logo-heading

อีกครั้งที่ทีมชาติไทย พ่ายให้กับ อิรัก ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลคิงส์ คัพ ซึ่งครั้งแรกคือปี 2023 ในคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ที่เชียงใหม่ ครั้งนั้นเสมอในเวลา 2-2 ก่อนจะดวลจุดโทษ อิรัก ชนะไป 5-4

และล่าสุดเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.68) กับนัดชิงชนะเลิศคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 ที่กาญจนบุรี เราก็แพ้ อิรัก ไป 0-1 ได้แค่รองแชมป์ ส่วน อิรัก ก็เป็นแชมป์รายการนี้สมัยที่สอง

สำหรับผลงานของทีมชาติไทย ในคิงส์ คัพ ครั้งนี้ ชนะ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 3 ประตู เสีย 1 ประตู โดยรวมก็ไม่ได้แย่อะไร โดยเฉพาะการแพ้ให้กับ อิรัก ในนัดชิงชนะเลิศนั้น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะ อิรัก เป็นทีมที่เหนือกว่า 

ส่วนในเรื่องของรูปแบบและวิธีการ เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้เล่นแย่อะไร ทำได้ดีในระดับนึง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ดีพอ และไม่ถึงกับดีมากที่จะทำให้แฟนบอลประทับใจกับผลงานในครั้งนี้

โดยเฉพาะเรื่องที่เห็นได้ชัดเลยก็คือการจบสกอร์ ซึ่งเป็นปัญหาตั้งแต่เกมแรกแล้ว ที่เราชนะ ฟิจิ 3-0 ก็จริง แต่จากโอกาสเราควรจะยิงได้ถึง 5-6 ลูก ถ้าเราเน้นๆ หน่อย แต่โอเค ชนะผ่านเข้ามาชิงได้ก็ถือว่าตามเป้า

แต่พอมานัดชิง แม้เราจะเล่นได้ดีในระดับนึง แต่มันก็ยังไม่ดีพออย่างที่บอก เรามีโอกาสจะแจ้งหลายต่อหลายครั้งที่ควรจะเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ แต่ก็พลาดโอกาสไป นี่คือสิ่งที่ อิชิอิ จะต้องไปทำการบ้าน โดยเฉพาะในเดือนหน้าที่เราจะต้องลงเตะเอเชี่ยน คัพ รอบคัดเลือก กับไต้หวัน สองนัดติดต่อกัน

อย่างไรก็ดี ถ้ามองว่านี่คือเกมอุ่นเครื่อง เราก็ได้อะไรมากเลยทีเดียวกับสองเกมนี้ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข ในเกมต่อไปที่สำคัญมากๆ กับฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ รอบคัดเลือก ซึ่งเราจะแพ้ไม่ได้อีกแล้ว

สองนัดถัดไปในเดือนตุลาคม ที่เราจะเล่นในบ้านพบไต้หวัน ในวันที่ 9 ตุลาคม และออกไปเยือนในวันที่ 14 ตุลาคม สองเกมนี้โจทย์ของช้างศึก คือต้องเก็บให้ได้ 6 แต้มเต็มเท่านั้น เพื่อที่จะอยู่ในเส้นทางของการลุ้นไปเล่นรอบสุดท้ายที่ซาอุดิอาระเบีย ในปี 2027 ต่อไป 

แต่หากแพ้เกมใดเกมนึง ก็คงจะหมดลุ้นในการไปลุยเอเชี่ยน คัพ รอบสุดท้ายทันที และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งสำหรับทีมชาติไทย

ถ้าให้ตัดเกรดของทีมชาติไทย ในคิงส์ คัพ ครั้งนี้ก็เอาไปสัก B- ก็แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ยังเห็นนักเตะหลายคนที่ทำผลงานได้ดีอย่าง ณัฐพงษ์ สายริยา กับการติดทีมชาติไทย ครั้งแรก แม้จะมีจังหวะจ่ายบอลผิดพลาดอยู่บ้าง แต่เกมรับถือว่าทำได้ดี

เบน เดวิส ก็เล่นได้ตามมาตรฐาน แต่นัดชิงก็อาจจะเล่นไม่ค่อยออก อีกคนคือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ทุ่มเทเกินร้อย ทั้งเกมรุก และเกมรับ ลงมาช่วยหลายจังหวะ พีรดนย์ เอง แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะ แต่ในสองเกมนี้กับบทบาทกองกลางตัวรับของทีม ก็ถือว่าทำได้ดี

ซึ่งจริงๆ แล้วนักเตะทุกคนก็สู้กันเต็มที่ วิ่งกันเต็มที่แล้ว แต่อย่างที่บอก เราเจอทีมที่เหนือกว่าอย่าง อิรัก และเมื่อเขามีโอกาสก็ทำได้ และจะว่าไปจากรูปเกม อิรัก เองก็เหมาะสมกับการเป็นผู้ชนะ

แต่ในเกมเมื่อคืนนี้ก็มีอยู่ช็อตนึงช่วงท้ายเกมที่เกือบจะมีการวางมวย ซึ่งเป็นจังหวะที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ โดน โมฮานัด อาลี คนยิงประตูเตะตัดขาแบบน่าเกลียด และโดนใบแดง ทำให้นักเตะทีมชาติไทยต่างไม่พอใจและกรูกันเข้าไปเกือบจะมีการวางมวยเกิดขึ้น โชคดีที่สุดท้ายก็แยกย้ายกันไป และเล่นต่อได้จนจบ ถ้าเมื่อคืนนี้มีอะไรบานปลายไปละก็ บอกเลยว่าดูไม่จืด

สุดท้ายก็ขอแสดงความยินดีกับ อิรัก ที่คว้าแชมป์คิงส์ คัพ ได้เป็นสมัยที่สอง ส่วนทีมชาติไทย ก็ต้องเอาความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไปปรับปรุงแก้ไข และกลับมาคืนฟอร์มให้ได้ในเกมพบกับไต้หวัน อย่างไรแล้วแฟนบอลชาวไทย ก็ยังพร้อมหนุนหลัง และเชียร์ทีมช้างศึกของเราต่อไป 

#ชิชาริเต่า 
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline