logo-heading

ผมพยายามจะหาเวลาเขียนถึงหนังสารคดีเรื่องนี้มานานพอสมควร คือมีโอกาสดูมาแล้วรอบ 1 แต่ด้วยจังหวะในตอนนั้นเห็นว่าคงไม่เหมาะสมที่จะเอาลงเลยปล่อยผ่านไป กระทั่งเมื่อ 2-3 วันก่อนผมเลยตัดสินใจใช้บริการ monomax เพื่อดู We are X อีกครั้งหนึ่งเหมือนเป็นการกลับไปทบทวนความจำอีกรอบ .

ชื่อของ X Japan คงไม่มีใครไม่รู้จัก หากคุณฟังเพลงร็อค ต่อให้ไม่ได้เป็นสาวกคลั่งไคล้พวกเขาก็คงต้องรู้จักจาก เพลง นิตยสาร หรือสื่อโปรโมตบ้างละ แม้ตัวเราเองจะไม่ได้ชอบผลงานแนววิชวลเค แนวเพลงที่น้าๆสมาชิก X Japan มักตอบคำถามสื่อว่าเล่นเพลงในแนวทางไหน แต่ปฏิเสธไม่ได้หลอกว่า นี่คือวงที่เปิดตลาดวงการเพลงแดนซามูไร ให้ได้รับการจับตามองจากนานชาติแถมพวกเขายังสามารถตีตลาดได้ในอีกซีกโลกหนึ่ง แม้จะได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จยอดขายถล่มทลาย 30 ล้านก๊อปปี้ แต่วงดนตรีวงนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวด้านมืดจนชวนหน้าตกใจ . We Are X คือ สารคดีที่พูดถึงวงดนตรีในตำนานวงนี้ซึ่งถือเป็นการรวมอัจฉริยะทางดนตรีหลายคนเอาไว้ในวงเดียวโดยคนที่สำคัญที่สุดก็น่าจะเป็น โยชิกิ ซึ่งเป็นทั้งมือกลอง นักเปียโน และ หัวหน้าวงซึ่งเป็นผู้ประพันธ์บทเพลงทั้งหมด . หนังใช้เหตุการณ์การเตรียมตัวขึ้นแสดงโชว์ ที่เมดิสัน สแคร์การ์เด้น ในมหานครนิวยอร์กมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง จากนั้นก็ซัดเนื้อหากว่า 90 นาทีลงไป ถึงจุดเรื่องต้นของวงเกิดอะไรขึ้น เนื้อหาในตัวหนังเกินครึ่งมาจากการเล่าเรื่องโดยคุณพี่โยชิกินี่แหละ ที่เริ่มตั้งแต่ชีวิตครอบครัววัยเด็ก ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง พ่อของเขาฆ่าตัวตาย การผันตัวเองมาตีกลองระบายความผิดหวังในชีวิต ก่อนจะนำไปสู่การก่อตั้งวง มาจนถึงการพูดถึงสมาชิกคนอื่นๆ โทชิ นักร้องนำและ ฮิเดะ มือกีตาร์หน้าหล่อ ส่วนสมาชิกรายอื่นๆ เช่น พาตะ กับ ฮีธ และ ไทจิ จะมีไม่เยอะ . หนังจะสลับกับเหตุการณ์ในปัจจุบันระหว่างเตรียมตัวขึ้นโชว์ กับภาพฟุตเทจในอดีตเก่าๆของ X Japan มันเมื่อโยชิกิ อยากพาเราไปซึมซัมทุกแง่มุมของเขา เพราะเหมือนต้องแบกความเจ็บปวดในทุกๆช่วงเวลา จับจุดได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเผชิญหน้ามันเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายในการเดินทางตลอด 30 ปี ตลกร้ายที่วงเจอปัญหาที่เหมือนมาถึงจุดอิ่มตัว สมาชิก เริ่มอยากไปทำอย่างอื่นที่อยากทำ หนำซ้ำก็ยังมีความเลวร้ายที่เข้ามาเยี่ยมไม่ขาดสายแก่ X Japan เมื่อกระบอกเสียงอย่าง โทชิ ถูกล้างสมอง โดยลัทธิประหลาด ก่อนจะแยกทางหลังจบคอนเสิร์ตใหญ่ THE LAST LIVE ในปี 1997 . จากนั้นก็เข้าสู่การเล่าเรื่องราวฮิเดะ ร็อคสตาร์ผู้ที่ทำให้สาวๆหลงไหลใบหน้าที่หล่อเหลาและฝีไม้ลายมือในการโซโล่กีตาร์ ประเด็นที่บ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่น่าเศร้า การปิดชีพตัวเอง ภาพที่ออกมาสะเทือนใจ เราได้เห็นคนร่ำไห้มากมาย วิ่งตามรถขนศพเมื่อ 22 ปีก่อน แฟนเพลงสติแตกกับเรื่องราวในตอนนั้น . เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโยชิกิ รับมือมันไม่ไหว เขาเจ็บปวด จนแทบอยากเลิกเล่นดนตรีไปเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาเจอเหตุการณ์ปลิดชีพตัวเองจากคนรอบข้างบ่อยเกินไป มองดูกลายๆเขาเหมือนว่าหาความสุขไม่เจอ แต่ชีวิตมันต้องเดินหน้าต่อ การสูญเสียเพื่อนร่วมวง X Japan 2 คน ฮิเดะ และ ไทจิ และการได้หวนกลับมาพูดคุยกับ โทชิ นักร้องนำเสียงทรงพลังอีกครั้ง มันเป็นเหมือนพลังใจชั้นดีที่วงตัดสินใจกลับมารวมตัวโชว์อีกครั้ง สิ่งที่โยชิกิทำได้ดีที่สุดก็คือดนตรี แม้ว่าเขาต้องแลกมากับสภาพร่างกายที่บอบช้ำมาไม่น้อยเวลารัวกลองชุดในแต่ละโชว์ แต่เมื่อมันคือความสุขที่สร้างรอยยิ้มและแฟนเพลงเขาก็พร้อมจะทำอีกครั้ง . สรุป : ผมกลับชอบสิ่งที่โยชิกิ ถ่ายทอดออกมาในตัวหนัง นำเสนอด้านลบสุดขีดของวง เล่าไปให้ถึงจุดเริ่มต้น จุดจบ ความเจ็บปวด และบอกถึงสาเหตุที่วงกลับมาร่วมตัวอีกครั้ง มันเป็นสารคดีที่ดูแล้วเข้าใจง่าย ได้ฟังเพลงฮิตคุณภาพของ X-Japan ในหนังมันคุ้มค่าแล้ว คะแนนรีวิว 9/10 หนังรับชมได้ทาง https://monomax.me
logoline