หากคุณใช้ชีวิตเติบโตมาจากเสียงเพลงในช่วงยุค 90 เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก เคิร์ท โคเบน นักร้องและมือกีตาร์แห่ง Nirvana วงดนตรี 3 ชิ้นจากอเบอร์ดีน ในซีแอตเทิล ที่แจ้งเกิดกับแนวทางดนตรีที่เรียกว่า “อัลเตอร์เนทีฟ” ในช่วงรอยต่อปี 1991 จากอัลบั้ม Nevermind จนยอดขายถล่มทลาย พร้อมกับกำหนดทิศทางเพลงแนวใหม่ ขึ้นมาแทนที่เพลงร็อคแฮร์แบนด์ หรือเฮฟวี่ เมทัล
สูตรสำเร็จที่ทำให้งานของ เคิร์ท และ Nirvana กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาเหมือนเป็นตัวแทนชนชั้นแรงงานที่ต้องการปลดปล่อยความโสมม ความเน่าเฟะของสังคม โดยที่ระบายออกมาผ่านทางเนื้อเพลง ทางคอร์ดง่ายๆ เป็นเพลงร็อคดิบๆที่ติดหูแฟนเพลง โยกหัวมันทุกโชว์ จนผู้คนมากมายยกย่องให้เขาเป็นไอดอล แต่มันยังมีเรื่องราวอีกมายมายที่คนทั่วไปยังไม่รู้ว่าที่มาที่ไปของเคิร์ท พบเจออะไรมาบ้างก่อนที่เขาจะผงาดเป็นร็อคสตาร์ชื่อดัง
สารคดี Montage of Heck ที่กำกับโดยเบร็ต มอร์เกน มันเปรียบเสมือน การพาไปสำรวจชีวิตทุกซอกทุกมุมว่า แท้จริงแล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มน่ารักของครอบครัวหันเหชีวิตสู่ด้านมืด ยาเสพติด พฤติกรรมความรุนแรงที่เขาก่อไว้ในโรงเรียน ไปจนถึงการหันเหสู่การเป็นศิลปินที่สร้างความสั่นสะเทือนวงการเพลง นอกจากนี้มันก็เป็นโอกาสที่ดีมากๆที่รีวิวชิ้นนี้จะถูกปล่อยให้อ่านในวันที่ 5 เมษายน เนื่องจากครบรอบ 26 ปี การเสียชีวิตของเคิร์ท อีกด้วย
.
ข้อดี
มีสารคดีดนตรีมากมายที่นำเสนอเรื่องราวของราชาแนวกรั๊นจ์ อย่าง เคิร์ท โคเบน แต่คงไม่มีเรื่องไหนที่จะเล่าได้สมบูรณ์แบบเจาะลึกได้ละเอียดเท่ากับงานของเบร็ต มอร์เกน อีกแล้ว โชคดีอย่างหนึ่งคือเขาได้รับความร่วมมือคนใกล้ชิดครอบครัวในเคิร์ท ทั้งแม่, พ่อ ญาติ, ภรรยา, ลูกสาว และ คริส โนโวเซลิก เพื่อนสนิทที่เป็นมือเบสในวง ที่มาเป็นที่ปรึกษาให้ข้อมูลในหนังชุดนี้
หนังเริ่มตั้งเล่าตั้งแต่เคิร์ทเกิดมีชีวิตในวัยเยาว์เป็นอย่างไร แน่นอนว่าตามภาษาเด็กก็ซุกซนเป็นเรื่องธรรมดา เขาเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งชอบหาอะไรทำไปเรื่อย หนังอัดแน่นไปด้วยภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวที่หาดูได้ยากที่มาใช้บรรเลงเล่าเรื่อง ประเด็นไหนที่หาฟุตเทจภาพไม่ได้ เบร็ต มอร์เกน ก็ฉลาดพอที่จะนำเสนอประเด็นนั้นด้วยการนำทำภาพแอนิเมชั่นขึ้นมาทดแทน ตามด้วยการบทสัมภาษณ์คนใกล้ตัวเคิร์ท มารวมกันเพื่อตีแผ่ความรู้สึกนึกที่ยุ่งเหยิง ลึกๆแล้วเคิร์ท ก็เป็นคนที่เปราะบางในหลายๆเรื่องและมันทำให้เขาหันเหสู่การเล่นยาตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ช่วงชีวิตที่ยังไม่ได้จับกีตาร์อย่างจริงจัง ดูเหมือนจะมืดมน เขาลองทำในสิ่งดาร์คๆ ที่เป็นสิ่งต้องห้าม โดดเรียน, ทำลายข้าวของ, พยายามจะให้รถไฟทับฆ่าตัวตาย, ลิ้มลองการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง, ทำร้ายร่างกายหนักขึ้นจนร่างกายปวดท้องรับไม่ไหวซึ่งมันมาจากการเสพยาหนัก เพื่อนรอบข้างในวัยเรียนของเคิร์ทมีอิทธิพลไม่น้อย ส่วนหนึ่งก็มาจากสถานะครอบครัวอยู่ในขั้นที่ไม่ดีพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เล็กๆ ในตัวหนังเราได้เห็นข้อความของเคิร์ท ที่เขียนกระดาษโน๊ตไว้เพียบเป็นประโยคระบายความอัดอั้นในสภาพสังคมที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายแม่งเฮงซวย
แต่ความมืดมนเคิร์ทก็ยังหาหนทางระบายความสิ้นหวังในชีวิตผลักดันตัวเองมาเป็นนักดนตรีได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาฝึกกีตาร์หนักมาก นำประโยคที่เขียนระบายความปวดร้าวที่มีมาแต่งเป็นเพลง ตรงนี้มันเหมือนยังมีทางสว่างที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตในสิ่งที่ฝัน มุ่งหน้าทำวงกับ คริส โนโวเซลิก ในระหว่างที่มีอาชีพเสริมเป็นภารโร¬ง จนได้มีอัลบั้มชุดแรก และต่ยอดมาสู่การทำอัลบั้ม Nevermind ที่มียอดขายถล่มถลายมีเพลงฮิตแทบทุกเพลง วงกลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น
ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงมีเงินมีทองเข้ามา แต่เมื่อเขาเป็นคนธรรมดาใช้ชีวิต ก็ดีเรียบง่ายมีภรรยา คอร์ทนีย์ เลิฟ และลูกสาว ฟรานเซส บีน โคเบน น่าเสียดายที่ชีวิตของเคิร์ทก็เต็มไปด้วยปัญหา ในช่วงทำอัลบั้มที่3 และทัวร์รอบโลก เขาติดยาหนัก ซึมเศร้า จิตใจไม่ดีขึ้นเลย บุคลิกท่าทางเวลาขึ้นโชว์จะสนุก แต่งตัวบ้าๆบอๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจปิดชีพตัวเองกลางบ้านพักในวัย 27 ปั สิ้นสุดยุคทองแนวทางอัลเตอร์เนทีฟลงไปด้วยในปี 1994
ใครดูหนังเรื่องนี้จะเข้าใจง่ายเพราะสารคดีเล่าเรื่องไม่ได้นำเหตุการณ์วนไปมาตัดสลับ หนังไม่ได้เลือกเจาะจงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งแต่บาเลนซ์เนื้อหาให้พอดี เป็นเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาทีที่อัดแน่นด้วยเบื้องลึกเบื้องหลังเคิร์ทเชิงลึกจริงๆ
.
ข้อเสีย
หนังเลือกที่จะนำเสนอตัวต้นของเคิร์ท ใครคิดว่าจะได้เห็นเรื่องราวของ Nirvana แบบจุใจมีแต่ไม่เยอะ
.
สรุป : นี่คือสารคดีที่ทำมาเพื่อคนรักเคิร์ท และวง Nirvana เปิดปูมหลังที่มาที่ไปได้ตรงประเด็น เจาะลึกชีวิตด้านมืดที่แทบไม่เห็นแสงสว่าง ก่อนจะผงาดมาเป็นร็อคสตาร์ที่เปลี่ยนแปลงวงการเพลงร็อคไปตลอดกาล
แจกคะแนนรีวิว 9/10
หนังมีให้ชมแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่านทาง Itunes และ Amazon