logo-heading

ก่อนที่ เดเมียน ชาเซลล์ จะประสบความสำเร็จในการทำหนังเพลง La la land เมื่อปี 2016 ผู้กำกับอเมริกันฝรั่งเศสรายนี้ เคยปรุงแต่งหนังดราม่าดนตรีคุณภาพ ที่ให้นิยามว่า มนุษย์เราต้องฝึกฝน มนุษย์เราต้องไม่หยุดฝัน มนุษย์เราล้มเลิกไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้มาเพราะความอดทนเพียรพยายามเพื่อความสำเร็จ ผมกำลังหมายถึงหนังเรื่อง Whiplash ที่มีชื่อไทยว่า  ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ

เรื่องราวของนักเรียนดนตรีที่เล่นกลองชุดผู้มุ่งหวังสู่การเป็นนักดนตรีแจ๊สที่ยิ่งใหญ่ เขาคือมือกลองสำรองของวง Jazz band ที่มีอาจารย์จอมโหดเป็นผู้ดูแลและเขี่ยวเข็ญสมาชิกในวงกดดันทุกสารพัดเพื่อให้เด็กๆในวงพิสูจน์คุณภาพตัวเองออกมา เดิมทีมันคือหนังที่เหมาะกับคนเฉพาะกลุ่มแต่การตีความของ เดเมียน ชาเซลล์ ในเวลานั้น ทำให้ Message ของหนัง ทำให้คนในวงกว้างดูแล้วเข้าใจอินสนุกไปได้ เพราะมันเป็นหนังดราม่าดนตรีที่มีความแอ็คชั่นที่เชือดเฉือนอารมณ์ในทางดนตรี ไม่ผิดแปลกอะไรที่หนังได้รับการการันตีจาก เทศกาล Sundance ในปี 2014 ได้รับรางวัลมาถึง 2 รางวัล คือ Grand Jury Prize: Dramatic และ the Dramatic Audience Award แถมบทดราม่าเข้มข้นของ เจเค ซิมมอนส์ ยังก้าวไปซิวออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมอีกด้วย ข้อดี เชื่อว่ามีหลายคนเคยดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่ดูไม่ขอไม่เปิดเผยเนื้อหาละกัน นักดนตรีหนุ่มคนหนึ่งฝันอยากเป็นมือกลางระดับประเทศในวงการแจ๊ส  แต่ แอนดรูว์ นีย์แมน ไม่ได้มีความสามารถอยู่ในระดับที่อาจารย์ของเขา เฟลทเชอร์ ไว้วางใจเป็นได้แค่ตัวสำรอง เขาจึงหาวิธีเขี่ยวเข็ญเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนนี้ ทางอ้อมๆตลอดเวลา เพื่อให้รู้ว่าการเป็นนักดนตรีคุณภาพนั้น นอกจากการฝึกซ้อมแล้ว สโตรกการตีกลองต้องไม่ทื่อๆสักแต่ว่าตี ว่าง่ายๆคือคุณต้องครบเครื่อง พร้อมรับมือกับความกดดัน ต้องพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้น อย่าได้คิดว่าต้องกลองดีเป็นอันขาด เพราะมันทำให้ชะล่าใจ และคู่แข่งมือกลองคนอื่นอาจจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว เนื้อเรื่องที่ดาเมียน ชาเซลล์ ใส่ลงไปคือความตึงเครียด ผลักดันให้คนดูเข้าใกล้กับสถานการณ์ ความรู้สึกกดดัน ของตัวละครหลักมากยิ่งขึ้น การบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ทุ่มเทฝึกฝน โดยที่แลกมาพร้อมกับคำว่าสูญเสีย โดยที่ต้องรู้จักคำว่าอดทน มีระเบียบวินัย และการชนะใจตัวเองไม่ย่อท้อ  ซึ่งใครคงไปช่วยเราไม่ได้ ในตัวหนังได้ชัดเลยว่า แอนดรูว์ ยังมีความผิดพลาดประมาทเลินเล่อ ยังอุทิศกับการตีกลองในวงแจ๊สที่ไม่เพียงพอ เขายังตื่นสาย มาซ้อมสาย รับผิดชอบของที่ฝากไว้เอาไว้ไม่ได้ แถมผู้หญิงที่ตั้งใจจะคบเพื่อสานสัมพันธ์เป็นแฟน กลับถูกความฝันความตั้งใจที่ตัวเองมีมาทำให้รู้สึกดีๆที่มีให้กันห่างเหินไป เขายอมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อเป็นนักดนตรีตัวจริงในวงแจ๊ส ถ้าหากเราเปรียบเทียบจังหวะของหนังกับดนตรีแล้วเรื่องนี้เริ่มจากเสียงที่เบาแล้วค่อยๆดังขึ้นไปเรื่อยๆจนไปถึงจุดที่พีคสูงสุด เอาคนดูอยู่หมัด ลุ้นระทึกสนุกมากทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่หนังแอ็คชั่น  เรียกได้ว่าผูกเรื่องได้ดีสมจริง นักแสดง ตัวละครหลักจริงๆมีแค่ 2 คน คือ ไมส์ เทลเลอร์ ที่เล่นเป็นมือกลองหนุ่ม ที่ฝันอย่างแรงกล้า แต่เจออุปสรรครอบข้างเยอะแยะมากมาย จนเกือบไม่เป็นดั่งฝั่น โชคดีที่เขาเลือกทุ่มเทให้กับการเป็นมือกลอง ชอบการสโตรกการตีของเขาในหนังที่เล่นจริงจังถึงขั้นเลือดออก ซึ่งการแสดงของไมส์ พิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าหากเราทุ่มเทจริงจังอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ทำตัวครึ่งๆกลางเราจะเป็นนักดนตรีคุณภาพได้ ซีนที่ซัดกลองชุดช่วงท้ายนี่สุดยอดมาก อร่อยเหาะบอกเลย ฝาก เจ เค ซิมมอนส์ ครูจอมเฮี้ยบที่กดดันลูกศิษย์เพื่อนำความสามารถที่แท้จริงที่ซุกซ่อนเอาไว้ออกมาใช้ แกเล่นได้น่ากลัว ดุเดือดไม่ยอมให้ปล่อยผ่านไปง่ายๆเลย ถ้าหากตีกลองได้ห่วยแตกไม่เข้าท่า สมควรแล้วที่ได้ออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมเพราะบทครูที่สาดอารมณ์ถึงพริกถึงขิง ข้อเสีย ไม่รู้จะหาอะไรไปตำหนิเพราะหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้น่าทึ่งเหลือเชื่อ สอนให้คนเรารู้จักคำความอดทนเพื่อความสำเร็จจริงๆ สรุป หนังคุณภาพที่ดูแล้วโคตรมันได้อรรถรสทางดนตรีถึงขีดสุดลุ้นระทึกไปตลอดเวลา นักแสดงนำ 2 คนเชือดเฉือนอารมณ์ได้ดุเดือด แถมยังแฝงเรื่องความมุ่งมั่นเพียรพยายามเอาไว้ได้คมคาย ตัวละครหลักน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่ท้อแท้สิ้นหวังมีกำลังใจกลับมาสู้ชีวิตได้อีกครั้ง เสียดาย 6 ปีก่อนคิดช้าไปเลยอดดูในโรง ผมชอบงานชิ้นนี้มากกว่าLa la land เสียอีก แจกคะแนนรีวิว 9/10 หนังมีให้ดูแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่านทาง Amazon และ Itunes
logoline