logo-heading

หลังความพ่ายแพ้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 ก็แทบกลบความหวังฝังดินในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ไปเรียบร้อย

  เพราะเดิมทีการไล่ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง ถึง 13 คะแนน ก็ว่าเข็นครกขึ้นภูเขาแล้ว ปัจจุบันเพิ่มเป็น 16 คะแนน กับการแข่งขันที่เหลืออีกเพียงแค่ 11 นัด รวม 33 แต้ม .. ตามหลักปฏิบัติแทบไม่มีทางเป็นไปได้   ยิ่งดูฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งมีแต่ปัญหา โดยเฉพาะการเล่นทีมเยือน พวกเขาพ่ายให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-2 หลังโดนยิงตั้งแต่ 11 วินาทีแรก แถมล่าสุดก็บุกไปพ่าย "สาลิกาดง" แบบทำประตูไม่ได้เช่นกัน   ถึงแม้จะมี อเล็กซิส ซานเชซ เข้ามาเป็น "เดอะ แบก" ให้กับทีมอีกหนึ่งคน แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะปัญหาที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมร้างแชมป์ พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2012-13 มีอยู่หลายปัจจัย 5 ปัจจัย ทำแมนฯ ยู แทบหมดลุ้นแชมป์ ซีซั่นนี้  มูรินโญ่ มักโดนแฟนบอลขาจรและขาประจำ วิจารณ์อยู่เสมอถึงแท็คติคที่นำมาใช้ในการแข่งขันคือการเล่นเกมที่ไม่เน้นบุกแหลก และแพ็คโซนเพื่อเน้นผลการแข่งขันมากกว่า ดังนั้นเวลาเจอกับทีมที่เน้นตั้งรับเป็นพิเศษ ลูกทีมของ "เดอะ สเปเชียล" มักจะเจอปัญหาในการเข้าทำที่ลำบาก ถ้าหากยังเจาะไข่แดงไม่ได้ ในเมื่อแท็คติด มูรินโญ่ ไม่ใช่เกมบอลบุกธรรมชาติ การขึ้นเกมรุกเลยมีแผลไว้ให้เล่นงาน โดยเฉพาะเกมโต้กลับ ที่หลายทีมนำมาใช้ ยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็น ก็คือนัดล่าสุดที่พ่ายให้กับ นิวคาสเซิ่ล 0-1 พวกเขาไม่ได้บุกแบบพับสนามใส่คู่แข่ง แถม โอเพ่น เพลย์ ก็ติดไปซะหมด จนต้องใช้เกมโยนจากด้านข้าง จนโดนเคาน์เตอร์-แอทแทคหลายครั้ง แต่โชคดีที่คุณภาพของ "สาลิกาดง" ไม่ดีเท่าที่ควร 5 ปัจจัย ทำแมนฯ ยู แทบหมดลุ้นแชมป์ ลูกากู กลายเป็นตัวความหวังใหม่ของ ปีศาจแดง หลังย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาล่าตาข่ายในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัวประมาณ 75 ล้านปอนด์ ซึ่ง "ROM" ก็ไม่ทำให้ผิดหวังซัดไปถึง 7 ตุง ในเกมลีก ระหว่างเดือนสิงหาคม - กันยายน เรียกได้ว่าต่อให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช จะบาดเจ็บพักยาว ก็ไม่ส่งผลอะไรแล้ว แต่ด้วยความที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวต้องเตะทั้งเกมลีก, คาราบาว คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึง เอฟเอ คัพ ช่วงต้นปี ทำให้ ลูกากู แทบไม่มีเวลาได้พักหายใจ เมื่อใช้งานหนักเกินไป ทำให้ความล้าเข้ามาครอบงำ หัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยม ซัดรวมกันได้แค่ 8 ประตูให้กับสโมสรรวมทุกรายการ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา จากตัวความหวัง กลายเป็นแพะรับบาป เขามักถูกวิจารณ์อย่างหนัก เวลาเจอทีมใหญ่ เพราะนอกจากไม่มีส่วนร่วมแล้ว ยังมีส่วนให้ทีมเสียประตู 5 ปัจจัย ทำแมนฯ ยู แทบหมดลุ้นแชมป์ บางทีฟุตบอลนอกจากจะต้องเก่งแล้ว เรื่องโชคดวงก็มีส่วนด้วย โดยเฉพาะเรื่องอาการบาดเจ็บ ใครรักษาตัวหลักได้ดีที่สุด ก็มีโอกาสเข้าป้ายคว้าแชมป์ แต่สิ่งนั้นมันไม่เกิดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้ เพรา มูรินโญ่ ต้องประสบปัญหาแข้งตัวหลักมีปัญหาเดี้ยงอยู่ตลอดระหว่างซีซั่น เริ่มมาตั้งแต่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, มารูยาน เฟลไลนี่, เอริค ไบยี่, ดาลี่ย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ รวมถึง ปอล ป็อกบา นักเตะเหล่านี้นับเป็นแข้งคนสำคัญกับโปรแกรมอันถี่ยิบของ "ปีศาจแดง" บางคนกลับมาได้ ก็ต้องเข้าโรงหมอไปใหม่ บางคนกลับมาได้ แต่ดันฟอร์มหายไปหน้าตาเฉย ดังนั้นปัญหาเดี้ยงเหล่านี้ส่งผลให้แชมป์ พรีเมียร์ลีก แทบหลุดลอยจากมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเลย 5 ปัจจัย ทำแมนฯ ยู แทบหมดลุ้นแชมป์ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ป็อกบา มีอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่หลายครั้งในซีซั่นนี้ เขาเคยหายหน้าไปร่วม 2 เดือน จากปัญหาเดี้ยง และมีช่วงเวลาถูกแบน 3 นัด จากการไปย่ำใส่ เอ็คตอร์ เบเยริน ซึ่งมันทำให้บางเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูตื้อตันไปบ้าง เพราะ ป็อกบา เป็นเสมือนเป็นตัวขับเคลื่อนของ แมนฯ ยูไนเต็ด คอยบัญชาเกมในแผงมิดฟิลด์ขึ้นสู่หน้า คอยถ่ายบอลและแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตู แต่กระนั้นในวันใดที่ ป็อกบา ฉายแสงไม่ออก .. กลับไม่มีใครเป็นตัวความหวังขึ้นมาให้กับทีม .. ลูกากู เมื่อไม่มีคนป้อน ก็หมดพิษสง. อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แต่ล่ะเกมที่ได้รับโอกาสไม่มีอะไรหวือหวา, เจสซี่ ลินการ์ด โชว์เทพได้เพียงแค่บางนัด ฝากผีฝากไข้อะไรไม่ได้ ขณะที่ ฆวน มาร์ต้า ก็กลายเป็นเพียงแค่คนคอยทำชิ่งกับเพื่อนเท่านั้น แถมทำได้แค่ 4 แอสซิสต์ เรียกได้ว่า หมด ป็อกบา ก็หมด คีย์แมน ไม่เหมือนฝั่ง แมนฯ ซิตี้ ที่ขนาดแค่ เดอ บรอยน์ ก็ยังรักษาฟอร์มสม่ำเสมอ 5 ปัจจัย ทำแมนฯ ยู แทบหมดลุ้นแชมป์ เอาจริงๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นคะแนนต้องมานั่งด่าขรมกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะต่อให้ล้มลุกคลุกคลาน "ปีศาจแดง" ของ มูรินโญ่ ก็ยังคงรั้งที่ 2 ต่อไปได้อย่างเหนียวแน่น เพียงแต่ว่าชายที่ชื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มันดูขาดจนเกินไป กุนซือชาวสแปนิช พา "เรือใบสีฟ้า" เก็บแต้มแล้วแต้มเล่า ยิงคู่แข่งขาดกระจุย แถมมีสไตล์เกมรุกที่ตื่นเต้นเร้าใจ ดูสนุกตื่นตาตลอด 90 นาที จึงเป็นที่มาของการเปรียบเทียบกับสไตล์เน้นผลการแข่งขันของ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อใดก็ตามที่สกอร์มันไม่เป็นไปดั่งใจ "เดอะ สเปเชียล วัน" จะถูกวิจารณ์เสมอ และ นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แทบหมดลุ้นแชมป์ไปโดยปริยาย
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline