวา ศุภนันท์ บุรีรัตน์ น่าจะได้ยืนประจำการ ส่วนทางซ้ายถึงเวลาของ นิโคลัส มิคเกลสัน

คู่เซ็นเตอร์เกมแรก สุพรรณ ทองสงค์ จับคู่กับ ณัฐพงษ์ สายริยา ซึ่งในรายของ สุพรรณ มีอาการบาดเจ็บ คาดว่าจะได้พัก ส่วน ณัฐพงษ์ ทำผลงานได้ดี คาดว่าจะยังได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และน่าจะจับคู่กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ

แดนกลาง พีรดนย์ ที่เล่นดีเกมแรก แต่จบเกมก็มีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า คาดว่าจะได้พักเช่นกัน อาจจะเป็น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ หรือ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ที่ลงมาแทน โดยจับคู่กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ผลงานดีเกมแรก โดยมี ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทีมได้ลงสนามมาโชว์ตัวแน่นอนในเกมนี้

สามกองหน้าทางขวาเป็น เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่เกมแรกลงมาสำรองมีโอกาสหลายครั้ง เกมนี้เล่นที่บ้านเกิดน่าจะได้ลงตัวจริง ทางซ้ายก็น่าจะเป็น สุภโชค สารชาติ ส่วนหน้าเป้า ศุภชัย ใจเด็ด ก็น่าจะออกสตาร์ท 11 คนแรกเช่นกัน

จากการคาดการณ์ก็ดูแล้วแฟนบอลอาจจะผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มี เบน เดวิส เป็นตัวจริง แต่คิดอีกมุมก็ให้ เบน ได้พักบ้าง และก็ยังมีโอกาสได้ลงเป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา, ปรเมศย์ อาจวิไล และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ก็เล่นได้ดีในเกมแรก

อย่างไรก็ดีนี่เป็นการคาดการณ์ สุดท้ายก็ต้องรอดูของจริง ว่า “อิชิอิ” จะจัดตัวมาแบบไหน บางทีก็เดาใจยากเหมือนกัน หรืออาจจะไม่ตรงตามที่คาดการณ์ก็ได้ 

เกมนี้เจอกับอิรัก ที่ถือว่าเป็นทีมที่เหนือกว่า เราเป็นรองแน่นอน แต่ด้วยการที่เราเล่นในบ้าน และคาดว่าแฟนบอลน่าจะเข้ากันไปเต็มความจุสนามกลีบบัวแน่ๆ และด้วยศักดิ์ศรีการเป็นเจ้าภาพและแชมป์เก่า ก็หวังว่าเราจะทำผลงานได้ดี และป้องกันแชมป์คิงส์ คัพ ให้อยู่ในเมืองไทย ได้อีกสมัย!!

#ชิชาริเต่า 
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline