logo-heading

ทีมชาติไทย เปิดบ้านเอาชนะ ไต้หวัน ได้แบบสบายๆ 2-0 ทำให้ยังอยู่ในเส้นทางของการลุ้นตั๋วไปซาอุดิอาระเบีย ในปี 2027 กับศึกเอเชี่ยน คัพ รอบสุดท้าย

แต่จากเกมเมื่อคืนนี้ เอาจริงๆ เราควรจะชนะได้มากกว่านี้ ถ้าไม่เอาโอกาสที่มีไปยิงทิ้ง ยิงขว้างกันหมด

โจทย์แรกของทีมชาติไทย ในฟีฟ่าเดย์รอบนี้ คือการเก็บ 6 แต้มเต็มให้ได้ กับการเจอไต้หวัน 2 นัดติดต่อกัน 

ซึ่งเกมแรกถือว่าทำได้ตามเป้า กับ 3 แต้ม เหลืออีกนัด วันที่ 14 ตุลาคมนี้ ถ้าบุกเอาสามแต้มกลับออกมาจากเมื่อตี๋น้อยได้ ก็จะถือว่าสอบผ่าน และคุณยังได้ไปต่อ

แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องย้ำคำเดิมว่าคงเป็นโอกาสสุดท้ายของผู้เป็นกุนซือ แต่ดูจากเกมที่เพิ่งจบไปที่ราชมังฯ ก้น่าจะไม่เหนือบ่ากว่าแรงอะไรมากกับการจะบุกไปคว้าชัยกลับออกมา

ย้อนกลับไปที่เกมเมื่อคืนที่ผ่านมา เริ่มที่เรื่องของการจัดทัพ อย่างที่เรารู้กันว่าช้างศึก ชุดนี้มีปัญหาเรื่องกองหน้า เพราะมีหน้าเป้าตัวเดียวคือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย นอกนั้นพากันเจ็บหมด

และด้วยความที่กองหน้าจากถิ่นคลองเตย ดันมีใบเหลืองติดตัว เลยทำให้ผู้เป้นกุนซืออย่าง เซนเซอิชิอิ ต้องปรับแผนมาใช้กองหน้าตัวหลอก หรือศัพท์ทางฟุตบอลเรียกว่า “ฟอลไนน์”

ซึ่งผู้ที่ถูกเลือกในตำแหน่งฟอลไนน์  ก็คือเสือยิ้มยากอย่าง เบนจามิน เดวิส ซึ่งก็ถือว่าเหมาะสม อีกคนถ้าจะเล่นตำแหน่งนี้ได้คือ สุภโชค 

แต่เอาจริงๆ ทีมชาติไทยไม่เหมาะกับการเล่นแบบฟอลไนน์ หรอกครับ เพราะคนจะเป็นฟอลไนน์ ได้ดีต้องระดับ เชส ฟาเบรกาส ของทีมชาติสเปน หรือ โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน่ ของลิเวอร์พูล

อีกอย่างผมก็ไม่เคยเห็นทีมชาติไทยเล่นแบบไม่มีกองหน้าตัวเป้าแบบนี้มาก่อน สุดท้ายมันก็อย่างที่เห็น เบน เดวิส แทบจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เหมือนกับเล่นเป็นตัวรุกเบอร์ 10 

แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาคือเราชนะ ทุกอย่างก็จบ แล้วว่ากันใหม่นัดสองที่เราจะออกไปเยือน 14 ตุลาคมนี้

นอกจากเรื่องกองหน้าที่มีตัวเลือกจำกัดแล้ว ปัญหาการยิงประตูก็ดูจะเป็นโจทย์ใหญ่ของ อิชิอิ ที่ยังแก้ไม่หาย ตั้งแต่ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก มาถึงคิงส์ คัพ และก็ในเอเชี่ยน คัพ รอบคัดเลือก

สองนัดแรกก่อนมาเจอ ไต้หวัน เรายิงได้สองประตู คือยิง ศรีลังกา 1 ลูก และยิงเติร์กฯ มาได้ 1 ลูก เกมนี้กระเตื้องขึ้นมายิงได้ 2 จากโอกาสที่ควรจะทำได้อีก 2-3 ครั้งจะจะ

จริงๆ ถ้าเราไม่ใช้โอกาสเปลืองเมื่อวานควรจะชนะขั้นต่ำคือ 3-0 และเป็นไปได้ถึง 4-0 ซึ่งถ้าทำได้สถานการณ์ในตารางคะแนนก็จะขึ้นมาเป็นจ่าฝูงทันที

ซึ่งส่วนนึงต้องชื่นชมและส่งกระเช้าดอกไม้ไปให้ ศรีลังกา ด้วย ที่สามารถเอาชนะ เติร์กฯ 1-0 ทำให้ตอนนี้สามทีม เติร์กฯ, ศรีลังกา และ ไทย มี 6 แต้มเท่ากัน และโอกาสลุ้นเข้ารอบยังมีพอๆ กันทั้งสามทีม

แต่ถ้าเรามองแบบเข้าข้างตัวเอง นี่คือโอกาสดีที่เราจะได้ไปรอบสุดท้ายแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ถ้าสามนัดที่เหลือเราชนะได้ทุกนัด เริ่มตั้งแต่ไปเยือน ไต้หวัน ต่อด้วยเยือนศรีลังกา ในเกือน พ.ย. และนัดสุดท้ายเล่นในบ้านกับ เติร์ก มีนาคมปีหน้า

การที่ศรีลังกา ชนะเติร์กฯ ได้ หลายคนบอกว่า พี่ศรีช่วยทีมชาติไทย แต่จริงๆ แล้วพี่ศรีเข้าช่วยตัวเองมากกว่า ทำให้ตอนนี้เขายังมีลุ้นตั๋วไปซาอุฯ เหมือนกัน

เกมต่อไปนัดที่ 14 ตุลาคมนี้ สำคัญมากๆ และเมื่อจบการแข่งขันสองคู่ เราจะรู้แล้วว่าคู่แข่งของเราคือ เติร์ก หรือ ศรีลังกา กันแน่

แต่จะอย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่ใช่งานง่ายที่เราจะชนะทั้งสามเกมที่เหลืออยู่ดี โอเคละว่าไปเยือนไต้หวัน มีโอกาสมากสุด แต่การไปเยือนศรีลังกา นี่บอกเลยว่าไม่ง่ายแน่นอน ยิ่งถ้าศรีลังกาชนะเติร์กได้อีกเกม บอกเลยว่าหนักแน่

เพราะพี่ศรีจะลุ้นแชมป์กลุ่มเต็มตัว ขนาดเติร์กไปยังไม่รอด และเราตอนเจอพี่ศรีในบ้านกว่าจะชนะได้ก็หืดขึ้นคอ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ยังคงต้องมองกันไปที่เกมต่อเกม และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากันไปเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ เดี๋ยวจบเกม 14 ตุลาคมนี้ ค่อยมาว่ากันที่เรื่องสถานการณ์ลุ้นเข้ารอบอีกที

ปิดท้ายที่ปัญหาของทีมชาติไทย อีกหนึ่งเรื่อง นอกจากการจบสกอร์แล้ว ก็คืออาการบาดเจ็บ เมื่อคืนนี้มี 3 ตัวหลักที่เจ็บไปคือ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, โจนาธาร เข็มดี และ อภิสิทธิ์ โสรฎา ก็ไม่รู้ว่าทั้งสามคนจะพร้อมไหมกับเกมวันที่ 14 นี้

หลังจากนี้ทีมชาติไทย มีเวลาอีก 4-5 วัน ก่อนเกมพบ ไต้หวัน ซึ่งเป็นเกมนัดที่ 4 ของรอบคัดเลือก ก็หวังว่าเราจะเอาตัวรอดได้ และคว้าชัยกลับออกมาตามเป้าอีกครั้ง

ส่วนปัญหาเรื่องกองหน้า การจบสกอร์ หรือนักเตะบาดเจ็บ ค่อยแก้กันหน้างาน ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือ เอาตัวรอดไปรอบสุดท้ายเอเชี่ยน คัพ ให้ได้ ไว้จบเกม 14 ตุลาคมนี้ มาว่ากันใหม่

#ชิชาริเต่า 
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline