ก่อนหน้านี้ทีมชุดใหญ่ เพิ่งจะคว้ารองแชมป์ฟุตบอลคิงส์ คัพ มาหมาดๆ แฟนบอลก็เซ็งกันไปนิดหน่อย ถ้าย้อนกลับไปอีกกับทีมบอลหญิง ที่ได้แค่อันดับ 4 อาเซียน ในรอบคัดเลือกเอเชีย ก็ตกรอบ หมดลุ้นไปบอลโลก
ส่วนยู23 เอง ก็หน้านี้ก็ได้อันดับสามของอาเซียน ย้อนกลับไปอีกต้นปี กับทีมชุดใหญ่ ก็บุกไปพ่ายเติร์กเมนิสถาน ในเอเชี่ยน คัพ 2027 รอบคัดเลือก โอกาสเข้ารอบสุดท้ายยังไม่แน่นอน
สรุปก็คือว่าตั้งแต่ต้นปีมานี้ ทีมชาติไทย แทบทุกชุด ยังไม่มีอะไรที่ทำให้แฟนบอลไทย ได้สุขสมหวังกันเลย เป็นที่มาสำหรับการเปลี่ยนแปลงโค้ชกันไปในสองชุดล่าสุด ก็คือยู23 และทีมชาติหญิง ที่เปลี่ยนจากเจแปนเวย์ มาเป็นไทยแลนด์เวย์ ทั้งสองชุด
พูดถึงเจแปนเวย์ ตอนนี้ก็เหลืออยู่ชุดเดียว นั่นก็คือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทัพของ “เซนเซอิชิอิ” ซึ่งก็ต้องรอดูผลงานกันต่อไป
กลับมาที่ศึกฟุตบอลยู23 ชิงแชมป์เอเชีย 2026 รอบคัดเลือก กลุ่ม F ที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพ รายการมีทั้งหมด 11 กลุ่ม จะคัดเอาแชมป์กลุ่ม 11 ทีม บวกกับรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม เป็น 15 ทีม พร้อมด้วย ซาอุดิอาระเบีย เจ้าภาพ เป็น 16 ทีม ที่จะได้สิทธิ์ไปบรรเลงเพลงแข้งกันในปีหน้า
ก่อนเริ่มทัวร์นาเม้นท์มีประเด็นดราม่าเล็กน้อยเรื่องสนามแข่งขัน ซึ่งตอนแรกเรากำหนดไว้ที่สนามทรู บีจี สเตเดี้ยม หรือ ปทุมธานี สเตเดี้ยม แต่เนื่องจากสภาพสนามไม่พร้อม จึงต้องย้ายกันมาเล่นที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
ช่วงเริ่มต้นกระแสของฟุตบอลรายการนี้ ค่อนข้างเงียบ เพราะโดนกระแสคิงส์ คัพ กลบหมด แถมแข่งช่วงเวลาเดียวกันด้วย ก่อนที่กระแสจะกลับมาในช่วงที่ฝนกตกหนักน้ำท่วมสนามในนัดเจอเลบานอน นั่นแหละ ที่ทำให้มีกระแสอยู่บ้าง
จนมาถึงเกมล่าสุดนัดตัดสินชะตาของทีมชาติไทย ว่าจะได้ไปต่อหรือตกรอบ กับเกมพบเสือเหลือง มาเลเซีย เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.68) กระแสก็กลับมาอีกครั้ง เพราะคิงส์ คัพ จบไปแล้ว และไทยเราก็มีลุ้นจะเข้ารอบ ขอแค่ชนะเสือเหลืองให้ได้เท่านั้น
ซึ่งก่อนเกมจะเริ่มก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนขโมยซีนความสำคัญของเกมนี้ไปชั่วชณะ สุดท้ายแล้วเกมต้องเลื่อนไปถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะเริ่มคิกออฟได้ในเวลา 3 ทุ่มตรง จากกำหนดเดิมคือทุ่มครึ่ง
โชคดีที่เงื่อนไขและสถาการณ์ของทีมชาติไทย ค่อนข้างง่าย ขอแค่ชนะเกมนี้ก็พอ ก็จะคว้าแชมป์กลุ่ม และเข้ารอบแบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องไปดูผลกลุ่มอื่นๆ ให้ยุ่งยาก
จริงๆ แล้วเกมนี้ทั้งสองทีมน่าจะใส่กันอย่างสนุก เปิดเกมแลกกันอย่างเมามันส์ แต่ด้วยความที่สภาพสนามไม่อำนวย เกมมันก็เลยติดๆ ขัดๆ เล่นไปก้ติดน้ำไป
แต่สุดท้ายเราก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ซึ่งเป็นการเข้าทำที่สวยด้วย ไม่ได้มาจากลูกโชคช่วยเพราะติดน้ำอะไร เป็นการเปิดบอลยาวทะลุกัปดักล้ำหน้ามาถึง เสกสรรคื ราตรี หลุดมาในกรอบฝั่งซ้าย ซึ่งปกติจังหวะแบบนี้นักเตะไทยร้อยทั้งร้อยจะตะบี้ตะบันยิงเสาแรก แต่ เสกสรรค์ เลือกมองหาเพื่อนแล้วตวัดกลับมาตรงกลางให้ คคนะ ที่เติมมายิงเข้าไปเต็มข้อ เออ!! มันต้องแบบนี้สิว่ะ!!
แต่ก็ดีใจไม่นาน เราก็มาโดนตีเสมอจากลูกเตะมุม จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1 ก็คิดว่าไว้ว่ากันใหม่ในครึ่งหลัง
กลับมาครึ่งหลังเราเปิดเกมบุกเต็มสูบ ต้องการเอาประตูขึ้นนำให้ได้ ซึ่งจริงๆ เราก็เล่นได้ดี คุมเกมไว้ได้หมด อีกทั้งมาเลย์ ก็ลงไปเน้นตั้งรับและรอสวนกลับเป็นหลัก
มีหลายจังหวะที่เราน่าได้ประตูมากๆ เแี่ยวไปเฉี่ยวมา แถมแนวรับเสือเหลือง และนายทวารของพวกเขาก็เหนียวหนึบซะเหลือเกิน ยิงยังไงก็ไม่เข้า
จนมาถึงช่วง 10 นาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กดดันมาก ผ่านไป 5 นาทีสุดท้าย ตอนนั้นบอกตามตรงในใจผมลึกๆ คิดว่า เสร็จแล้ว สงสัยจะตกรอบ เพราะมันเจาะยังไงก็ไม่เข้า
แต่สิ่งที่เห็นก็คือนักเตะมันไม่ถอดใจโว้ย เราแฟนบอลยอมรับว่าเริ่มถอดใจ แต่นักเตะในสนามแม่งสู้ เหลือกี่นาทีไม่รู้ กูจะเอาบอลบุกขึ้นหน้าไปยิงให้ได้ และแล้วก้ทำได้จริงๆ ในช่วงทดเจ็บ
ซึ่งก็บอกตามตรงอีกเหมือนกันว่า จังหวะที่ ยศกร ได้บอลและเลี้ยงจี้เข้ามา พยายามบอกในใจอย่ารีบยิงนะเว้ย ใจเย็นๆ เอาให้ชัวร์ และทันทีที่ ยศกร จ่ายย้อนกลับมาให้ คคนะ คนเดิมที่วิ่งมาซัดตู้มดข้าไปอย่างสวยงามและสะใจ
ซึ่งมันเสี้ยววินาทีจริงๆ ถ้า คคนะ วางเท้าไม่ดี หรือยิงแป๊ก ยิงข้ามคานออกไป มันก็คงจบ แต่ทุกอย่างมันมาพอดิบพอดี เหมือนกับถูกเขียนไว้แล้วว่าไทยเราจะเข้ารอบ หรือเพราะฟ้าลิขิตไว้แล้ว ตามคำพูดโค้ชโย่งก็แล้วแต่
แต่สุดท้ายผลลัพธ์ ที่ได้มันมาจากความทุ่มเท และสู้กันจนหยดสุดท้ายจริงๆ ของทีมชุดนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่เกมนี้เท่านั้นที่เราเห็นการเป็นนักสู้ของช้างศึก ชุดยู23
เกมกับเลบานอน ที่เราตามหลังอยู่ 2-1 โอกาสจะตามตีเสมอก็ยากจริงๆ ถ้าให้ได้ดูเกม แต่สุดท้ายเราก็ตีเสมอได้ และเป็น 1 แต้มสำคัญ ที่ทำให้เราได้ลุ้นถึงเกมสุดท้าย
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วมาจากความใจสู้ทั้งนั้น ซึ่งถ้าเกมเมื่อคืนสมมติเราได้แค่เสมอ และต้องตกรอบ โอเคแฟนบอลก็คงจะเสียใจ แต่ลึกๆ ผมว่าแฟนบอลค่อนข้างพอใจกับผลงานและฟอร์มการเล่นของทีมชุดนี้
ตอนนี้ทีมชาติไทย ชุดยู23 ได้ไปลุยเอเชียน คัพ 2026 แล้วหนึ่งทีม ซึ่งสิ่งที่ทำให้ทีมชุดนี้ประสบความสำเร็จก็คือ “หัวใจนักสู้”
ดังนั้นก็ขอฝากไปถึงทีมรุ่นพี่ กับช้างศึก ชุดใหญ่ ที่กำลังต้องลุ้นหนักกับการไปลุยรอบสุดท้ายของเอเชี่ยน คัพ 2027 ขอให้เอาผลงานของทีมรุ่นน้อง เอาความใจสู้แบบนี้ไปใช้ ผมเชื่อว่าถ้าเราสู้จนหยดสุดท้ายเหมือนกัน ฟ้าจะลิขิตให้ทีมชุดใหญ่ได้เข้ารอบสุดท้ายได้เหมือนกัน!!
#ชิชาริเต่า