logo-heading

เล่นฟุตบอลแล้วเรียนหนังสือไปพร้อมๆกันคุณคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไหมละ? นี่คือสิ่งที่นักบอลทั่วโลกเจอ การศึกษาคือสิ่งที่สำคัญ แต่ฟุตบอลอาชีพเม็ดเงินค่าตอบแทนที่สูงมันเลี้ยงดูนักเตะ  1 คนได้ แม้อาชีพนักบอลจะไม่ได้ยืนยาว แต่มีแข้งชื่อดังมากมายที่พร้อมเสี่ยงเพื่อให้ได้มาเพื่อความสุขสบาย

  เว้นแต่ว่ามีเด็กอยู่ 1 คน ผู้เขียนไปพบข้อมูลที่น่าตกใจของนักบอลไทยรายหนึ่งเรียนกรุงเทพคริสเตียนตามด้วย สวนกุหลาบวิทยาลัย ต่อด้วย เตรียมอุดมศึกษา และศึกษาในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ว่ามาทั้งหมดคือสถาบันชั้นนำของบ้านเราทั้งสิ้น เขาเป็นเด็กอายุ 20 ปี มีสัญญานักเตะอาชีพของทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วทั้งที่ทีมนี้ แทบไม่เคยชายตามองเด็กดาวรุ่งของตัวเองแท้ๆ แต่เขากับฝ่าฝันอุปสรรคสวมสตั๊ดมาฝึกซ้อมกับแข้งซีเนียร์ในทีมชุดใหญ่แบบไม่เกรงกลัวดีกรีมากมาย ก่อนจะถูกส่งไปเก็บประสบการณ์กับเอฟซี โตเกียว ทีมชุด 23 ปี ในระดับเจลีก3 ไอ้หนุ่มที่ผู้เขียนเอ่ยถึงคือ ชยธร เทพสุวรรณวร ตลอดชีวิตเขาเดินทางด้วยฟุตบอล พร้อมกับได้รับการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัว และเรียนหนังสือไปพร้อมๆกัน มันเป็นเรื่องโคตรยากที่ใครสักคนจะทำ 2 อย่างไปพร้อมๆกันในช่วงที่บ้านเราใช้ชีวิตไปด้วยความยากลำบาก ผู้เขียนมีโอกาสได้สนทนากับเขา และได้นำบทสัมภาษณ์ของแข้งไทยรายที่ 23 ที่ไปเล่นฟุตบอลอาชีพในญี่ปุ่นมาฝากครับ ขอบสนาม : อยากให้แนะนำตัวหน่อยครับ? ชยธร : สวัสดีครับ ผมชื่อ”ไมเคิล” ชยธร เทพสุวรรณวร กองกลางเอฟซี โตเกียว ชุด23 ปี ขอบสนาม : อยากให้เล่าที่มาที่ไปกับการเล่นฟุตบอลหน่อย? ทำความรู้จัก "ชยธร เทพสุวรรณวร"แข้งไทยคนที่23บอลอาชีพญี่ปุ่น ชยธร : ตอนเด็กเป็นโรคหอบหืดตั้งแต่เด็ก เคยไปหาหมอเขาบอกว่าเราไม่มีวันหาย เขาเลยแนะนำให้เราไปเล่นกีฬา พ่อเลยพาไปเล่นฟุตบอล ตอนนี้ผมหายจากโรคนี้แล้ว ฟุตบอลผมเริ่มจากกรุงเทพคริสเตียน ตั้งแต่ป.1ถึงป.6 ไปคัดตัวติด ไม่ได้เป็นโควต้านักกีฬา เพราะผมสอบเขาได้ เราเล่นทั้งฟุตบอลและเรียนหนังสือที่นั้น ขอบสนาม :อ้าวแล้วทำไมย้ายไปสวนกุหลาบละ ความรู้สึกเป็นไงเพราะเรานี่สัมผัสกับ 2 สถาบันที่ไม่ถูกกันในเรื่องของฟุตบอล? ชยธร : เป็นเรื่องตลกมาก ผมไม่ได้อยากย้ายก็เพราะเพื่อน แต่เราไปสอบติดก็เลยได้ไปเรียนที่ไปสวนกุหลาบ ม.1 ถึง ม.3 โดยที่เราเป็นนักเรียนปกติไม่ได้เข้าในโควต้านักกีฬา แต่เราไปคัดตัวติดรุ่น 14 ปี โดยที่ผมแบกอายุ 1 ปีไปเล่น ขอบสนาม : ชีวิตที่สวนกุหลาบเป็นอย่างไรบ้าง? ทำความรู้จัก "ชยธร เทพสุวรรณวร"แข้งไทยคนที่23บอลอาชีพญี่ปุ่น ชยธร : ผมเรียนหนังสือและเตะบอลไปด้วย เวลาเรียนไม่ทันก็จะมีเพื่อนช่วย ผมเรียนอยู่ห้องคิงในรุ่นที่สวนกุหลาบ แต่ช่วงม.2 ก็ไม่ได้เล่นบอลไปเกือบ 1 ปีเพราะเกรดตก เลยต้องกลับไปทำเกรดให้ดี ช่วงไม่เตะบอลผมจะชอบไปเล่นบอลกับเพื่อนอยู่หลังห้องประจำ ขอบสนาม : เดี่ยวก่อนนะ เราเป็นเด็กเรียนดีแล้วเตะบอลไปด้วยเนี่ยนะ?  ชยธร : ใช่ครับพี่ ขอบสนาม : อยู่สวนกุหลาบทุกอย่างไปได้สวยแล้วย้ายไปเตรียมอุดมทำไมละ? ชยธร : ผมก็อยากอยู่ต่อเพราะเพื่อนไม่ได้อยากย้ายเลย แต่ตอนนั้นเราจะทำเรื่อง เขาดันไปให้โควต้าเด็กกิจกรรมแม่ผมรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ เราก็เรียนหนังสือเรียนเตะบอลให้โรงเรียนก็เลยย้ายอีกครั้งไปใช้ชีวิตม.ปลายที่เตรียมอุดม ขอบสนาม : ที่โรงเรียนเตรียมอุดม เราเป็นอย่างไรบ้างช่วงนั้น? ทำความรู้จัก "ชยธร เทพสุวรรณวร"แข้งไทยคนที่23บอลอาชีพญี่ปุ่น ชยธร :ผมสอบเข้าไปเรียนที่เตรียมอุดม แต่ที่นั้นไม่มีทีมฟุตบอลให้เล่น พ่อเห็นข่าวว่าแบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดคัดเลยไป ใส่เสื้อสวนกุหลาบไปคัด ก็ได้รับคัดเลือกเป็นเยาวชนของทีม ขอบสนาม : ช่วงเตรียมอุดมเรียนหนักมาก แถมต้องไปซ้อมบอลกับแบงค็อก เราแบ่งเวลาอย่างไรบ้างในตอนนั้น? ทำความรู้จัก "ชยธร เทพสุวรรณวร"แข้งไทยคนที่23บอลอาชีพญี่ปุ่น ชยธร : ช่วงนั้นผมก็เรียนเตรียมอุดมปกติ แต่ซ้อมทีมเยาวชนแบงค็อก ไม่ได้หนักมาก เรามีแมตซ์แข่งก็เล่นตามโปรแกมปกติซ้อมกับสโมสร ถ้าเรียนไม่ทันก็มาตามการบ้านหรืองานจากเพื่อน ขอบสนาม :สอบติดจุฬาและธรรมศาสตร์แถมตลอดชีวิตสอบติดทุกสถาบันที่ไปเรียนอีกด้วย? ชยธร : เป็นเรื่องจริงครับ ตั้งแต่กรุงเทพคริสเตียน, สวนกุหลาบ, เตรียมอุดมศึกษา, คณะบัญชีจุฬาฯ, บัญชีธรรมศาสตร์ แต่เราเลือกจุฬาเพราะเด็กเตรียมมอุดมฯ เลือกที่นี้กันหมด และแม่เราด้วย ขอบสนาม :แสดงว่าชอบคณิตศาสตร์ซิถึงเลือกบัญชี? ชยธร : ตอนเด็กผมฝันอยากเป็นหมอนะครับ แต่มันเลยเยอะทั้งฟิสิกส์,เคมี มันเยอะเรารู้สึกไม่ไหว เลยมาทางคณิตศาสตร์เลยเป็นที่มาของการเรียนบัญชีครับ ขอบสนาม : ทำ 2 อย่างไปพร้อมกันในระดับเยาวชนพอเข้าใจได้ แต่พอก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ยากกว่าเดิมหลายเท่า เราปรับตรงนี้อย่างไรบ้าง? ชยธร : ชีวิตเหนื่อยมากไม่ได้พักอะไรเหมือนคนอื่นๆ ซ้อมบอลอย่างน้อย 5-6 วันต่อ 1 สัปดาห์ วันหยุดไม่ได้ไปไหนกับใครเขาอ่านหนังสืออยู่บ้านทบทวน หรือไม่ก็ให้เพื่อนร่วมห้องมานั่งติวให้ตามร้านกาแฟ เพื่อนเขาอ่านทุกวัน เราก็ต้องใช้วิธีนี้ มันเป็นความชินของเราไปแล้วเพราะถ้าไม่ทำตามก็คงมาไม่ได้ถึงทุกวันนี้ ขอบสนาม :ชีวิตที่แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ไม่ใช่เยาวชนแต่เป็นนักเตะทีมชุดใหญ่มันเป็นอย่างไร? ทำความรู้จัก "ชยธร เทพสุวรรณวร"แข้งไทยคนที่23บอลอาชีพญี่ปุ่น ชยธร : ก็ดีขึ้นครับได้รับการปรับเงินเดือน ได้รับการต่อสัญญาระยะยาวไปถึงปี 2024 ครับ ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆได้ซ้อมกับนักเตะต่างชาติและตัวไทยคุณภาพ ก้าวกระโดดจากปีก่อน ปีแล้วเราเป็นนักเตะทีมชุดบี ลงเล่นในไทยลีก 4 อยู่เลย ขอบสนาม : อะไรคือจุดเด่นของเราในการลงเล่นในสนามของเรา? ชยธร : ผมเป็นคนไม่ได้มีร่างกายที่โดดเด่นอยู่แล้ว ผมอาศัยความคิดความอ่านมองคู่แข่งมากกว่า ซึ่งนักบอลแบบผมมีน้อยในบ้านเรา ส่วนใหญ่เน้นพลละกำลังเข้าปะทะ ขอบสนาม : ตอนแรกวางเป้าหมายที่ลงเล่นไทยลีก 2020 กับบียู แต่อยู่ดีๆได้ไปเล่นบอลอาชีพที่ญี่ปุ่นแบบไม่ทันตั้งตัว? ชยธร : ใช่ครับผมเข้าแคมป์ปรีซีซั่นกับทีมชุดใหญ่ไปแล้ว แต่ผู้ใหญ่คุยกับทางสโมสร ก่อนจะตัดสินใจส่งตัวเราไป ผมมองเป็นเรื่องดีมากกว่านะครับ ผมเป็นกลางรับปีนี้ทีมมีการแข่งขันที่สูงมาก ฮาจิเมะ โอโซไก, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, แอนโธนี่  อำไพพิทักษ์วงศ์ ถ้าเราอยู่ประสบการณ์เรายังเป็นรองคงมีโอกาสไม่เยอะ การไปญี่ปุ่นถือเป็นทางออกที่ดีได้ไปเล่นบอลอาชีพได้เจอกับระบบฟุตบอลอาชีพที่ดีกว่า ขอบสนาม : เราเริ่มมีความชัดเจนที่จะเล่นฟุตบอลบ้างไหม? ชยธร : พ่อแม่อยากให้ผมเรียนหนังสือมากกว่า โดยที่ฟุตบอลเป็นเรื่องเสริม เพราะเขาบอกก็ผมอยู่เสมอว่าห้ามทิ้งการเรียน เราโชคดีมากกว่าที่บ้านให้การสนับสนุนเราในทุกๆเรื่องครับ แต่ว่าตอนนี้ผมขอดร็อปเรื่องไปก่อนเพื่อโอกาสในการเล่ยบอลอาชีพที่เราฝันนะครับ ขอบสนาม : พร้อมแล้วกับการลงเล่นกับเอฟซี โตเกียวแล้วใช่ไหม? ทำความรู้จัก "ชยธร เทพสุวรรณวร"แข้งไทยคนที่23บอลอาชีพญี่ปุ่น ชยธร : ตอนนี้พร้อมมากครับ แต่ติดเรื่องโควิด 19 ก็ไปมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ล่าสุดลีกเจ-3 จะแข่งช่วงปลายเดือนเมษายน ตอนนี้ก็ซ้อมตามโปรแกรมของสโมสร ก็มีการวัดอุณหภูมิร่างกาย ซ้อมเสร็จกลับคลับเฮาส์สโมสร ขอบสนาม : ก่อนมาเอฟซี โตเกียวได้สอบถามหรือมีข้อมูลการใช้ชีวิตบ้างไหม? ชยธร : ผมเคยมาซ้อมกับทีมเยาวชนเมื่อช่วงปลายปี 2017  1 เดือนเต็มแล้วครับ ส่วนเรื่องการปรับตัวคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร มีโอกาสได้สอบถามพวกพี่ๆที่เคยอยู่มาก่อน ทั้ง”พี่ไอซ์” จักรกฤษณ์ เวชภิรมณ์, “พี่เบียว” ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม ขอบสนาม : เป้าหมายการไปเล่นบอลอาชีพที่ญี่ปุ่น? ชยธร : ผมอยากไปเล่นบอลอาชีพที่นั้นให้นานที่สุด ผมไม่ได้แค่อยากเป็นแค่นักเตะสัญญายืมตัว1 ปีแล้วกลับเมืองไทย ผมพยายามสู้เพื่อให้เขาเลือกเราไว้ใช้งานต่อ ผมพยายามตั้งใจซ้อม ทำทุกอย่างให้เป็นมืออาชีพ ไปครั้งนี้ผมก็หวังลึกๆว่าโค้ชอากิระ นิชิโนะ น่าจะได้เห็นฝีเท้าผมบ้างละ เพราะก็หวังเป็นตัวเลือกในนามทีมชาติเหมือนกันครับ ขอบสนาม : ฟุตบอลเจลีกในมุมมองเรามีอะไรบ้าง? ชยธร : ฟุตบอลญี่ปุ่นเกมเร็ว ไม่มีหยุด นักเตะคิดเร็วทำเร็ว กดดัน นักเตะเขามองที่บอลเป็นหลัก ขอบสนาม : ฝันมาไกลแล้วจากที่พ่ออยากให้เตะบอลแล้วตอนนี้ที่บ้านว่าอย่างไรบ้าง? ชยธร : ผมไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้เพราะผมบอกกับพ่อว่า อายุ 23-24 ปี ได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ก็ดีใจแล้ว ตอนนี้ก็อยากทำให้ดีสุดกับเอฟซี โตเกียว รอบอลลีกเปิดครับ ขอบสนาม : ตอนนี้ภาษาญี่ปุ่นไปถึงไหนแล้ว เพราะที่นั้นไม่พูดภาษาอังกฤษ? ชยธร : ยังไม่ได้เริ่มเรียนเลยครับ ถ้าเรียนแล้วพี่มาสัมภาษณ์ผมใหม่นะครับ ขอบสนาม : อยากให้ทิ้งท้ายกับแฟนบอลหน่อยครับ? ชยธร : จะพยายามทำผลงานให้ดีสุดในสนาม เท่าที่คนไทยคนหนึ่งจะทำได้ ยังไงฝากแฟนบอลชาวไทยให้กำลังใจผมด้วยครับ

เอ็มเร่

[email protected]

   
logoline