ไทยลีก 2020 เตรียมฟาดแข้งกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังจากหยุดพักลีกไปนานร่วมๆ 4 เดือนเต็ม การชิงชัยบนสมรภูมิที่เชี่ยวกราก กับ16 ทีม
นักเตะมากมายหน้าใหม่เดินหน้า หาสโมสรเพื่อพิสูจน์คุณค่าตัวเองทั้งตัวไทยและต่างชาติ นี่น่าจะเป็นปีแรกที่ไทยลีกยุคใหม่มีการใช้จ่ายซื้อนักเตะน้อย และเฟ้นหานักเตะชื่อไม่ดังมาใช้งาน และในเมื่อไทยลีกกลับมาสตาร์ทซีซั่นใหม่ ขอบสนามจึงอยากแนะนำ 5 นักเตะฝีเท้าดีชื่อเสียงไม่ดัง แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่พร้อมจะวาดลวดลายในปี 2020 ให้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาคอลูกหนังไทย เชิญเลื่อนเมาท์ไปคลิกอ่านได้เลยจ้า 1.วิทยา มูลวงศ์ (ตราด เอฟซี) แบ็กซ้ายจอมอาภัพที่เผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บมาตลอด นับตั้งแต่ก้าวสู่คำว่านักเตะอาชีพ จากเด็กดาวรุ่งโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ก่อนจะถูกดึงตัวไปร่วมทีมบีอีซี เทโรศาสน แต่ไม่มีวาสนาได้ลงเล่นเหมือนเพื่อนๆอย่าง พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ก่อนจะลงใต้ไปค้าแข้งกับสงขลา ยูไนเต็ดในปี 2014 แต่ก็โดนคำว่าอาการบาดเจ็บกลั่นแกล้งบริเวณหัวเข่าซ้ายและหายหน้าหายตาไปอีก หลังหมดสัญญา เขาได้รับการชักชวนให้ไปร่วมทีมประจวบ เอฟซี ในปี 2016 และโยกไปอยู่กับนครปฐม ยูไนเต็ด แต่ก็อยู่ได้แค่ 1 ปี ชีพจรลงเท้าอีกครั้ง ทำให้ไอ้หนุ่มเมืองน่านย้ายไปอยู่กับหนองบัวพิชญ เอฟซี 2 ซีซั่น เขาเป็นตัวหลักให้สโมสร เพียงแต่ชีวิตนักบอลทุกคนมันก็อยากก้าวหน้าได้สัมผัสเกมไทยลีกตลอดทุกสัปดาห์ “น่าน” โลดแล่นในระดับไทยลีก 2 (ดิวิชั่น1) มามากพอแล้ว นั้นจึงทำให้เมื่อมีข้อเสนอจากตราด เอฟซี ที่มีอดีตเจ้านายเก่าอ.พยงค์ ขุนเณร ที่เคยร่วมงานกันที่นครปฐม เขาจึงไม่รอช้า จรดปากกาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะในระดับไทยลีก ซึ่งนี่คือครั้งที่ 2 ที่หมอนี่จะได้ลงเล่นในบอลเบอร์ 1 ของเมืองไทย นับตั้งแต่ปี 2014 ที่เขาสัมผัสกับทีมวัวชนแดนใต้ 2.สุวัฒน์ จันทร์บุญภา (ตราด เอฟซี) อดีตกองหลังโรงเรียนสตรีวิทยา 2 คู่หู”นิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ในระดับบอลนักเรียน แต่ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเพื่อนก้าวไปไกลในการเป็นตัวหลักทีมชาติไทย ส่วน “เจ้าหมู“ ต้องดิ้นรนหาโอกาสในโลดแล่นฟุตบอลในระดับลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 ทั้งลำพูน วอริเออร์, ก่อนจะขยับตัวเองขึ้นมาสัมผัสลีกพระรองเมืองไทย อย่างม.เกษตรศาสตร์, ลำปาง เอฟซี อันที่จริงเขาเคยได้รับความสนใจจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายไม่ได้ถูกเลือกให้ไปร่วมทีมเซราะกราว นั้นจึงทำให้เขากลับมาตั้งอกตั้งใจต่อสู้เพื่อทีมรถม้ามรกต แม้จะเป็นนักเตะที่เขาบอลหนักเล่นถูกอันตรายอยู่บ่อยครั้ง แต่ฝีไม้ลายไม้ก็ไปเข้าตา “โค้ชชู” ชูศักดิ์ ศรีภูมิ แม่ทัพใหญ่ของระยอง เอฟซี ดึงตัวไปร่วมทีม นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ สุวัฒน์ จะได้สวมสตั๊ดบู๊ไทยลีก ที่เขาใฝ่ฝันเป็นหนแรกในชีวิต 3.ชยธร เทพสุวรรณวร (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะสอบติดกันได้ง่ายๆ แต่กลับมีไอ้หนูดาวรุ่งในทีมชุดใหญ่ของทีมแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สามารถทำได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแบ่งเวลาชีวิตครึ่งหนึ่งไปซ้อมฟุตบอลลงเล่นลีกอาชีพและเรียนในรั้วมหาลัยคณะที่ว่ากันว่าแม่งยากระดับต้นๆของประเทศ แต่ไมเคิล โอเว่น เห้ยไม่ใช่ ชยธร เทพสุวรรณวร กลับทำได้อย่างน่าทึ่ง เช้าเรียนหนังสือที่สยาม ตอนเย็นมุ่งหน้าไปซ้อมบอลที่ธรรมศาสตร์ เขาเป็นเด็กที่มีวินัยได้รับความรักความอบอุ่นที่ดีจากครอบครัวที่สนับสนุนทุกอย่าง จากเด็กเยาวชนแบงค็อก ยูไนเต็ด ชุด 15 ปีที่ไม่มีดีกรีอะไรเหมือนคนอื่นๆ เขาถีบตัวเองขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่บียูได้อย่างภาคภูมิใจ ซึ่งมาจากฝีเท้าทั้ง 2 ข้างที่อัดแน่นไปด้วยเบสิคที่แน่น แถมยังยังเล่นบอลได้ชาญฉลาดเกินวัย จนปาดหน้าแซงแข้งซีเนียร์ดังๆหลายคนมาขอท้าชิงตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้วในปี 2020 4.เจนภพ โพธิ์ขี (ตราด เอฟซี) แข้งเคยเป็นดาวรุ่งจากโรงเรียนกีฬาขอนแก่นที่เริ่มต้นมาจากการเล่นกีฬาตะกร้อ ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นฟุตบอลในภายหลัง ด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมทำให้ถูกชักชวนให้มาร่วมทีมสุพรรณบุรี เอฟซี เขาวิ่งเร็ว มีทักษะเบสิคที่ดีในการครอบครองบอล แต่การที่ทีมเมืองขุนแผนมีแข้งเก๋าๆมากมายในตำแหน่งริมเส้น ส่งผลให้ต้องลงเล่นให้ทีมสำรองให้สโมสร และถูกปล่อยไปให้ประสบการณ์กับทีมอื่น เช่นลำปาง เอฟซี, อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด แต่ดูเหมือนหลายๆสโมสรจะใช้งานเขาไม่ถูกที่ถูกทางมากหนักในบทบาทแบ็คขวา ท้ายที่สุดเขาต้ดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอรอโอกาสกับสุพรรณบุรี เอฟซี อีกต่อไป และขอก้าวไปหาสโมสรใหม่ที่จะมอบพื้นที่เกมริมเส้นทางฝั่งขวา และเป็นอ.พยงค์ ขุนเณร ที่ไว้เนื้อเชื่อใจนำเขามาร่วมทีมตราด เอฟซี ด้วยชื่อชั้นที่ปลุกปั้นแข้งโนเนมมากมาย น่าเพียงพอจะเจียระไน เจนภพ ได้อีกครั้งแม้วัยจะเกินคำว่าดาวรุ่งไปแล้วก็ตาม 5.อภิศร ภูมิชาติ (สุพรรณบุรี เอฟซี) เด็กหนุ่มจากพิจิตร ที่ฝึกฟุตบอลมาพร้อมๆกับชนาธิป สรงกระสินธ์ ในวัยเยาว์ ณ โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ก่อนที่เส้นทางชีวิตจะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางของตัวเอง เขาคือเด็กดีกรีจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี ก่อนจะเข้าสู่อะคาเดมี่บางกอกกล๊าส แต่ เบียดขึ้นทีมชุดใหญ่ไม่ได้ จนต้องตระเวนพเนจรไปเล่นหลายสโมสร เช่นบีบีซียู,อาร์มี่ ยูไนเต็ด และเชียงใหม่ เอฟซี, เชียงราย ยูไนเต็ด หลังการยุบทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ดในปี 2019 แม้ว่า “กัน” จะติดยศรับราชการทหารบกไปแล้ว แต่ด้วยอายุที่เตะหลัก 26 ปี มันคือช่วงเวลาที่พีคสำหรับนักบอลอาชีพ เขาวิ่งหาทีมที่เหมาะสมกับคำว่าโอกาสลงเล่นตัวจริง ก่อนจะมาลงเอยกับสุพรรณบุรี ที่เวลานี้แทบไม่เหลือแข้งดังๆอยู่ในทีมแล้ว น่าจะทำให้เขายึดครองพื้นที่ในการเป็น 11 ตัวจริงได้ไม่ยาก และพิสูจน์ว่าตัวเองยังดีพอสำหรับการโลดแล่นในไทยลีกเอ็มเร่